ซีคอนโฮมฯมั่นใจภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านปีระกาฟื้นตัวตามเศรษฐกิจในประเทศ ประกาศเกมรุกรับปี60 เปิดตัว 5 แบบบ้านใหม่ขยายฐานกลุ่มGen Y ทั้งดึง “จักรพล จันทวิมล”ร่วมปรับกลยุทธ์สร้างแพลตฟอร์มรับยุคออนไลน์ สร้างการรับรู้แบรนด์ ตอบโจทย์ลูกค้ารุ่นใหม่ ตั้งเป้ายอดขายปีนี้แตะ 1,300 ล้านบาท โต10% จากมูลค่าตลาดรวม 12,000 ล้านบาท

 

ตลาดรับสร้างบ้านพร้อมก้าวสู่การตลาดยุคดิจิตอล  ล่าสุด “กลุ่มซีคอน โฮม” พี่ใหญ่ของวงการ เปิดกลยุทธ์ใหม่ทุ่มงบกว่า 50 ล้านบาทสะท้อนความแข็งแกร่งของจุดขายที่เหนือกว่าผ่านแนวคิด ‘Seacon Home First Class Experience’ พร้อมมอบประสบการณ์การสร้างบ้านระดับ “เฟิร์ส คลาส”ซึ่งถือเป็นการปรับกลยุทธ์การสื่อสารครั้งใหญ่ของกลุ่มซีคอน โฮม รับปี 2560 เพื่อให้สอดคล้องกับการปรับตัวของพฤติกรรมผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน

 

 

นางสาวศุภิชชา ชัยพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีคอนโฮม จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมของเศรษฐกิจไทยในปี 2560 ว่ามีแนวโน้มที่จะขยายตัวดีขึ้น โดยมีสัญญาณจากภาคการส่งออกที่เริ่มฟื้นตัว ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวก็มีอัตราการเติบโตในทิศทางที่ดี ส่วนภาพรวมธุรกิจรับสร้างบ้านนั้น คาดว่าจะขยายตัวตามเศรษฐกิจของประเทศ  มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น เนื่องจากการสร้างรถไฟฟ้าที่ทยอยแล้วเสร็จหลายเส้นทาง เพิ่มความสะดวกสบายของการเดินทาง ทำให้คนที่มีที่ดินอยู่ชานเมืองสนใจสร้างบ้านอยู่อาศัยหรือสร้างอาคารเพื่อการพาณิชย์มากขึ้น นอกจากนี้ กลุ่มผู้ที่ต้องการสร้างบ้านใหม่ทดแทนบ้านเดิมก็เริ่มมีจำนวนเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน

 

ในส่วนของบริษัทฯเองมั่นใจว่าในปีนี้จะมีอัตราการเติบโต10%เพราะมั่นใจว่าสภาวะเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มดีขึ้น และเศรษฐกิจในประเทศฟื้นตัว จากการลงทุนของภาครัฐที่จะทำให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนลงสู่ระบบ และกระตุ้นการลงทุนในส่วนของภาคเอกชน อีกทั้งราคาพืชผลที่เคยตกต่ำมานานก็มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น และเชื่อว่าเมื่อมีการประกาศใช้กฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างฯแล้ว จะส่งผลให้ผู้ถือครองที่ดินหลายแปลงนำที่ดินมาสร้างบ้านเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกส่งผลให้ธุรกิจรับสร้างบ้านโตต่อเนื่องอีก 3 ปี

 

 

สำหรับแผนการดำเนินงานในปี2560 นี้บริษัทฯได้มีการพัฒนาแบบบ้านใหม่ที่มีความเป็นไลฟ์สไตล์มากขึ้น เพื่อต้องการเพิ่มฐานลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่ที่อยู่ในวัยทำงาน หรือกลุ่ม Gen Y อายุ 30 – 45 ปี ที่มีกำลังซื้อ เริ่มมีเงินเก็บเพื่อสร้างบ้านเป็นของตนเอง คนกลุ่มดังกล่าวจะต้องการบ้านขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ดังนั้น แนวทางการออกแบบบ้านของกลุ่มซีคอน โฮม จะเน้นพัฒนาแบบบ้านเพื่อตอบโจทย์คนกลุ่มดังกล่าวเพิ่มขึ้น โดยจะมี 5 แบบบ้านใหม่ให้เลือกได้แก่ 1.บ้านเติมสุข ขนาดพื้นที่ 286 – 467 ตารางเมตร(ตร.ม.) ราคา 5.1 – 7.6 ล้านบาท 2.บ้านสานรัก ขนาดพื้นที่ 199 – 269 ตารางเมตร ราคา 2.9 – 4.1 ล้านบาท 3.บ้านตามฝัน ขนาดพื้นที่ 87 – 215 ตารางเมตร ราคา 1.39 – 2.7 ล้านบาท  4. บ้านพอดี ขนาดพื้นที่ 110 – 130 ตารางเมตร ราคา 1.5-2 ล้านบาท และ5.บ้านแทนคุณ ขนาดพื้นที่ 205-220 ตารางเมตร ราคา 4.1 – 4.6 ล้านบาท

 

“เราต้องการเพิ่มฐานลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่ที่อยู่ในวัยทำงานมากขึ้น ซึ่งจากการสำรวจพบว่าลูกค้ากลุ่มดังกล่าวจะมีความตัองการบ้านขนาดเล็ก-กลาง ดังนั้นแนวทางการออกแบบบ้านของกลุ่มซีคอน โฮม ในปีนี้จะเน้นพัฒนาแบบบ้านเพื่อตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มดังกล่าวเพิ่มขึ้น โดยมีขนาดพื้นที่ใช้สอยอยู่ที่ 150 – 250 ตารางเมตร ควบคู่กับ Lifestyle ที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อให้ลูกค้าได้มีโอกาสเลือกได้ตาม life style และตามงบประมาณที่ตั้งไว้”นางสาวศุภิชชา กล่าว

 

นอกจากนี้เพื่อเป็นการรับมือกับยุคดิจิทัล เพราะจากผลสำรวจของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) เกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตของคนไทยในปี 2559 พบว่าปัจจุบันคนไทยใช้อินเทอร์เน็ตเฉลี่ยคนละ 6.4 ชั่วโมงต่อวัน โดยกลุ่ม Gen B หรือ Baby Boomer Generation กลุ่มคนที่เกิดระหว่างปีพ.ศ. 2489 – 2507  อายุ   44 – 62 ปี คือ กลุ่มที่มีการใช้งาน Social Network สูงขึ้นมากกว่าในอดีต ในขณะที่กลุ่ม Gen X  Gen Y และGen Z นิยมบริโภคคอนเทนต์วิดีโอมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในอนาคตอันใกล้ บริษัทฯจึงได้ปรับกลยุทธ์การตลาดใหม่  เพื่อเป็นการปรับตัวรับกับรูปแบบพฤติกรรมการสื่อสารที่เปลี่ยนไปในไทย

 

เพื่อรองรับกับเทรนด์ธุรกิจได้ดึงนายจักรพล จันทวิมล ซึ่งเป็นผู้บริหารยุคใหม่มีความเชี่ยวชาญในด้านการทำตลาดในยุคดิจิทัล ปัจจุบันเป็นผู้บริหาร 4 บริษัทฯขอตระกูล”ซอโสตถิกุล”คือไทยชูรส ตราชฎา,ซีคอนสแควร์,นันยาง และล่าสุดดำรงตำแหน่งกรรมการบริหาร กลุ่มซีคอนโฮมฯ เพื่อสร้างแพลตฟอร์มการสื่อสารครั้งใหม่เพื่อตอบรับยุคออนไลน์ ด้วยการนำความแข็งแกร่งทางประสบการณ์มาถ่ายทอดให้เกิดความจงรักภักดีใน แบรนด์ (brand loyalty) และสร้างการรับรู้แบรนด์ (brand awareness) ผ่านแคมเปญการตลาด  ใหม่‘Seacon Home First Class Experience’ ที่สะท้อนให้เห็น 3 มิติที่เหนือกว่า ประกอบด้วย First Class Consultant, First Class Construction และ First Class Management  ซึ่ง3 มิติด้านบริการนี้ จะสะท้อนถึงความเป็นเลิศของกลุ่มซีคอน โฮม จะถูกถ่ายทอดผ่านทั้งสื่อรูปแบบเดิม คือสื่อสิ่งพิมพ์ และสื่อออนไลน์ เพื่อให้ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายในกลุ่มเป้าหมายทุกรุ่น

 

ในปีนี้บริษัทฯได้ทุ่มงบการตลาดทั้งสิ้น 50 ล้านบาท ล่าสุดเมื่อกลางเดือนธันวาคม 2559 ที่ผ่านมาได้ออนแอร์ VDO clip เรื่องแรกออก ‘สุดจะทนกับคนหัวดื้อ’ ไป ซึ่งสามารถสร้างให้เกิดการพูดถึงในแวดวงธุรกิจรับสร้างบ้านถึงการปรับเปลี่ยนครั้งนี้ ในขณะที่กระแสตอบรับจากกลุ่มลูกค้าก็สะท้อนกลับมาในเชิงบวก ปัจจุบัน VDO clip ชุดแรก หลังจากปล่อยไปได้ประมาณ 2สัปดาห์สามารถสร้างความมีส่วนร่วมเป็นที่น่าพอใจ  และจะใช้กลยุทธ์ดังกล่าวตลอดปีเพื่อนำเสนอความเป็นตัวตนของ   ซีคอน โฮม ทั้งด้านสินค้าและบริการ ที่อ้างอิงจากความรู้สึกของลูกค้าจริงของเรามาร้อยเรียงเป็นเรื่องราวผ่านการพัฒนาคอนเทนต์ในรูปแบบต่างๆอย่างต่อเนื่อง

 

โดยในปี 2560 เราวางงบการโปรโมทแบรนด์และบริการ ผ่านแคมเปญ Seacon Home First Class Experience ไว้สูงถึง 60% ของงบโดยรวม   ซึ่งเชื่อมั่นว่าการปรับตัวครั้งใหญ่ของบริษัทฯในครั้งนี้จะช่วยตอกย้ำความแข็งแกร่งที่ซีคอนโฮมสร้างมาตลอด 56 ปีให้แก่กลุ่มลูกค้าเดิม ในขณะที่สามารถสร้างความเข้าใจและการรับรู้ในแบรนด์สู่กลุ่ม generation ใหม่ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่อสร้างกระแสการรับรู้เชิง mass กลุ่มซีคอน โฮมจึงได้สร้างสรรค์ภาพยนตร์โฆษณา (TVC) ชุดใหม่ ภายใต้ conceptเดียวกัน คือ Seacon Home First Class Experience ที่จะเริ่ม on airในวันที่ 7 มกราคม 2560 นี้ เพื่อแสดงให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพในทุกๆด้าน ของประสบการณ์ด้าน งานก่อสร้าง การบริหารจัดการ และความสามารถในการให้คำปรึกษาแก่ลูกค้าให้เกิดความไว้วางใจให้เราเป็นผู้ให้บริการสร้างบ้าน คาดว่าในปีนี้ผู้บริโภคจะรับรู้แบรนด์ผ่านสื่อออนไลน์มากขึ้นถึง 50% ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นคนรุ่นใหม่ ที่มีความต้องการบ้านระดับราคา 2-5 ล้านบาท ถือเป็นกลุ่มที่ใหญ่ที่สุดในธุรกิจรับสร้างบ้าน

 

 

ทั้งนี้ในปี 2559 กลุ่มซีคอน โฮม สามารถทำยอดขายรวมทั้งกลุ่มได้ตามเป้าที่วางไว้คือ1,200 ล้านบาทแบ่งเป็นยอดขายจากซีคอน โฮม จำนวน 55 หลัง  มูลค่า 500 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 40%ในขณะที่ยอดขายรวมของคอมแพค โฮมและบัดเจท โฮม รวม 210 หลัง มูลค่า 700 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน60% ส่งผลให้กลุ่มซีคอน โฮม มีอัตราการเติบโตในปี 2559 ที่6% และคาดว่าจากการทุ่มงบปลุกกระแสการรับรู้ผ่านช่องทางออนไลน์ในปี 2560 จะทำให้มียอดขายที่ 1,300 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโต10%จากตลาดรวมธุรกิจรับสร้างบ้านที่มีอยู่ 12,000ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายจากซีคอน โฮม 520 ล้านบาท หรือสัดส่วน 40% และจากคอมแพค โฮม-บัดเจท โฮม 780 ล้านบาท หรือสัดส่วน 60%

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*