ทุกๆช่วงขึ้นปีใหม่ สิ่งหนึ่งที่ผมทำมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา คือการมานั่งทบทวนถึง “ความสำเร็จ”ของปีที่ผ่านมา ปีนี้ก็เช่นกันที่ต้องมานั่งรำลึกถึงทั้ง “ความสำเร็จ” และ “ความไม่สำเร็จ” ที่เกิดขึ้นทั้งปี
.
แน่นอนว่า นิยามของความสำเร็จแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนวัดเป็น “ตัวเลข” บางคนวัดเป็น “เวลา” หรือ บางคนวัดเป็น “การได้ลงมือทำ” แต่ดัชนีการวัดความสำเร็จอีกอย่างหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามก็คือ “การเรียนรู้” ต่างหาก ผมชอบนะ เวลามานั่งคิดย้อนหลังว่า ปีนี้ได้ เรียนรู้อะไรใหม่ๆบ้าง บางเรื่องคือการเรียนรู้ความรู้เรื่องใหม่ถอดด้ามแบบที่ไม่เคยรู้มาก่อนเลย แต่อีกมุมหนึ่งคือการเรียนรู้จากความผิดพลาด นี่แหละที่สำคัญมาก เพราะมันจะเป็นการเตือนตัวเองให้มีสติว่า เฮ้ย ! เอ็งยังไม่เก่งนะเว้ย ! ยังมีเรื่องที่ทำพลาดเพราะ 1….2 …3….4 อยู่เลย ปีหน้าอย่าพลาดอีกล่ะ เพราะผิดครั้งแรกเป็นครู แต่ถ้าผิดเรื่องเดิมซ้ำ เป็นคนโง่นะ โง่ซ้ำซากดักดานด้วย จำไว้ !
.
นี่แหละครับ Philosophy of Success ของผม คือ “การเรียนรู้” ผมชอบมาก ปีที่ผ่านมาก็เช่นกัน ผมได้เรียนรู้เรื่องใหม่ๆ เยอะมากมายเช่นเคย ธุรกิจใหม่ๆ การลงทุนใหม่ๆ กระแสใหม่ๆ ที่สามารถนำมาช่วยต่อยอดกับธุรกิจเดิมของผม รวมถึงธุรกิจที่จะเกิดขึ้นใหม่ๆ ในปีใหม่นี้ การทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จนั้น ต้องอาศัยความรู้มากมายหลายแขนงมาก ผมชอบที่จะได้เจอเพื่อนใหม่ๆ ที่บางครั้งด้วยหน้าที่การงานที่ทำอยู่ แทบไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลย แต่การได้คุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเรื่องต่างๆกัน มันกลับทำให้ผมจุดประกายไอเดียบางเรื่องที่ไปต่อยยอดกับเรื่องอื่นๆที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลยได้ และปีใหม่นี้ผมว่า มีอีกหลายๆเรื่องที่ผมต้อง เรียนรู้เพิ่มเติมเช่นเคย เช่น กระแสธุรกิจโลกใหม่หลายๆอย่างที่น่าลงทุน หุ้นตัวใหม่ๆที่ต้องไปเจาะรายละเอียดมากขึ้น หรือเรื่องของ นโยบายภาครัฐที่จะออกมาใหม่ๆ และจะมีผลกระทบต่อทั้ง คนทำธุรกิจและคนไม่ทำธุรกิจ เช่นเรื่องนโยบายภาษีเป็นต้น