An image

สถานทูตออสเตรเลียเนื้อหอม ผู้ประกอบการ สถาบันการเงิน ต่างชาติสนใจร่วมประมูลกว่า 10 ราย คาดก่อนปิดรับซองต้นมิ.ย.มีผู้สนใจอีกเพียบ คาดทุกกระบวนการเสร็จสิ้นในปลายปี60 พร้อมเผยผู้ชนะการเสนอซื้อ

 

นางสุพินท์ มีชูชีพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โจนส์ แลง ลาซาลส์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือเจแอลแอล ในฐานะตัวแทนแต่เพียงผู้เดียวในการจัดหาผู้ซื้อให้กับที่ดินบนถนนสาทรของสถานเอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้มีผู้แสดงความสนใจที่จะยื่นข้อเสนอซื้อที่ดินแปลงดังกล่าวแล้วมากกว่า 10 ราย บริษัทฯ ยังคาดด้วยว่าจะมีผู้แสดงความจำนงเพิ่มอีกก่อนถึงกำหนดปิดรับ ทั้งนี้การเสนอขายที่ดินแปลงดังกล่าวเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยใช้วิธีเปิดให้ผู้สนใจซื้อยื่นเสนอราคา และมีกำหนดปิดรับข้อเสนอในเดือนมิถุนายนนี้

An image

โดยที่ดินแปลงดังกล่าวมีเนื้อที่ 7 ไร่ 382 ตารางวา ได้รับการเสนอขายโดยกระทรวงการต่างประเทศออสเตรเลีย ตามที่สถานเอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำกรุงเทพฯ เตรียมย้ายไปยังที่ทำการใหม่ใกล้สวนลุมพินีในเร็วๆ นี้

 

“ดังที่คาดไว้ ที่ดินสถานทูตออสเตรเลีย บนถนนสาทรที่กำลังเสนอขายอยู่ในขณะนี้ มีผู้แสดงความสนใจซื้อเข้ามาสูง เนื่องจากเป็นโอกาสที่หาได้ยากที่จะมีที่ดินแปลงใหญ่เสนอขายกรรมสิทธิ์ขาดในย่านใจกลางธุรกิจของกรุงเทพฯ โดยผู้ที่แสดงความสนใจซื้อ ขณะนี้ประกอบด้วยบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ทั้งที่อยู่ในและนอกตลาดหลักทรัพย์ฯ ตลอดรวมไปถึงสถาบันการเงิน และบริษัทระหว่างประเทศที่สนใจใช้ที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นสถานที่ก่อสร้างอาคารที่ทำการสำนักงานใหญ่ ทั้งหมดล้วนมีคุณสมบัติเหมาะสมสำหรับการเข้าร่วมเสนอราคา ทั้งในแง่ของความเข้มแข็งทางการเงินและความมีชื่อเสียง” นางสุพินท์กล่าว

 

นอกเหนือจากการตั้งอยู่บนทำเลชั้นดีของถนนสาทร รูปแปลงที่ดินที่มีลักษณะสีเหลี่ยมผืนผ้า หน้ากว้างติดถนนประมาณ 70 เมตรและลึกประมาณ 160 เมตร เป็นหนึ่งในจุดเด่นสำคัญที่ผู้สนใจซื้อให้คุณค่ามากที่สุดกับที่ดินแปลงนี้ เนื่องจากทำให้โครงการอสังหาริมทรัพย์ใดๆ ที่จะสร้างขึ้นบนที่แปลงนี้ จะสามารถได้รับประโยชน์สูงสุดจากผังเมืองของกรุงเทพมหานคร ซึ่งกำหนดให้สาทรเป็นพื้นที่ประเภทพาณิชยกรรมและที่อยู่อาศัยหนาแน่นมาก และอนุญาตให้สร้างอาคารสูงในอัตราส่วนพื้นที่อาคารรวมต่อพื้นที่ดิน (Floor Area Ratio: FAR) สูงเต็มเพดาน 10 ต่อ 1

 

หลังการปิดรับข้อเสนอ จะมีขั้นตอนอื่นๆ ตามมาอีก อาทิ การคัดกรองผู้เสนอราคา การเจรจาข้อตกลงการซื้อขาย การจัดเก็บเงินมัดจำ และการตรวจสอบสินทรัพย์ เป็นต้น ดังนั้น จึงคาดว่า ธุรกรรมการซื้อขายจะเสร็จสมบูรณ์ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ซึ่งจะเป็นการยืนยันด้วยว่าบริษัทใดเป็นผู้ชนะการเสนอซื้อในครั้งนี้