เนอวานาฯ เผยผู้ประกอบการ 3 ประเทศในเอเชียสนใจหอบเงินร่วมทุนโครงการแนวราบ-สูง คาดใช้เวลาเจรจาหลายรอบ แย้มแผนปี61 เปิดตัว2 โครงการ มูลค่า 6,000 ล้านบาท ด้านโครงการคอนโดฯหรู“บันยันทรี เรสซิเดนซ์ ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพ” ยอดขายพุ่งแล้ว 27% พร้อมเปิดพรีเซล 18-19พ.ย.60 ราคาขายสตาร์ทที่ 22-300 ล้านบาท

 

นายศรศักดิ์ สมวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เนอวานา ไดอิ จำกัด(มหาชน) หรือ NVD  เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดอสังหาฯในประเทศไทยว่า ยังน่าลงทุนสำหรับชาวต่างชาติอย่างต่อเนื่อง แม้จะไม่หวือหวา บางครั้งตลาดรวมประสบภาวะวิกฤต แต่ราคาก็สามารถกลับมาฟื้นตัวได้ในภายหลัง รวมไปถึงการเมืองที่สงบ ดีมานด์ยังมีอีกมาก โดยในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศไทยถือว่ามีศักยภาพน่าลงทุนมากที่สุด

 

ซึ่งในส่วนของบริษัทฯเองขณะนี้ได้มีนักลงทุนชาวต่างชาติสนใจที่จะเข้ามาร่วมทุนพัฒนาโครงการแนวสูงและแนวราบเป็นรายโครงการจำนวนมาก อาทิ กลุ่มทุนจากญี่ปุ่น ฮ่องกง และสิงคโปร์ ซึ่งหนึ่งในจำนวนนี้เป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ที่สนใจพัฒนาโครงการแนวราบ มูลค่าประมาณ 10,000 ล้านบาท ซึ่งคงต้องใช้ระยะเวลาในการเจรจากันอีกนาน จึงยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ว่าจะเลือกร่วมทุนกับผู้ประกอบการกลุ่มใด

 

สำหรับแผนการดำเนินงานของบริษัทในปี2561 จะมีการเปิดตัว 2โครงการ รวมมูลค่า 6,000 ล้านบาท คือโครงการในรูปแบบทาวน์ชิป บนที่ดินขนาด 240 ไร่ ย่านกรุงเทพกรีฑา ที่ซื้อต่อมาจากกลุ่มบางกอกแลนด์ มูลค่าที่ดินประมาณ 3,000 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วย ที่อยู่อาศัยแนวราบ ระดับกลาง-บน,คอนโดฯ,โฮมออฟฟิศ, รีเทล เป็นต้น ซึ่งในเบื้องต้นจะพัฒนาในรูปแบบของบ้านเดี่ยวระดับไฮเอนด์ก่อน คาดว่ามูลค่าโครงการเมื่อพัฒนาแล้วเสร็จประมาณ 13,000 ล้านบาท เดิมมีแผนที่จะเปิดตัวในปลายปี2560นี้ แต่ต้องเลื่อนไปเปิดตัวในปีหน้าแทน เนื่องจากถนนกรุงเทพกรีฑา-ร่มเกล้า ที่เดิมจะเปิดให้บริการในต้นเดือนธันวาคมนี้ ได้เลื่อนไปเปิดตัวในต้นปี2561 บริษัทฯจึงรอให้ถนนเส้นดังกล่าวเปิดให้บริการก่อน

 

ส่วนอีกโครงการอยู่ในระหว่างการพิจารณาแปลงที่ดินที่จะนำมาพัฒนา แต่คาดว่าจะเป็นทำเลรัตนาธิเบศร์ ซึ่งมีแผนจะพัฒนาเป็นคอนโดฯ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ในขณะนี้

ด้านความคืบหน้าโครงการ “บันยันทรี เรสซิเดนซ์ ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพ” หลังเปิดขายรอบVVIP ปรากฏว่าสามารถทำยอดขายได้ 27% จำนวน 36 ยูนิต คิดเป็นมูลค่า 1,200 ล้านบาท แบ่งเป็นลูกค้าคนไทยสัดส่วน 50% และลูกค้าต่างชาติ 50% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนจากฮ่องกง สิงคโปร์และญี่ปุ่น ซึ่งเป็นยอดขายจากการไปโรดโชว์ที่ฮ่องกงและสิงคโปร์ และจะเปิดพรีเซล สำหรับลูกค้าทั่วไปในวันที่ 18-19 พฤศจิกายน 2560 ตาดว่าจนถึงเดือนธันวาคม จะสามารถทำยอดขายได้ถึง 50%

 

“บันยันทรี เรสซิเดนซ์ ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพ” เป็นโครงการคอนโดมิเนียมระดับ The Ultimate Luxury ย่านเจริญนคร มีพื้นที่ 5-1-10 ไร่ จำนวน 1 อาคาร สูง 45 ชั้น จำนวน 133 ยูนิต ราคาขายเริ่มต้นที่ 22-300 ล้านบาท หรือเริ่มต้นที่ 320,000-400,000 บาท/ตารางเมตร ซึ่งแต่ละชั้นมีห้องพักอาศัยสูงสุดเพียง 4 ยูนิตเท่านั้น สำหรับแบบห้องทางโครงการมีให้เลือกถึง 5 แบบ (Room mix) คือ 1.แบบ 1 ห้องนอน ขนาด 69.40-85.45 ตารางเมตร จำนวน 48 ยูนิต 2.แบบ 2 ห้องนอน ขนาด 156.40-179.20 ตารางเมตร จำนวน 66 ยูนิต 3.แบบ 3 ห้องนอน ขนาด 243.10 ตารางเมตร จำนวน 16 ยูนิต 4.แบบ 4 ห้องนอน ขนาด 417.35 – 419.85 ตารางเมตร จำนวน 2 ยูนิต และ 5.Penthouse ขนาด 836.70 ตารางเมตร จำนวน 1 ยูนิต  มีที่จอดรถมากกว่า 260 คัน หรือ คิดเป็น 200% ของยูนิตทั้งหมด มูลค่าโครงการกว่า 6,500 ล้านบาท ด้านการก่อสร้างคืบหน้าถึงชั้น 20 แล้ว

 

ด้านนางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีบีอาร์อี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว่า ในช่วง 2-3ปีที่ผ่านมา ทำเลริมแม่น้ำเจ้าพระยาถือว่ามาแรงที่สุดและจะเป็นดาวรุ่งในอนาคต ซึ่งยังมีดีมานด์และซัพพลายที่จะทำให้โครงการริมแม่น้ำเจ้าพระยามีความโดดเด่น โดยทำเลริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่มีความโดดเด่น จะมีอยู่ 3 ทำเลหลักคือ ย่านเจริญนคร ที่มีราคาขายต่อตารางเมตรสูงสุด เพราะเป็นทำเลที่รายล้อมด้วยโรงแรมระดับ 5 ดาวมากมาย 2.ย่านเจริญกรุง เป็นที่เลที่มีศักยภาพ แต่พัฒนาได้ยาก เพราะที่ดินมีน้อย และ3.ย่านพระราม3 แม้ว่าจะอยู่ห่างจากใจกลางเมือง แต่โซนฝั่งธนบุรีก็ยังได้รับความนิยมเพราะมีความเงียบสงบ

 

“โดยโครงการคอนโดฯระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาในแต่ละปีมีน้อยมาก หรือบางปีหม่มีการพัฒนาเลย เพราะที่ดินหาได้ยาก โดยในปีนี้มีเปิดขายเพียงโครงการเดียวคือบันยันทรี เรสซิเดนซ์ ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพ ซึ่งหากมีซัพพลายน้อย โอกาสในการในการสร้างมูลค่าก็ยิ่งมีมาก โดยราคาขายคอนโดฯริมแม่น้ำเจ้าพระยา เริ่มมีความโดดเด่นตั้งแต่ปี 2556 เพราะส่วนใหญ่จะเป็นคอนโดฯที่บริหารโดยเชนโรงแรมแบรนด์ดังระดับโลก”นางสาวอลิวัสสา กล่าวในที่สุด