พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ทุ่มงบตั้ง PLUS Experience Development Center หน่วยงานพัฒนาบุคลากรเชิงรุก รองรับผู้อาศัยหลากหลายเชื้อชาติ คาดอีก 2 ปี มีห้องชุดสร้างเสร็จ 90,000 ยูนิต เป็นห้องชุดระดับลักชัวรี่ 33% ชี้เป็นโอกาสธุรกิจบริการจัดการที่พักอาศัย พร้อมตั้งเป้าหมายเป็นผู้ให้บริการที่ดีที่สุดอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันเป็นผู้ให้บริการไทยรายเดียวที่ติดท๊อป 5 โดยให้บริหารอาคาร 157 โครงการ ดูแลโครงการระดับลักชัวรี่ราว 25% และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นสอดคล้องกับภาคอสังหาริมทรัพย์ปัจจุบัน

 

นางสาวพรรณวดี โพธิหน่อทอง รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายบริหารอาคารที่พักอาศัย (คอนโดมิเนียมและโครงการต่างจังหวัด) บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันทิศทางตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยได้พัฒนาในรูปแบบที่รองรับผู้อยู่อาศัยระดับสากลมากขึ้น ทำให้มีกลุ่มลูกค้าหลากหลายชาติ โดยเฉพาะ ฮ่องกง สิงคโปร์ ไต้หวัน จีนและญี่ปุ่น และพบว่าผู้ประกอบการต่างๆ มีนโยบายทางการตลาดเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อทั้งในเอเชีย อเมริกา และยุโรป ทำให้มีโครงการอาคารที่พักอาศัยที่จะเกิดขึ้นอีกเป็นจำนวนมาก คาดว่าจะจะมีห้องชุดสร้างเสร็จกว่า 90,000 ยูนิต เป็นโครงการระดับลักชัวรี่ที่ราคามากกว่า 130,000 บาทต่อตารางเมตร ถึง 30,000 ยูนิต หรือคิดเป็น 33% ส่งผลให้งานบริหารอาคารที่พักอาศัยต้องปรับตัวและพัฒนาศักยภาพอย่างต่อเนื่อง

 

สำหรับ พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ได้มีนโยบายการพัฒนาบุคลากรในส่วนงานการบริหารอาคาร เพื่อยกระดับการให้บริการแก่ผู้พักอาศัยในโครงการระดับลักชัวรี่ ด้วยการพัฒนาหน่วยงานที่เรียกว่า PLUS Experience Development Center เป็นหน่วยงานเฉพาะด้านในการจัดทำหลักสูตรสร้างทักษะการบริการที่เป็นเลิศ ซึ่งมีโครงการนำร่องด้วยการร่วมมือกับสถาบัน Jeeves Training สถาบันชั้นนำระดับโลกที่ออกแบบและฝึกอบรมการให้บริการ  Butler ในโรงแรมและโครงการที่พักอาศัยชั้นนำระดับ High End นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับบุคลากรโดยการวางแผนการเจริญเติบโตระยะยาวของพนักงาน เพื่อสร้างคุณค่าและพัฒนาความผูกพันที่มีต่อองค์กรและลูกค้า (Engagement Culture)

 

ปัจจุบันพลัสฯ เป็นผู้ให้บริการด้านบริหารอาคารที่พักอาศัยชั้นนำติดหนึ่งใน 5 ของตลาด โดยดูแลโครงการทั้งสิ้น 157 โครงการ เป็นโครงการระดับลักชัวรี่ราว 25% ซึ่งพลัสฯ เป็นผู้ให้บริการไทยรายเดียวที่ให้บริการได้มาตรฐานในระดับแถวหน้าเทียบชั้นกับผู้ให้บริการต่างชาติ  ที่มีหน่วยงานที่ดูแลลูกค้าต่างประเทศโดยเฉพาะ (กลุ่มลูกค้าชาวจีน ฮ่องกง ไต้หวัน ญี่ปุ่น และสิงคโปร์) โดยทีมให้คำปรึกษารอบด้าน ในการบริหารทรัพย์สินให้พร้อมใช้งานและมีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น โดยให้คำปรึกษาทั้งด้านการคำนวณทิศทางราคาอสังหาริมทรัพย์ในอนาคต ดูแลจัดการด้านการปล่อยเช่า การหาผู้เช่าให้กับลูกค้า รวมถึงช่วยประสานงานกับเอเจนซี่ในต่างประเทศ ในรูปแบบ One Stop Service