ลลิลฯเชื่อครึ่งปีหลังผู้ประกอบการทำตลาดหนัก ผลจากครึ่งปีแรกยอดจดทะเบียนใหม่ติดลบโดยเฉพาะคอนโดฯลดฮวบ63%คาดความชัดเจนคาดรัฐช่วยกระตุ้นตลาดอสังหาฯโต3-5% หวั่นแบงก์เข้มปล่อยสินเชื่อยอดรีเจคยังสูง เปิดแผน 6 เดือนหลังผุด3-4 โครงการ รวมมูลค่า 2,000 ล้านบาท มั่นใจยอดขายเป็นไปตามเป้า3,650 ล้านบาท ยอดรับรู้รายได้โต19%

 

นายชูรัชฏร์ ชาครกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)หรือLALIN เปิดเผยว่าในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาภาพรวมเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและการส่งออกของประเทศไทยด้วย  เชื่อว่าในครึ่งปีหลังผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์คงทำการตลาดที่หนักมากขึ้น เนื่องจากพบว่าในช่วง 5 เดือนแรกของปี2560 พบว่าตัวเลขยอดจดทะเบียนลดลงถึง47% แบ่งเป็นคอนโดฯได้รับผลกระทบมากสุด เพราะไม่มีมาตรการภาครัฐมากระตุ้นเหมือนเมื่อปลายปี2558ถึงปลายเดือนเมษายน2559 ทำให้ยอดจดทะเบียนลดลงไป63% ส่วนแนวราบ ลดลงไปเพียง2% โดยบ้านเดี่ยวมีภาพรวมที่ดีขึ้น แต่ทาวน์เฮาส์ เริ่มติดลบ ยอดจดทะเบียนลดลงไป 37% ทั้งนี้เนื่องจากมียอดซัพพลายที่มากเกินไป ส่งผลให้มียอดReject มาก ทำให้ไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้

ทั้งนี้คาดว่าในครึ่งปีหลังภาพรวมตลาดอสังหาฯจะโตประมาณ 3-5% ซึ่งมีปัจจัยบวกมาจากภาครัฐที่เร่งเบิกจ่ายงบประมาณในการลงทุนระบบรถไฟฟ้า,รถไฟทางคู่และรถไฟความเร็วสูง รวมไปถึงการสนับสนุนการลงทุนในโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ทำให้มีการเปิดพื้นที่ใหม่ๆในการพัฒนาเพิ่มมากขึ้น

 

แต่สิ่งที่น่ากังวลคงหนีไม่พ้นเรื่องหนี้ครัวเรือน ที่แม้ว่าตัวเลขจะปรับตัวดีขี้นทุกไตรมาสจนลดลงจากร้อยละ82-83มาอยู่ที่ร้อยละ78.6 ต่อจีดีพีแล้วก็ตาม แต่สถาบันการเงินก็ยังมีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ ซึ่งในส่วนของบริษัทฯได้ลดยอดรีเจคจาก22-25% เหลือกว่า20% และเชื่อว่าในครึ่งปีหลังนี้ตัวเลขดังกล่าวจะลดลงได้อีก

 

ส่วนการที่ผู้ประกอบการรายใหญ่หันไปร่วมทุนกับกลุ่มทุนต่างชาติมากขึ้นนั้น รายกลาง-เล็กก็ต้องปรับโมเดลธุรกิจใหม่ที่จะสามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้

ส่วนแผนการดำเนินงานของบริษัทในครึ่งปีหลังจะเปิดตัวอีก 3-4 โครงการ รวมมูลค่า 2,000 ล้านบาท โดยครึ่งปีแรกได้เปิดตัวไปแล้ว 4 โครงการ มูลค่า 2,700 ล้านบาท แบ่งเป็นการพัฒนาในทำเลกรุงเทพ-ปริมณฑล 70% และ ทำเลต่างจังหวัดหัวเมืองใหญ่ 30%

 

ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ารักษาอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ให้ไม่เกิน 1 เท่า จากปัจจุบันอยู่ที่ 0.84 เท่า ถือว่าต่ำกว่าบริษัทอื่นๆ ในอุตสาหกรรมที่อยู่ในระดับ 1.4 เท่า โดยบริษัทยังคงรักษาอัตราส่วนหนี้สินให้อยู่ในระดับต่ำเพื่อให้มีความสามารถในการปรับตัวหากเกิดสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้นในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้

 

อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงเป้ายอดขายทั้งปีไว้ที่ 3,650 ล้านบาทโดย 6 เดือนแรกสามารถทำยอดขายได้แล้ว 2,100 ล้านบาท และยอดรับรู้รายได้ที่ 3,100 ล้านบาท เติบโต 15% โดย 6 เดือนแรกบริษัทมียอดรับรู้รายได้รวม 1,545 ล้านบาท เติบโต 19% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2559 และมีผลกำไรสุทธิ จำนวน 285 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

 

** prop2morrow โดย คุณวาสนา กลั่นประเสริฐ  เบอร์โทร.02-632-0645 E-mail : was_am999@yahoo.com