กลุ่มวรลักษณ์ฯเตรียมเจรจาพันธมิตรไทย-ต่างชาติ นำที่ดินย่านแนวรถไฟฟ้า ผุดบ้านเพื่อผู้สูงอายุ มูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท คาดมีความชัดเจนในกลางปี61 มั่นใจภายใน 3-5 ปี เอกชนแห่ผุดบ้านรองรับผู้สูงอายุ 10 รายขึ้นไป

 

 

 

นายวิชัย พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริษัท วรลักษณ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยว่า จากการที่เทรนด์บ้านสำหรับผู้สูงอายุกำลังมาแรงในช่วงนี้ เนื่องจากมีผู้ประกอบการไทยหลายรายเริ่มรุกธุรกิจดังกล่าวอย่างจริงจัง และประกอบกับการที่ได้ไปศึกษาดูโครงการบ้านผู้สูงอายุที่ประเทศญี่ปุ่นมาพบว่าเทคโนโลยีได้ก้าวล้ำจากประเทศไทยไป20-30 ปี ซึ่งผู้ประกอบการไทยที่สนใจจะพัฒนาโครงการในรูปแบบนี้จะต้องเรียนรู้ข้อมูลเกี่ยวกับการดูแลผู้สูงอายุและนำเทคโนโลยีมาใช้ได้อย่างเหมาะสม

 

“ผู้สูงอายุในประเทศญี่ปุ่นจะอยู่กันเป็นสังคม ในขณะที่ผู้สูงอายุในประเทศไทยส่วนใหญ่ยังอยู่กับลูกหลาน แต่ในอนาคตผู้สูงอายุในประเทศไทยจะต้องมีสังคมที่รู้ใจกัน แต่ทั้งนี้โครงการที่พัฒนาขึ้นมาในอนาคตจะต้องมีอุปกรณ์และเทคโนโลยีมารองรับสังคมผู้สูงอายุได้ เชื่อว่าภายในระยะเวลา 3-5 ปีนี้ จะมีผู้ประกอบการพัฒนาในโครงการเพื่อผู้สูงอายุที่ชัดเจนมากขึ้นตั้งแต่ 10 รายขึ้นไป”นายวิชัย กล่าว

 

นายวิชัย กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้ตนมีความสนใจโครงการเพื่อรองรับผู้สูงอายุด้วยเช่นกัน  ขณะนี้มีที่ดินรองรับแล้ว 1 แปลง ทำเลใกล้แนวรถไฟฟ้า ขณะนี้อยู่ในระหว่างการออกแบบที่ดิน คาดว่ามูลค่าโครงการจะมากกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นในรูปแบบของการร่วมทุนกันระหว่าง 3 พันธมิตร คือกลุ่มวรลักษณ์ฯ กลุ่มผู้ประกอบการไทยอีก 1 ราย และกลุ่มทุนจากต่างประเทศ ซึ่งจะมีการเจรจากันในเดือนพฤศจิกายน 2560 นี้ คาดว่าจะมีความชัดเจนภายในกลาวปี 2561 (เดือนมิถุนายน-กรกฎาคม) จึงยังไม่สามารถเปิดเผยได้ในขณะนี้

 

อย่างไรก็ตามปัจจุบันประชากรผู้สูงอายุไทยมีปริมาณที่เท่ากับจำนวนผู้อายุในญี่ปุ่นเมื่อ 20-30 ปีที่แล้ว ซึ่งทำให้ที่อยู่อาศัยในประเทศไทยยังไม่บูมเท่าญี่ปุ่น ดังนั้นจึงต้องดึงเทคโนโลยีจากญี่ปุ่นมาใช้อย่างต่อเนื่อง โดยที่ผ่านมาได้มีผู้ประกอบการไทย และหน่วยงานภาครัฐ พัฒนาโครงการบ้านเพื่อสูงอายุมาหลายสิบปีแล้ว แต่ก็ยังไม่เป็นที่ตอบโจทย์คนไทยมากนัก อาทิ วิลลามีสุข เรสซิเดนท์เซส จ.เชียงใหม่,จีรัง เรสซิเดนซ์ จ.เชียงใหม่,ปัยยิกา จ.ปทุมธานี,เวลเนสซิตี้ จ.พระนครศรีอยุธยา,บุศยานิเวศน์ จ.พระนครศรีอยุธยา และ สวางคนิเวศ จ.สมุทรปราการ  เพราะส่วนใหญ่มีราคาค่อนข้างสูง และคนไทยยังไม่ค่อยยอมรับในเรื่องดังกล่าว เนื่องจากสังคมไทยผู้สูงอายุยังนิยมอยู่กับลูกหลานมากกว่า หรือหากจะไปพักบ้านผู้สูงอายุส่วนใหญ่จะไปในช่วงวันหยุดพักผ่อนมากกว่าการพักอยู่อาศัยระยะยาว จึงทำให้ผู้ประกอบการไม่สามารถจัดกิจกรรมสำหรับผู้สูงอายุในช่วงวันหยุดได้มากนัก

 

อีกประการหนึ่งการพัฒนาบ้านเพื่อผู้สูงอายุให้สมบูรณ์แบบนั้น จะต้องเป็นการร่วมมือกับโรงพยาบาลและบริษัทประกันภัย(ประกันสุขภาพ)ด้วย รวมไปถึงการให้การสนุนงบประมาณและสวัสดิการจากภาครัฐด้วย

อย่างในประเทศที่ญี่ปุ่น  รัฐบาลจะให้งบการสนับสนุนในการทำบ้านผู้สูงอายุเกิน50% หากเจ็บไข้ได้ป่วยก็จะเสียค่าใช้จ่ายไม่ถึง 50% เพราะรัฐบาลจะเป็นผู้ซัพพอร์ต ด้วยการนำเงินจากเงินภาษีของประชาชนผู้มีรายได้มาจ่ายให้สวัสดิการดังกล่าว และเมื่อประชาชนที่เสียภาษีทุกคนอายุ 65 ปีขึ้นไป ก็จะได้รับสวัสดิการดังกล่าวนี้

 

ล่าสุดกลุ่มน.พ.บุญ วนาสิน ประธานกรรมการบริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ได้เปิดตัวโครงการ  “จิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้” อย่างยิ่งใหญ่อลังการบนทำเลถนนพหลโยธิน รังสิต จ.ปทุมธานี พื้นที่กว่า 140 ไร่ และกลุ่มบริษัท นายณ์ เอสเตท จำกัด ร่วมมือกับ บริษัท ชีวาทัย จำกัด (มหาชน), บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) ก่อตั้งบริษัท กมลา ซีเนียร์ ลิฟวิ่ง จำกัด ขึ้นมาเพื่อพัฒนาโครงการ”กมลา ซีเนียร์ ลิฟวิ่ง”ซึ่งเป็นโครงการที่อยู่อาศัยในระดับลักชัวร์รี่ ตั้งอยู่ภายในโครงการมอนท์ เอซัวร์ บริเวณหาดกมลา จ.ภูเก็ตประกอบไปด้วยคอนโดมเนียม จำนวน 200 ยูนิต และ วิลล่า 30 ยูนิต มูลค่ารวมกว่า 3,500 ล้านบาท  และในปี 2561 ก็มีผู้ประกอบการอีกหลายค่ายมีแผนที่จะพัฒนาโครงการการบ้านเพื่อผู้สูงอายุอีกอย่างต่อเนื่อง ส่วนจะตอบโจทย์คนไทยหรือไม่นั้น  คงต้องจับตาดูกันต่อไป