ที่ผ่านมาตลาดอสังหาริมทรัพย์ของอังกฤษมีนักลงทุนชาวต่างชาติเข้าไปลงทุนเป็นจำนวนมาก เพราะถือว่าเป็นศูนย์กลางด้านการศึกษา  และศูนย์กลางธุรกิจ ที่ได้รับการยอมรับไปทั่วโลก ประกอบกับกฎหมายการวางผังเมืองที่ชัดเจน ดังนั้นสินทรัพย์ที่นักลงทุนเข้าไปซื้อจึงมีความเสี่ยงต่ำที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ซื้อขายคล่อง และยังให้ผลตอบแทนในระดับสูง ทำให้ความต้องการด้านอสังหาริมทรัพย์ทั้งเพื่ออยู่อาศัยและลงทุนยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นที่คุ้นเคยในกลุ่มนักลงทุนระหว่างประเทศ โดยกลุ่มนักลงทุนจากฮ่องกง และจีน ถือว่าเข้าไปลงทุนมากที่สุด นอกจากนั้นจะเป็นประเทศอื่นๆในเอเชียแปซิฟิก และเศรษฐีไทยก็เป็นหนึ่งในจำนวนนักลงทุนดังกล่าวที่นิยมเข้าไปลงทุนอสังหาฯอังกฤษอย่างต่อเนื่อง

 

ด้วยเพราะส่วนใหญ่นิยมส่งลูกหลานไปเรียนที่อังกฤษ หากซื้อที่อยู่อาศัยที่นั่นเลยก็จะดีกว่าไปเช่าอาศัยอยู่ และเมื่อเรียนจบก็สามารถขายต่อทำกำไรได้อีกอย่างมหาศาล หรืออีกรูปแบบของกลุ่มนักลงทุนที่ซื้อแล้วนำมาปรับปรุงใหม่และปล่อยเช่าซึ่งมีราคาและผลกำไรที่ดีมาก เช่น บริษัท แสนสิริ จำกัด(มหาชน) ซื้อโครงการอาคารชุด “9 Elvaston Place” ตั้งอยู่บนถนน Elvaston ย่าน High Street Kensington กลางกรุงลอนดอน ซึ่งเป็นย่านที่อยู่ใน Conservation Area และเป็นย่านที่มีราคาแพงที่สุดในลอนดอน จำนวน 6 ยูนิต ราคา 60-160 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 600 ล้านบาท  ซึ่งเปิดขายเมื่อปี 2553 ที่ผ่านมา ปัจจุบันปิดการขายได้ทั้งหมดแล้ว โดย 5 ยูนิต เป็นห้องชุดที่ซื้อโดยคนไทย

ค่ายใหญ่แข่งเดือดขนอสังหาฯลอนดอนขายคนไทย

 

เดิมจะมีโบรกเกอร์หลักเพียงไม่กี่รายที่นำอสังหาฯจากลอนดอนมาเสนอขายเศรษฐีไทย อาทิ บริษัท ซาวิลส์(ประเทศไทย)จำกัด,บริษัท  คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย)จำกัด,บริษัท ซีบีอาร์อี(ประเทศไทย)จำกัด, และบริษัท โจนส์ แลง ลาซาลล์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นต้น แต่ภายหลังจากที่อังกฤษลงประชามติให้ถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป(BREXIT) ไปเมื่อกลางปี2559 ที่ผ่านมา ได้ส่งผลให้ค่าเงินปอนด์อ่อนตัวลงไปเกือบ 20% เมื่อเทียบกับเงินบาท ทำให้มีโบรกเกอร์ต่างชาติที่มีสาขาอยู่ในประเทศไทยและโบรกเกอร์ไทย เริ่มนำอสังหาฯจากลอนดอนมาทำตลาดในประเทศไทยเพื่อดึงเศรษฐีไทยไปซื้อลงทุนมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในรูปแบบของการจัดโรดโชว์ การจัดสัมมนาหรือร่วมกับสถาบันการเงินไทยในการให้คำปรึกษาลูกค้าไพรเวทแบงก์กิ้งที่สนใจลงทุนอสังหาฯในลอนดอน ซึ่งที่ผ่านมาได้มีเศรษฐีไทยให้ความสนใจอย่างต่อเนื่อง เพราะซัพพลายอสังหาฯในลอนดอนนับวันจะมีน้อยลงแต่ดีมานด์มีมากขึ้น เพราะที่ดินที่จะพัฒนามีจำนวนจำกัดและผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าอสังหาฯก็สูงประมาณ 4-5% หรือหากซื้อมาและขายต่อก็ยังได้ผลกำไรดี หรือซื้อเก็บไว้และปล่อยขายเมื่อค่าเงินปอนด์ปรับสูงขึ้นก็สามารถทำผลกำไรได้มากเช่นกัน  ส่งผลให้เป็นโอกาสที่บรรดาโบรกเกอร์ทั้งหลายทยอยคัดเลือกโครงการที่โดดเด่นมานำเสนอขาย

 

ล่าสุดบริษัท อนันดา  ดีเวลลอปเม้นท์ จํากัด (มหาชน)หรือ ANAN ได้เปิดตัวบริษัทในเครือบริษัท ดิ เอเจ้นท์ (พร็อพเพอร์ตี้ เอ๊กซ์เพิร์ท) จำกัด อย่างเป็นทางการ โดยเป็นโบรกเกอร์นำโครงการของอนันดาฯไปขายต่างประเทศโดยเฉพาะในเอเชีย และขายสินค้าให้ลูกค้าคนไทยด้วย รวมไปถึงการมีโอกาสนำอสังหาฯจากลอนดอนมาขายลูกค้าคนไทยเมื่อปีที่ผ่านมา

 

เคนซิงตัน-เชลซีทำเลทองนักลงทุน

ทั้งนี้ข้อมูลของ บริษัท โจนส์ แลงฯ พบว่าในปี2559 ที่ผ่านมามีนักลงทุนชาวต่างชาติที่ไปลงทุนในอังกฤษคิดเป็นสัดส่วนถึง 51% ของมูลค่าการลงทุนทั้งหมด เพิ่มขึ้นจาก 48% ในปี2558 และตั้งแต่อังกฤษลงประชามติให้ถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป(BREXIT) ไปเมื่อกลางปีที่แล้ว ค่าเงินปอนด์อ่อนตัวลง ทำให้มีนักลงทุนต่างชาติสามารถซื้ออสังหาริมทรัพย์ชั้นดีลอนดอนได้ในราคาที่ถูกลงประมาณ 16% และยังให้ผลตอบแทนการลงทุนที่น่าดึงดูดใจมากอีกด้วย ซึ่งในจำนวนดังกล่าวได้รวมไปถึงนักลงทุนชาวไทยด้วย ที่สนใจซื้อลงทุนอสังหาฯในอังกฤษเป็นจำนวนมากขึ้น ซึ่งมีทั้งคอนโดฯและอสังหาฯเชิงธุรกิจ  โดยเคนซิงตันและเชลซีซึ่งเป็นย่านพักอาศัยของผู้มีฐานะในใจกลางกรุงลอนดอนฝั่งตะวันตกนับเป็นทำเลที่นักลงทุนต่างชาติรวมถึงคนไทยให้ความสนใจเป็นพิเศษ เพราะเป็นย่านซึ่งเป็นที่ตั้งของพระราชวัง ความทันสมัย ความมีชื่อเสียง และการเป็นย่านที่อยู่อาศัยของผู้มีฐานะ โดยเฉพาะแม้จะมีโครงการพัฒนาที่พักอาศัยใหม่เกิดขึ้น แต่ไม่ได้ทำให้คุณค่าที่มีอยู่เดิมของย่านนี้เปลี่ยนแปลงไป ที่พักอาศัยในย่านนี้มีทั้งที่เป็นบ้านสไตล์ดั้งเดิมของอังกฤษและบ้าน-คอนโดสมัยใหม่ อีกประการหนึ่งคือย่านดังกล่าวนั้นมีที่ดินสำหรับพัฒนาโครงการใหม่ที่จำกัด

 

เศรษฐีไทยมีสินค้าช็อปเพิ่มกว่า10โครงการ

นายสุรเชษฐ กองชีพ รองผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยและพัฒนา บริษัท คอลลิเออร์สฯกล่าวว่า  ในอดีตมีโบรกเกอร์ที่นำอสังหาฯจากลอนดอนมาขายเศรษฐีไทยประมาณ 4 รายใหญ่ โดยนำมาเสนอขายปีละประมาณ 4-5 โครงการเท่านั้น แต่หลังจากที่อังกฤษออกจากสหภาพยุโรป(BREXIT)เมื่อปี2559 ที่ผ่านมาได้มีโบรกเกอร์ระดับอินเตอร์เนชั่นแนลที่มีสาขาในประเทศไทยนำอสังหาฯจากลอนดอนมานำเสนอขายคนไทยมากขึ้นรวมแล้วประมาณ 10 ราย และนำโครงการมาเสนอขายคนไทยมากกว่า 10 โครงการต่อปีขณะที่เศรษฐีไทยที่จะซื้ออสังหาฯนั้นมีจำนวนจำกัด และจะไม่ตัดสินใจซื้อในทันที ส่วนใหญ่จะบินไปดูสินค้าจริงมากกว่า 1 ครั้งก่อนตัดสินใจซื้อ และเชื่อว่าในปีนี้คงยังไม่มีโบกเกอร์รายใหญ่เประกาศตัวข้ามาในตลาดอีกในช่วงนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นรายเล็กที่Sub-Contracจากโบรกเกอร์ที่อยู่ในประเทศไทยไปขายต่ออีกทอดหนึ่งมากกว่า

อย่างไรก็ตามประมาณปลายเดือนสิงหาคม หรือเดือนกันยายน บริษัทฯได้ร่วมมือกับ “เทเลอร์ วิมพีย์ เซ็นทรัล ลอนดอน”อีกครั้งในการจะนำโครงการอสังหาฯจากลอนดอนมานำเสนอขายลูกค้าคนไทยอีกอย่างน้อย 2 โครงการ มูลค่าไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท ราคาตั้งแต่ 100 ล้านบาทขึ้น โดยเมื่อเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา คอลลิเออร์ฯ ได้ร่วมมือกับ “เทเลอร์ วิมพีย์ เซ็นทรัล ลอนดอน” ซึ่งเป็นผู้ประกอบการและนายหน้าอสังหาฯหน่วยงานที่ใหญ่ที่สุด จดทะเบียนใน FTSE 100 สนับสนุนการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ใจกลางกรุงลอนดอน โดยมุ่งเน้นไปที่อสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ในพื้นที่น่าจับตา โซน 1 และโซน 2 พื้นที่ใจกลางเขตชุมชน จัดงาน “The Taylor Wimpey Central London Capital Collection”  ไนท์ ปาร์ตี้ เพื่อนำ 4 โครงการที่ได้รับการคัดเลือกจาก14-15โครงการ ราคาอยู่ที่ 125-140 ล้านบาทมาเสนอขายให้กับคนไทย  ณ โรงแรม ดิ เซนต์ รีจีส กรุงเทพฯ เพื่อที่จะให้นักลงทุน และลูกค้าได้เข้ามาชมโครงการ ปรากฏว่ามีผู้สนใจลงทะเบียนไว้ 5-6 ราย ซึ่งจะมีการนัดลูกค้าไปชมโครงการอีกครั้งก่อนตัดสินใจซื้อ

 

ยิ่งแข่งขันดุผู้บริโภคมีตัวเลือกมาก

นางสาวอัญชลี เกษมสุขธวัช ผู้อำนวยการ- ฝ่ายที่ปรึกษาด้านที่พักอาศัย บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์ เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การที่มีการแข่งขันนำสินค้าจากลอนดอนมานำเสนอคนไทยกันมากก็มีทั้งผลดีและผลเสีย โดยผลดีคือ ลูกค้าจะได้รับข้อมูลจากหลากหลายโบรกเกอร์ และสามารถนำมาเปรียบเทียบเพื่อประกอบการตัดสินใจได้ ทำให้ลูกค้าเข้าใจในจุดเด่นของแต่ละทำเล ราคา และแนวโน้มความเป็นไปได้ในการลงทุน หรือถ้าในกรณีซื้อเพื่ออยู่อาศัย ยิ่งมีคู่แข่งมากก็ต้องวัดกันในเรื่องของการดูแลลูกค้าตั้งแต่วันที่ลูกค้าสนใจจนถึงวันที่ลูกค้าต้องการขายต่อหรือฝากเช่า เพราะการเดินทางไปดูแลที่ประเทศอังกฤษด้วยตนเองนั้นต้องใช้เวลา และไม่ใช่เรื่องง่ายในการหาโบรกเกอร์ที่เป็นมืออาชีพและไว้ใจได้ในการดูแลสินทรัพย์ของลูกค้า รวมไปถึงมีความรู้เรื่องตลาดและกฎหมายที่อังกฤษเป็นอย่างดี ดังนั้นเมื่อมีโบรกเกอร์หลายรายนำสินค้ามาเสนอขาย ก็เป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี

 

ส่วนผลเสีย คือการมีโบรกเกอร์เข้ามาเป็นตัวเลือกในตลาดมาก อาจทำให้ลูกค้ารู้สึกสับสนในการตัดสินใจลงทุน

 

“โดยรวมแล้วก็ต้องบอกว่าเป็นผลดีต่อลูกค้ามากกว่า เพราะนอกจากได้ที่อยู่อาศัยที่ถูกใจ หรือลงทุนในด้านที่พักอาศัยในกรุงลอนดอนแล้ว ยังแถมทางเลือกในการได้รับการบริการอย่างมืออาชีพและประการณ์ในการที่ดีจากเอเจ้นท์อีกด้วย” นางสาวอัญชลี กล่าว

 

จากกระแสเชิญชวนช็อปอสังหาฯจากลอนดอน เป็นเครื่องบ่งชี้ได้ดีว่าแม้สภาวะเศรษฐกิจในประเทศไทยจะยังไม่ฟื้นตัว แต่เศรษฐีไทยก็ยังมีเงินในกระเป๋าอีกมาก และพร้อมที่จะควักจ่ายซื้อสินค้าที่ตอบโจทย์โดยมีวัตถุประสงค์ในการซื้อที่ไม่ต่างกันมากนัก คือ ซื้อให้ลูกหลานได้ศึกษา และปล่อยเช่า นั่นเอง เชื่อว่าจนถึงปลายปี2560 ยังคงมีโบรกเกอร์รายใหญ่นำอสังหาฯลอนดอนมาให้เศรษฐีไทยได้ช็อปกันอีกอย่างต่อเนื่อ