ในแวดวงอสังหาริมทรัพย์หากพูดถึงกลุ่ม “รังนกใต้” หลายคนอาจจะไม่ค่อยคุ้น แต่ในแวดวงธุรกิจรังนก ภายใต้การดำเนินงานของห้างรังนกใต้ ซึ่งมีสาขามากมาย ทั้งที่เยาวราช บางลำพู แต่ต่อมาธุรกิจดังกล่าวมีการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น “วิชัย รังนกใต้” จึงหันไปขยายธุรกิจด้านอุตสาหกรรมโรงงานด้านสิ่งทอ โรงงานเฟอร์นิเจอร์ โรงงานกระดาษและโรงงานพลาสติก และต่อมาได้มี “วิเชียร รังนกใต้”บุตรชายคนเล็ก เข้ามาสานต่อธุรกิจ  ส่วน “วิชัย” ก็เริ่มหันไปจับธุรกิจอสังหาฯ ซึ่งวิเชียรก็ได้เข้ามาช่วยด้วยอยู่ 2 โครงการ คือโครงการบางมด พลาซ่าช่วงปี 2525-2530และโครงการปิ่นเกล้าวิลล่าในปี 2530-2535แต่เนื่องจากโครงการจัดสรรจะค่อนข้างยุ่งยาก วิชัย จึงหันมาสะสมที่ดินเป็นแลนด์ลอร์ด ซื้อขายที่ดิน

 

ต่อมาในปี2548 ทายาทของ “วิชัย” โดยมี “สุชาติ รังนกใต้”บุตรชายคนโตเป็นหัวหอกในการพัฒนาโครงการ  “เอ็นริช พาร์ค ปิ่นเกล้า” บ้านหรูราคา25-60 ล้านบาท ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท เอ็นริช ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ซึ่งประสบความสำเร็จด้วยดี และมีการพัฒนาโครงการธารา ราชพฤกษ์ ปิ่นเกล้า บริเวณถนนสวนผักอย่างต่อเนื่อง แต่พอทำยอดขายได้เพียง 80 ยูนิต จากทั้งหมด 390 ยูนิต ทางกลุ่ม “สุชาติ”และลูกๆอีก 3 คน ที่เป็นเจเนอเรชั่น3 คือ นางสาวฐิติมา รังนกใต้,นายปกรณ์กิจ รังนกใต้ และนางสาวสุพิชา พงศ์ศีลธน ได้ขอเข้าซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัทจากพี่น้องของนายสุชาติ มาบริหารเองทั้งหมด เนื่องจากกลุ่มญาติๆนั้นต่างมีธุรกิจของตนเองที่ต้องบริหารอยู่เช่นกัน

 

ดังนั้นนับตั้งแต่ปี2551 เป็นต้นมา “สุชาติ” จึงได้มอบหมายให้ลูกๆทั้ง 3 เข้ามาบริหารธุรกิจอสังหาฯต่อเนื่องจากที่รุ่นที่ 2 ดำเนินการไว้  และได้มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน โดยโครงการที่เปิดขายในปัจจุบันคือ เดอะ มาร์ค ปิ่นเกล้า มูลค่าโครงการ 560 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 70%

 

นางสาวสุพิชา พงศ์ศีลธน ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารธุรกิจ กลุ่มบริษัท เอ็นริช เปิดเผยว่า ในปี2560 นี้บริษัทฯคาดว่าจะรับรู้รายได้ประมาณ 600 ล้านบาท โดยเชื่อว่าตลาดอสังหาฯยังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี โดยในปี 2561 ได้วางแผนเปิดตัว 2โครงการใหม่มูลค่ากว่า1,000ล้าน และยังคงคงเน้นกลุ่มเป้าหมายระดับกลาง-บน ระดับราคา 4 ล้านบาทขึ้นไป เพราะเป็นกลุ่มเฉพาะที่มีกำลังซื้อและไม่ค่อยมีปัญหากรในการกู้สินเชื่อรายย่อย

โครงการที่จะเปิดใหม่ปี2561 ได้แก่โครงการ”คูณ ราชพฤกษ์” ซึ่งเป็นการร่วมทุนของ 3 กลุ่มคือกลุ่มของตน ญาติ และเพื่อน ในสัดส่วนที่เท่ากัน ด้วยการตั้งบริษัท เอชเอสเตท จำกัด ขึ้นมาเพื่อพัฒนาโครงการดังกล่าว บริเวณใกล้วงเวียนพระราม5 บนพื้นที่ 6 ไร่ เป็นบ้านเดี่ยว ขนาด 50-70 ตารางวา จำนวน 20 ยูนิต ราคา 14 ล้านบาทขึ้นไป มูลค่าโครงการ 300 ล้านบาท

 

 

ส่วนอีกโครงการเป็นการรุกเซกเมนต์คอนโดฯโลว์ไรส์ ครั้งแรก ภายใต้การบริหารงานของบริษัท เอ็นริช สเตทส์ จำกัด บริเวณโซนใต้ของกทม.โดยตั้งอยู่บนพื้นที่ประมาณ 2-3 ไร่ มูลค่าโครงการ 810 ล้านบาทโดยมีบริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เป็นที่ปรึกษาและบริหารงานขาย คาดว่าจะเปิดตัวได้ภายในไตรมาส1/2561 ส่วนรายละเอียดต่างๆยังไม่สามารถเปิดเผยได้ในขณะนี้

 

** prop2morrow โดย คุณวาสนา กลั่นประเสริฐ  เบอร์โทร.02-632-0645 E-mail : was_am999@yahoo.com