เคยไหมคะ อึดอัดกับสิงที่ตัวเองทำอยู่ แต่ก็ไม่ยอมกล้าลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเองซะที  . .

ตู่เองก็เป็นมนุษย์เงินเดือนตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่เริ่มต้นจากเงินเดือนหลักหมื่นกลาง ๆ ตอนเริ่มทำงานเหมือนกัน (เท่าค่าแรงขั้นต่ำสมัยนี้ เอ๊ะ!!)  เคยตั้งคำถามกับตัวเองเมื่อสองปีก่อน ช่วงนั้นอาจจะเป็นช่วง midlife crisis หรือแปลเป็นภาษาไทยหมายถึง  “ วิกฤตวัยกลางคน”  ความรู้สึกตอนนั้นคือ อึดอัดกับตัวเองมาก คำถามที่เกิดขึ้นมาในหัวตอนนั้นคือทำไมทำงานมาตั้งนานแล้ว ไม่มีอะไรเป็นของตัวเองเลย??ทำให้เป็นช่วงได้กลับมาทบทวนตัวเองอย่างจริงจัง วางแผนมองหาเป้าหมายของชีวิต

ตอนนั้นตัวตู่เองไม่ได้สนใจหรอกค่ะว่าวิถีชีวิตคนอื่นจะเป็นยังไง รู้แต่วิถีชีวิตของตัวเองพอ แล้วตั้งคำถามต่อว่าสิ่งที่ทำอยู่มันตอบโจทย์ความฝันตัวเองได้ไหม??

คิดเล่นๆนะคะ สมมติคุณอยากมีเงินเก็บ 25,000 บาทต่อเดือน รายได้คุณต้องมากกว่า 25,000 บาท

วันหนึ่งจะอยากจะมีคอนโด หนึ่งหลังเป็นที่พักอาศัย ราคาสักสองล้าน คุณต้องมีรายได้หักค่าใช้จ่ายแล้วเหลือพอผ่อนประมาณ 15,000  บาทต่อเดือน

และถ้าวันหนึ่งคุณจะมีรถ ราคาสัก 800,000 คุณต้องมีรายได้หักค่าใช้จ่ายแล้วเหลือพอผ่อนประมาณ 12,000 บาท ต่อเดือน

อันนี้ไม่รวมค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ค่าใช้จ่ายในการดูแลตัวเองและคนรอบข้าง  ค่าใช้จ่ายไม่คาดคิดต่างๆนะคะ  มันเลยเป็นที่มาไงคะว่าทำไมมนุษย์เงินเดือนต้องหาเพิ่ม ทำไมเป็นมนุษย์เงินเดือนต้องลงทุน ? 

 

แล้วรายได้ที่เราควรจะมีเป็นเท่าไหร่ ? สิ่งที่ทำอยู่ตอนนี้เพียงพอกับความฝันตัวเองรึยัง ?

ตอบตัวเองนะคะไม่ต้องตอบตู่ ฝันแต่ละคนไม่เท่ากันค่ะ ถ้าคุณตอบตัวเองแล้วทุกอย่างตอนนี้คือ “โอเค” ตู่ว่านั่นคือจุดสมดุลในชีวิตแล้วนะคะ แต่ตู่เป็นคนหนึ่งที่พอคิดจบคำตอบที่ออกมาคือ “ไม่โอเค” ตอนนั้นตู่เลยเอาเป้าหมายตั้ง แล้วหาวิธีการมาตอบโจทย์ฝันตัวเอง

แล้วทำยังไง ?

ออกตัวก่อนเลยนะคะ ตู่ไม่ได้มีเจตนาที่จะบอกว่าตัวเองเก่งหรือ ตู่ขอสรุปในแบบตู่เลยละกันนะคะ เผื่อว่าประสบการณ์ หรือความคิดคิดของตู่จะเป็นแรงบันดาลใจให้กับเพื่อนมนุษย์เงินเดือนที่อยากจะก้าวไปออกจากจุดเดิมเหมือนตู่

 

กลับมาที่คำตอบ ตู่ทำ 3 ข้อดังนี้ ค่ะ

 

step 1 ) เปลี่ยนความเชื่อ

ตู่เชื่อว่าวิธีคิดมาก่อน เดี๋ยววิธีการมาเอง เลิกคิดเถอะค่ะว่าตัวเองทำไม่ได้ แล้วก็เลิกฟังคำพูดคนอื่นว่าคุณทำไม่ได้ เอาจริงๆ ต้องมีแน่นอนในชีวิตคุณ คนที่จะพูดกับคุณว่า จะลงทุนต้องรวย , อายุงานขนาดนี้จะมีรายได้หลักแสนเป็นไปไม่ได้หรอก หยุดฟังเถอะค่ะ เพราะคุณจะกลัว ลงมือทำ จะผิดจะพลาดก็ให้เพราะเราฟังตัวเองไม่ใช่เราฟังคนอื่น

เรื่องงาน   ตู่ก็หาเลยค่ะ งานอะไรที่ตอบโจทย์สิ่งที่เราฝัน สิ่งที่เราอยากได้
ในเรื่องการลงทุน ก็เหมือนกันค่ะ ตู่เอาเป้าหมายตัวเองเข้าว่า แล้วหาเลยค่ะว่าอะไรที่ตอบโจทย์ที่ตั้งได้บ้าง แล้วอย่าคิดเยอะค่ะ ศึกษาแล้วลองดู ย้ำนะคะ ศึกษา แล้วลองสังเกตจริตตัวเองดูว่าชอบตัวเองในแบบไหน

 

step 2) ลงมือทำ อะไรที่ไม่ work ทำแล้วไม่ได้ผลให้เปลี่ยนวิธีการ

อย่าเสียเวลาบ่นเลยค่ะ การบ่นเป็นการพ่นพลังงานลบบั่นทอนตัวเอง (คนรอบข้างด้วย)

ถ้างานที่ทำอยู่มันไม่ตอบโจทย์ชีวิตคุณ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงิน หรือแม้แต่เนื้องาน คุณหางานใหม่เถอะค่ะ อย่าทำไปบ่นไปเลย ตู่เชื่ออย่างหนึ่งว่าเราเปลี่ยนองค์กรไม่ได้ แต่เราเปลี่ยนตัวเองได้

ถ้าคุณอยากลงทุน แต่ไม่มีทุน คุณต้องหาทุนก่อนค่ะ การบ่น การท้อ ไม่ทำให้คุณมีตังค์เพิ่ม ทำตัวเองให้คู่ควรค่ะ

เราไม่ได้สิ่งที่อยากได้ เราได้สิ่งที่คู่ควร อยากได้งานเอางานมาดูสิคะว่าบริษัทต้องการคนแบบไหน ข้อไหนเรามีข้อไหนเรายังพร่องแล้วเราจะแก้ไขยังไง ส่วนในเรื่องการลงทุน ตู่ตามหาไอดอลเลยค่ะ ดูคนที่เขาสำเร็จเป็นตัวอย่าง ดูวิธีการคิด (mind set)ของเขา แล้วเราก็เดินตาม เยอะค่ะตามชั้นหนังสือ พอเริ่มอ่านคุณจะเริ่มเข้าใจ แล้วจะเริ่มมองเห็นว่าเราชอบวิธีคิดคิดแบบไหน เพื่อเอามาปรับให้เข้ากับการลงทุนในแบบของคุณ อ่านเถอะค่ะ ลงทุนกับความรู้ ลงทุนกับตัวเอง (อันนี้สำคัญสุด)

 

step 3) ทำตัวเองให้มีความสุขอยู่เสมอ

ข้อนี้สำคัญ ตู่สังเกตจากคนที่ประสบความสำเร็จ รวมถึงตัวตู่เอง ตู่เชื่ออย่างหนึ่งนะคะว่าเราไม่มีทางสำเร็จเลยถ้าเราไม่ได้รักในสิ่งที่เราทำ และเราไม่ได้มีความสุขกับสิ่งที่ทำ ถ้าคุณไม่มีความสุข คุณจะท้อ คุณจะบาดเจ็บง่าย ตายเร็วเวลาเจอปัญหา

เพราะใจคุณมันไม่ไป ฉะนั้นเลือกแล้วก็แลกมากับสิ่งที่ทำให้คุณมีความสุขเถอะค่ะ เพราะสิ่งนั้นจำให้คุณรู้สึกมีคุณค่า และความรู้สึกว่าคุณมีคุณค่านั้นจะทำให้คุณประสบความสำเร็จ ทั้งในเรื่องงานและการลงทุน พระพุทธเจ้าท่านได้ตรัสไว้แล้วว่า
 “ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน ใจถึงก่อน ทุกอย่างสำเร็จได้ด้วยใจ.”

 

เป็นกำลังใจให้ทุกคนค่ะ เริ่มเถอะค่ะ !! มนุษย์เงินเดือนผู้มีคุณค่า

ไว้ต่อตอนหน้าค่ะ ว่าตู่ ศึกษา และ เลือกลงทุนอะไรให้ตัวเองบ้าง

– ขอบคุณค่ะ –