แสนสิริฯดึง อะเมซอน-เดลิเทค นำเทคโนโลยี Artificial Intelligence solutions จาก Amazon Web Services สนองลูกค้ายุคดิจิทัล นำร่องพัฒนาระบบสั่งงานด้วยเสียงภาษาไทยครั้งแรก ประเดิมคอนโดฯกลุ่ม”เดอะ ไลน์” 3 โครงการใหม่ ในไตรมาส2/61คาดปีหน้าใช้งบลงทุนพร็อพเทคอีกมากกว่า 100 ล้านบาท อนาคตเดินหน้าให้บริการนวัตกรรมใหม่ครบวงจร

 

ดร. ทวิชา ตระกูลยิ่งยง ประธานผู้บริหารสายงานเทคโนโลยีและวิเคราะห์ข้อมูล บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือSIRI เปิดเผยว่า ปี2560นี้นับเป็นปีแห่งการปรับเปลี่ยนองค์กรของแสนสิริอย่างรอบด้านเพื่อให้บริษัทฯ เติบโตและรักษาความเป็นผู้นำได้อย่างยั่งยืน สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือการลงทุนด้านนวัตกรรม เพราะประสบการณ์เกือบ 35 ปีในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทำให้แสนสิริเห็นความเปลี่ยนแปลงในไลฟ์สไตล์และความต้องการของลูกค้าในยุคที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ซึ่งเชื่อว่าเทคโนโลยีจะตอบโจทย์ของลูกค้าได้ดี จึงได้พยายามนำเทคโนโลยีมาต่อยอดใช้ประโยชน์ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในมิติใหม่ๆ อย่างไม่หยุดยั้ง  เพื่อยกระดับการบริการที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ของลูกบ้านและรักษาความเป็นผู้นำในการบุกเบิกและพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการอยู่อาศัยของวงการอสังหาริมทรัพย์

 

ในขณะเดียวกันบริษัทอาจจะมีมุมมองด้านนวัตกรรมที่ไม่ครบถ้วน จึงจำเป็นต้องหาพันธมิตรมาร่วมพัฒนานวัตกรรม เพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้าที่เป็นคนรุ่นใหม่ ด้วยการร่วมมือกับบริษัท อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส(ประเทศไทย)จำกัด ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มด้านไอทีผ่านอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Amazon.com ที่มีบริการหลากหลายรวมทั้งแพลตฟอร์มปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence หรือ AI) และร่วมมือกับบริษัท เดลิเทค จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนานวัตกรรม และเทคโนโลยีบนคลาวด์ ในการร่วมกันเปลี่ยนแปลงนวัตกรรมการอยู่อาศัยที่เรียกว่า ‘The New Era of Limitless Living’

 

โดยเริ่มจากการพัฒนาแอพพลิเคชั่น Home Service ของแสนสิริให้เป็น “ผู้ช่วยส่วนตัวอัจฉริยะ” โดยการใช้เทคโนโลยี Artificial Intelligence solutions จาก Amazon Web Services ซึ่งเป็นแพลทฟอร์มสำหรับฟังก์ชั่นการสั่งงานด้วยเสียงที่รองรับภาษาไทย ใช้งานง่ายและเป็นธรรมชาติ เช่น การรับคำสั่งพื้นฐานของฟังก์ชั่นต่างๆ ที่สอดรับกับการดำเนินชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบยอดค่าน้ำ ตรวจเช็คพัสดุ การจองและตรวจสอบสถานะการใช้งานของห้องส่วนกลาง รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ในโครงการ เช่น การเปิดจองบริการของห้องโยคะ เป็นต้น

 

นอกจากนี้ Sansiri Home Automation Control ยังเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ใดก็สามารถสั่งงานได้ด้วยการใช้เสียง ทั้ง เปิด-ปิดไฟ เครื่องปรับอากาศ ม่านไฟฟ้า หรือเปิด-ปิดเปลี่ยนช่องโทรทัศน์ อีกทั้งเพิ่มขีดความสามารถในการใช้งานให้โต้ตอบได้หลากหลายมากขึ้น สามารถให้ข้อมูลพื้นฐานต่างๆ ได้ เช่น พยากรณ์อากาศ เช็คสภาพการจราจร สรุปข่าวรายวัน ฯลฯ ซึ่งผู้ใช้สามารถสั่งการทำงานไม่ว่าจะอยู่ในมุมไหนของห้องก็ตาม

 

โดยช่วงแรกจะนำนวัตกรรมดังกล่าวไปใช้ในคอนโดฯเซกเมนต์B กลุ่ม เดอะ ไลน์ อย่างน้อย 3 โครงการก่อน เพราะเป็นกลุ่มที่มีความทันสมัยและใช้เทคโนโลยีในยุคดิจิทัล ส่วนบริษัทผู้ให้บริการโครงข่ายระบบเคลื่อนที่ (Operators) นั้น ขณะนี้อยู่ในระหว่างการคัดเลือก คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในไตรมาส2/2561 โดยที่ลูกค้าไม่ต้องเสียค่าบริการเพิ่มแต่อย่างใด หากได้รับการตอบรับดีก็จะกระจายไปยังลูกค้าเก่า ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้าด้วย คาดว่าจะให้บริการครอบคลุมได้ทุกเซกเมนต์อย่างเร็วที่สุด

 

“ตั้งแต่ต้นปี2560 จนถึงปัจจุบันแสนสิริ ได้ใช้งบประมาณในด้านพร็อพเทค มาแล้วประมาณ 100 ล้านบาท คาดว่าในปี2561 จะมีการลงทุนด้านพร็อพเทคที่มากกว่าปีนี้อย่างแน่นอน คาดว่าจะสามารถสรุปแผนการลงทุนได้ในปลายปีนี้” ดร.ทวิชา กล่าว

 

ดร.ทวิชา กล่าวว่า ในอนาคตบริษัทจะมุ่งเน้นบริการที่ครบวงจรและแตกต่าง ครอบคลุมตั้งแต่สุขภาพ อาหาร การเดินทาง ช้อปปิ้ง รวมทั้งการนำเทคโนโลยีอัจฉริยะของ Amazon Web Services เข้ามายกระดับศักยภาพด้านการขาย การทำธุรกิจ และบริการของแสนสิริอีกด้วย เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า เติมเต็มไลฟ์สไตล์และประสบการณ์ของลูกค้าอย่างครบวงจร นอกจากนี้ในอนาคตแสนสิริจะตอกย้ำจุดยืนของแสนสิริในฐานะ market shaper ที่ไม่หยุดยั้งในการสรรหาความเชี่ยวชาญจากบริษัทระดับโลก มาช่วยยกระดับการให้บริการ สามารถมอบประสบการณ์การอยู่อาศัยเหนือความคาดหมายให้ลูกค้า และเปิดให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์แบบ Glocal (Global+Local) หรือการที่ลูกค้าได้มีโอกาสใช้ชีวิตระดับโลกได้อย่างง่ายดาย