บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ เปิดเกมรุกคอนโดซูเปอร์ลักชัวรี พร้อมเตรียมลงทุน 7 โครงการ มูลค่ารวมกว่าหมื่นล้านบาท หลัง MARQUE Sukhumvit (มาร์ค สุขุมวิท) – MUNIQ Sukhumvit 23 (มิวนีค สุขุมวิท 23) ยอดจองทะลุ 70% ลุยแบรนด์ใหม่ “ MARU (มารุ) ” ผุด 2 โครงการย่านลาดพร้าว–เอกมัย มูลค่าโครงการรวมกว่า 4,100 ล้านบาท 

ดร.สุริยา พูลวรลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทมุ่งเน้นในการพัฒนาโครงการระดับ Upper Middle ถึงระดับซูเปอร์ลักชัวรี โดยโลเคชั่นที่เหมาะสำหรับการลงทุน ได้แก่ โซนราชดำริ อโศก พร้อมพงษ์ ทองหล่อ เอกมัย เพราะเล็งเห็นถึงศักยภาพเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อสูง สถานการณ์โดยรวมอาจจะมีคู่แข่งในการสร้างคอนโดจำนวนมาก ซึ่งปีนี้คาดว่าจะเปิดทั้งหมด 7 โครงการ มูลค่าการลงทุนรวมกว่าหมื่นล้านบาท

 

ล่าสุดบริษัทฯ มีแผนเปิดตัวแบรนด์ใหม่ “ MARU (มารุ) ” จำนวน 2 โครงการ ได้แก่  MARU ลาดพร้าว 15 มูลค่าโครงการกว่า 1,800 ล้านบาท และ MARU เอกมัย ซอย 2 มูลค่าโครงการ 2,300 ล้านบาท รูปแบบจะเป็นคอนโด High Rise ราคาเริ่มต้นที่ 1.5 แสนบาท/ตรม. จำนวน 200 – 300 ยูนิต/โครงการ มีจุดเด่นเรื่อง Pet Friendly & Wellness Living ซึ่งจะมีบริการสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับสัตว์เลี้ยง และพื้นที่ใส่ใจรายละเอียดสำหรับคนรักสุขภาพ เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์คนเมือง

 

สำหรับ โครงการ MARQUE Sukhumvit (มาร์ค สุขุมวิท) ถือเป็นคอนโดระดับซูเปอร์ลักชัวรี จำนวนเพียง 148 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 42 ล้านบาท ถึง 350 ล้านบาท ชูแนวคิด “Heritage Living” ใกล้รถไฟฟ้าบีทีเอสสถานีพร้อมพงษ์ ศูนย์การค้าดิเอ็มโพเรี่ยมและเอ็มควาเทียร์  ขณะนี้ก่อสร้างเสร็จแล้วกว่า 95% และคาดว่าจะเริ่มโอนได้ภายในเดือนกรกฎาคมนี้ ส่งผลให้มูลค่าโครงการเพิ่มสูงถึงกว่า 7,500 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายสูงถึง 70% ตั้งเป้าหมายจะโอนได้ภายในปีนี้กว่า 5,000 ล้านบาท

 

ลูกค้าส่วนใหญ่จะซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง และซื้อด้วยเงินสด เนื่องจากเป็นทำเลสุดท้ายบนถนนสุขุมวิทเส้นหลัก โดยราคาเริ่มต้นที่ 3.2 – 3.3 แสนบาท/ตรม. ขณะที่โครงการ MUNIQ Sukhumvit 23 (มิวนีค สุขุมวิท 23) เป็นโครงการระดับลักชัวรี ภายใต้แนวคิด “Sensible Luxury” จำนวน 201 ยูนิต ราคาเริ่มต้นที่ 2 แสนบาท/ตรม. มูลค่าโครงการกว่า 2,600 ล้านบาท เปิดตัวเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา คาดว่าจะพร้อมโอนภายใน 3 ปีข้างหน้า ขณะนี้มียอดจองแล้วกว่า 70% โดยเฉพาะห้องขนาด 1 ห้องนอนจองหมดแล้วเหลือเพียง 2 ห้องนอนขึ้นไป

 

สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังแนวโน้มความต้องการซื้อ (Demand) จะปรับตัวน้อยลง สวนทางกับปริมาณคอนโดในตลาด (Supply) ยังคงมีสูงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโลเคชั่นหลักอย่างสุขุมวิท แม้จะมีคอนโดเกิดใหม่ขึ้นจำนวนมาก แต่ก็เชื่อว่ายังคงมีความต้องการซื้อเช่นกัน ขณะที่ปัญหาฟองสบู่ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เชื่อว่าจะไม่เกิดอย่างแน่นอน เพราะธนาคารค่อนข้างมีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ

 

อย่างไรก็ดี ขณะนี้บริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) กว่า 10,000 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้รายได้ในปี 2560 และปี 2561 ส่วนปลายปีนี้จะเริ่มทยอยโอนจากโครงการ MARQUE Sukhumvit (มาร์ค สุขุมวิท) และโครงการ M จตุจักร เป็นต้น