ทายาทห้างแหลมทอง ขานรับโครงการEECภาครัฐ งัดที่ดินมรดกผุดโรงแรม 4 ดาว ดึงเชนเครือ IHG เข้าบริหารภายใต้แบรนด์ “ฮอลิเดย์ อินน์ แอนด์ สวีทส์ ระยอง ซิตี้ เซ็นเตอร์” มูลค่าลงทุน 2,500 ล้านบาท ชูจุดขายโมเดลแรกในไทยดึงลูกค้าพักระยะยาว มั่นใจถึงจุดคุ้มทุนภายใน 15 ปี ตั้งเป้า 5 ปีขยายฐานโรงแรม-ศูนย์การค้า-อาคารสำนักงานเพิ่ม คาดรายได้รวมปี61แตะ 1,200 ล้านบาท

 

นางสาวปัทมาพร นกหงษ์  กรรมการผู้จัดการ บริษัท เฟลิซิตี้ แอสเซท จำกัด เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ได้รับสินทรัพย์ซึ่งเป็นศูนย์การค้าแหลมทอง สาขาระยอง ซึ่งตั้งอยู่บนที่ดินทั้งหมด 24 ไร่ จากนายสมควร นกหงษ์ ผู้เป็นบิดา เมื่อ 6 ปีที่ผ่านมา และเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาก็ได้ทำการรีแบรนด์ศูนย์การค้าดังกล่าวใหม่เป็น “แพชชั่น ช้อปปิ้ง เดสติเนชั่น ระยอง” เพื่อง่ายต่อการจดจำของชาวต่างชาติ โดยใช้งบในการปรับปรุงไปประมาณ 600 ล้านบาท และจากการที่กลุ่มเซ็นทรัล ประกาศผุดห้างเซ็นทรัลฯที่จ.ระยอง ส่งผลให้ตนมีแผนที่จะขยายไลน์เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ ด้วยการนำพื้นที่ด้านหน้าศูนย์การค้าจำนวนประมาณ 5 ไร่ ซึ่งเป็นที่ดินแปลงที่มีศักยภาพ มาพัฒนาเป็นโรงแรม ระดับ 4 ดาว ซึ่งได้ดึงเครือ InterContinental Hotels Group (IHG) จากประเทศอังกฤษ มีโรงแรมในเครือมากกว่า 4,600แห่งทั่วโลก  มาเป็นเชนบริหารโรงแรม ภายใต้แบรนด์ “ฮอลิเดย์ อินน์ แอนด์ สวีทส์ ระยอง ซิตี้ เซ็นเตอร์” (Holiday Inn & Suites Rayong City Centre)

 

 

โดยสาเหตุที่เลือกเชนดังกล่าวเพราะมองว่าเป็นเชนอันดับต้นๆของโลก และมีแบรนด์ที่เหมาะสมกับจังหวัดระยอง และแบรนด์ดังกล่าวจะเป็นโมเดลแรกในประเทศไทยที่ให้พักแบบระยะยาวทั้งรายเดือนและ รายปี และเป็นอันดับ 3 ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รองจาก ฟิลิปปินส์ และเกาหลี  โดยโรงแรมดังกล่าว สูง 32 ชั้น มีจำนวน 288 ห้อง แบ่งเป็นห้องพักแสตนดาร์ด 32 ตารางเมตร จำนวน 224 ห้อง, ห้องสวีท 64 ตารางเมตร จำนวน 64 ห้อง คิดเป็นมูลค่าการลงทุนทั้งสิ้น 2,500 ล้านบาท โดยช่วงนี้มีราคาโปรโมชั่นสำหรับคนไทยคือ 2,555 บาท/คืน  สำหรับห้องแบบพักระยะยาว ราคาจะอยู่ที่ 3,000 บาท/คืนขึ้นไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับช่วงฤดูกาล คาดว่าจะถึงจุดคุ้มทุนภายในระยะเวลา 15 ปี

 

 

“เรามีจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนาพื้นที่ตรงนี้เป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ ของภาคตะวันออกโดยมีกลุ่มเป้าหมายหลักซึ่งได้แก่ กลุ่มนักธุรกิจต่างชาติ อาทิ เยอรมัน, ญี่ปุ่น, เกาหลี, จีน รวมถึงนักธุรกิจไทยที่เดินทางมา ทำงานในนิคมอุตสาหกรรม   มาบตาพุด, นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด และในจังหวัดระยอง แบ่งเป็นสัดส่วนกลุ่มเป้าหมายชาวต่างชาติ 50% และคนไทย50% ตั้งเป้ายอดเข้าพักหลังจากเปิดตัวอย่างเป็นทางการต่อเดือน 65% และตั้งเป้าเติบโต 80%ภายใน 5 ปี คาดว่าผลประกอบการในปี 2561 รวมรายได้ของโรงแรมและศูนย์การค้าอยู่ที่ 1,200ล้านบาท” นางสาวปัทมาพร กล่าว                                                               

 

สำหรับภาพรวมตลาดโรงแรมในจังหวัดระยองมีหลายระดับราคาที่มีการแข่งขันกัน บางแห่งมีอายุมากกว่า 15-30 ปี ระดับราคาตั้งแต่ 2,000 บาท/คืนขึ้นไป  ส่วนโรงแรมระดับ 3 ดาวในจังหวัดระยองมีจำนวนทั้งสิ้น 13,000 ห้องพัก ส่วนในพื้นที่อ.เมือง จะมีฮอลิเดย์ อินน์ฯที่เป็นเชนโรงแรมเพียงรายเดียว ส่วนอีก 2 เชนจะอยู่พื้นที่นอกตัวเมืองจึงไม่ใช่คู่แข่งโดยตรง อีกทั้งด้วยศักยภาพของเครือIHG ที่มีโปรแกรมการสะสมแต้มรองรับ ลูกค้าในเครือข่ายสามารถเข้าใช้บริการได้ทันที

 

และการที่ภาครัฐให้กับสนับสนุนโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC)    จะยิ่งทำให้มีความต้องการห้องพักจากนักลงทุนชาวต่างชาติมากขึ้น ถือว่าเป็นการลงทุนที่ถูกทางของบริษัทฯ และแม้ว่าขณะนี้สภาวะเศรษฐกิจในประเทศจะยังไม่ฟื้นตัวแต่มั่นใจว่า การลงทุนพัฒนาโรงแรมในครั้งนี้จะไม่มีปัญหาในเรื่องความเสี่ยงอย่างแน่นอน เพราะอยู่ในพื้นที่EEC อีกทั้งก่อนการลงทุนก็ได้มีการศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลมาอย่างดี และสุดท้ายคือโครงสร้างทางการเงินของบริษัทไม่มีความเสี่ยงแต่อย่างใด มีหนี้สินที่ต่ำมาก และกู้สินเชื่อจากสถาบันการเงินในอัตราที่น้อยกว่า 50%
“เชื่อมั่นว่าธุรกิจโรงแรมและที่พักในภาคตะวันออกมีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยรัฐบาลมีการสนับสนุนและกระตุ้นการท่องเที่ยวที่สร้างรายได้หลั กของประเทศ อีกทั้งยังมีโครงการ EEC บนพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคต ะวันออก 3 จังหวัด ได้แก่ ระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา” นางสาวปัทมาพร กล่าว

 

นางสาวปัทมาพร กล่าวเพิ่มเติมว่า ภายในระยะเวลา 5 ปีนี้บริษัทมีแผนที่จะรุกขยายโรงแรมระดับ 5 ดาวในเครือให้ได้ไม่ต่ำกว่า 3 แห่งในภูมิภาคตะวันออกนี้ ส่วนใหญ่จะเน้นจ.ระยอง และจ.ชลบุรี ขณะนี้อยู่ในระหว่างการเจรจาซื้อที่ดินอีก 1 แปลงในเขตอ.เมือง จ.ระยอง พื้นที่ประมาณ 5-10 ไร่ เพื่อพัฒนาในรูปแบบของศูนย์การค้าและโรงแรม ขนาด 200-300 ห้อง  โดยใช้งบประมาณในการลงทุนไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท  แต่ยังไม่สามารเปิดเผยรายละเอียดได้ในขณะนี้

 

นอกจากนี้ยังสนใจที่จะแตกไลน์ธุรกิจไปสู่กลุ่มอาคารสำนักงานให้เช่า เพื่อรองรับการเติบโตของเศรษฐกิ จในภาคตะวันออก อีกด้วย เนื่องจากที่ผ่านมาในพื้นที่จ.ระยอง ยังไม่เคยมีผู้ประกอบการรายใดพัฒนาอาคารสำนักงานให้เช่า ขณะนี้อยู่ในระหว่างการศึกษาข้อมูล คาดว่าหากมีการพัฒนาคงใช้งบประมาณการลงทุนประมาณ   3,000 ล้านบาท