แสนสิริฯ เผยไตรมาส4/60 เตรียมผุดอีก 11 โครงการ รวมมูลค่า 26,000 ล้านบาท มั่นใจโปรเจกต์ร่วมทุนBTS เป็นไปตามแผน 25 โครงการ ภายใน 5 ปี  ด้าน“เดอะ ไลน์ จตุจักร-หมอชิต” ราคาขายรีเซลปรับสูงถึง 10% ฟุ้งก่อสร้างเสร็จก่อนกำหนด 5 เดือน คาดปีนี้พร้อมโอนได้ 50%

 

 

นายอภิชาติ จูตระกูล ประธานอำนวยการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่าในไตรมาส4/2560 มีแผนจะเปิดตัวใหม่อีกประมาณ 11 โครงการ รวมมูลค่าประมาณ 26,000 ล้านบาท แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 7 โครงการ และคอนโดฯ 4 โครงการ ซึ่งหนึ่งในจำนวนนี้คือโครงการ “เดอะ ไลน์ สาทร”ที่เป็นโครงการร่วมทุนกับบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)หรือ BTS  โครงการดังกล่าวตั้งอยู่บนพื้นที่เกือบ 2 ไร่ เป็นคอนโดฯสูงกว่า 40 ชั้น ขนาดตั้งแต่ 30 ตารางเมตรขึ้นไป ราคาขายเริ่มต้นที่ 7.9 ล้านบาท หรือกว่า 200,000 บาท/ตารางเมตร จำนวนกว่า 400 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 4,000 ล้านบาท ซึ่งมีแผนจะเปิดตัวในเดือนพฤศจิกายน 2560 นี้

 

“เรามั่นใจว่าจะสามารถพัฒนาโครงการร่วมทุนกับBTSได้ 25 โครงการ รวมมูลค่า 100,000 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 5 ปีตามแผน และมีที่ดินรองรับการพัฒนาทั้งหมดแล้ว โดย 2 ปีที่ผ่านมาพัฒนาไปแล้ว 8 โครงการ ส่วนปีนี้เปิดตัว 3 โครงการ และปีหน้าจะเปิดตัวอีกอย่างน้อย 3 โครงการเช่นกัน” นายอภิชาติ กล่าว

 

อย่างไรก็ตามในปี 2561 บริษัทฯยังมีแผนที่จะเตรียมโอนกรรมสิทธิ์คอนโดฯภายใต้บริษัท บีทีเอส แสนสิริ โฮลดิ้ง กรุ๊ป จำกัด เพิ่มอีก 3 โครงการ ได้แก่ เดอะ ไลน์ ราชเทวี, เดอะ ไลน์ อโศก-รัชดา และโครงการ เดอะ เบส การ์เดน-พระราม9 รวมมูลค่ากว่า 10,200 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายรอรับรู้รายได้ของบริษัทร่วมทุนกับBTS ที่จะรอการรับรู้รายได้ในอีก 3 ปี อีก 24,000 ล้านบาท ส่วนเป้ายอดขายรวมของแสนสิริฯในปีนี้เดิมตั้งไว้ที่  36,000 ล้านบาท แต่ได้ปรับเพิ่มเป็น 40,000 ล้านบาท

 

ด้านนางสาววรางคณา อัครสถาพร ผู้จัดการทั่วไป บริษัท บีทีเอส แสนสิริ โฮลดิ้ง กรุ๊ป จำกัด กล่าวถึง โครงการ “เดอะ ไลน์ จตุจักร-หมอชิต” ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการที่ร่วมทุนกับBTS และสามารถปิดการขายภายในระยะเวลาเพียง 1 วัน โดยลูกค้าที่ซื้อเป็นคนไทยถึง 85%และที่เหลือเป็นชาวต่างชาติ ปัจจุบันราคาขายปรับขึ้นมา 10% หรือพุ่งขึ้นมาที่ 185,000 ล้านบาท/ตารางเมตร จากครั้งแรกที่เปิดตัวราคาอยู่ที่ 170,000 บาท/ตารางเมตร หรือ 4-20 ล้านบาท/ยูนิต  แม้ว่าขณะนี้จะมีห้องชุดรีเซลบ้าง แต่เป็นส่วนน้อยเพียง 5% เท่านั้น และมั่นใจว่าจะสามารถปิดการขายได้ภายในไม่นาน เนื่องจากที่ตั้งโครงการอยู่ในทำเลศักยภาพ อีกทั้งด้านการก่อสร้างก็แล้วเสร็จก่อนกำหนด จากเดิมวางแผนจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2561 แต่สามารถก่อสร้างแล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน 2560 คาดว่าในปีนี้จะสามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้ 50% คิดเป็นมูลค่าประมาณ 3,000 ล้านบาท

 

“ศักยภาพด้านทำเลพหลโยธิน-ลาดพร้าว ถือได้ว่าเป็นทำเลที่มีศักยภาพสูงมากในระยะยาว ด้วยโครงการศูนย์คมนาคมพหลโยธิน ที่กำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนาเพื่อเป็นศูนย์กลางด้านคมนาคมขนส่งที่สำคัญและใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ทำให้มีการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทต่าง ๆ ในบริเวณโดยรอบอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งราคาที่ดินและราคาขายเฉลี่ยคอนโดมิเนียมมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น มี Gross Rental Yield เฉลี่ยอยู่ที่ 5-6 % ต่อปี สำหรับโครงการ เดอะ ไลน์ จตุจักร – หมอชิต ในอนาคตราคายังมีโอกาสที่จะขยับตัวได้อีกอย่างมาก จึงเหมาะสำหรับการอยู่อาศัยเองและสำหรับการลงทุนในระยะยาว”นางสาววรางคณา กล่าวในที่สุด