ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา คงจะเป็นเครื่องพิสูจน์แล้วว่าการลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์ ถือเป็นการลงทุนที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นๆ อันเนื่องมาจากเป็นการลงทุนที่มีความปลอดภัยสูง เพราะสินทรัพย์ไม่ได้หายไปไหน เพียงแค่ถูกแปรเปลี่ยนจากเงินตราไปอยู่ในรูปของที่อยู่อาศัยแทน ซึ่งก็อย่างที่ทราบกันดีว่า เงินตรา นับวันมีแต่คุณค่าจะลงลดจากเงินเฟ้อในแต่ละปี แต่อสังหาริมทรัพย์ ที่เป็นปัจจัยที่มีอยู่อย่างกำจัดเพราะไม่สามารถผลิตขึ้นมาใหม่ได้ มีมูลค่าเพิ่มสูงมากขึ้นเรื่อยๆอย่างรวดเร็ว

 

เมื่อพูดถึงการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯแล้ว จะเห็นได้ว่าคอนโดมิเนียมในเส้นสุขุมวิทนั้น เป็นเส้นที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก เพราะให้ผลตอบแทนที่ดีทั้งในแง่ของการปล่อยเช่าและ resale โดยจะเห็นได้จากราคาคอนโดมิเนียมเปิดใหม่ที่มีราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ และปริมาณชาวต่างชาติที่พักอาศัยอยู่ในย่านนี้เป็นจำนวนมาก

 

สำหรับทำเลที่เป็นที่นิยมสำหรับการพักอาศัยของทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติมากที่สุดสำหรับตลาดระดับกลาง-บน ก็คงจะหนีไม่พ้น BTS พร้อมพงษ์ – ทองหล่อ – เอกมัย เพราะเป็นทำเลที่ใกล้กับแหล่งงานขนาดใหญ่ และยังรายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกจำนวนมาก อีกทั้งยังมีความสะดวกสบายในเรื่องของการเดินทางทั้งด้วยระบบขนส่งมวลชนและรถยนต์ส่วนบุคคล

 

 

จากแผนที่ด้านบนจะเห็นได้ว่า ตั้งแต่ BTS สถานีชิดลมยาวไปจนถึงสถานีพร้อมพงษ์ รวมถึงเส้นอโศกและเพชรบุรี เป็นเส้นที่เต็มไปด้วยอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยบริษัทต่างชาติระดับชั้นนำมากมาย จึงทำให้มีชาวต่างเข้ามาทำงานและพักอาศัยในบริเวณโดยรอบเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มที่อยู่ในระดับ Management ขึ้นไป นอกจากนี้บนถนนเพชรบุรีเองก็ยังเต็มไปด้วยอาคารสำนักงานมากมายและสามารถเดินทางได้อย่างสะดวกจากสุขุมวิท และบนเส้นสาทร สีลม และพระราม 4 ก็ยังเป็นย่านธุรกิจที่มีความสำคัญและกำลังขยายตัวออกมาทางฝั่งตะวันตกทางถนนพระราม 4 มากขึ้นเรื่อยๆ โดยจะเห็นได้จากโครงการ Mega Project อย่าง One Bangkok, TCC Healthcarุe Mixed Use, โครงการ Mixed Use กลางซอยสุขุมวิท 24 ที่กำลังขยายตัวออกมา อีกทั้งถนนพระราม 4 ยังมีอาคารสำนักงานดั่งเดิมอยู่แล้ว อย่างอาคารมาลีนนท์, Green Tower และ อาคารสิรินรัตน์ ซึ่งทำให้เกิดปัจจัยรองรับอย่างความเจริญอย่าง สวนเพลิน community mall เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกให้กับบริเวณนี้

ส่วนพื้นที่พักอาศัยที่เป็นคอนโดมิเนียมสำหรับตลาดกลาง-บนในย่านนี้จะกระจุกตัวอยู่บริเวณ BTS พร้อมพงษ์ ทองหล่อ และ เอกมัย เนื่องจากอยู่ใกล้ทั้งรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียวที่เป็นเส้น main วิ่งผ่านทำเลสำคัญๆหลายจุด และใกล้กับแหล่งงานที่เต็มไปด้วยบริษัทต่างชาติมากที่สุด นอกจากนั้นยังสะดวกสำหรับการเดินทางสู่สนามบินสุวรรณภูมิและย่านอุสาหกรรมต่างๆอีกด้วย จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่เราจะพบชาวญี่ปุ่นจำนวนมากพักอาศัยในย่านนี้ (ประมาณ 48% ของผู้เช่าทั้งหมดในย่านนี้) รวมถึงชาว เกาหลี ยุโรป และอเมริกาที่มีสัดส่วนรองลงมา

เมื่อทำการเปรียบเทียบราคาต่อตารางเมตรของคอนโดมีเนียม High Rise ใหม่ๆในย่านพร้อมพงษ์ ทองหล่อ เอกมัย จะพบว่ามีราคาที่ค่อนข้างสูงมาก แต่คอนโดภายในซอยสุขุมวิท 36 กลับมีราคาที่ถูกกว่ามาก อีกทั้งยังค่อนข้างสะดวกสำหรับการเดินทางสู่ BTS ทองหล่อ และเมื่อลองเปรียบเทียบคอนโดในซอยนี้จะเห็นได้ว่าโครงการบริเวณปากซอยสุขุมวิท 36 มีราคาเฉลี่ยสูงถึงตารางเมตรละ 330,000 บาท แต่คอนโดที่อยู่ภายในซอยสุขุมวิท 36 กลับมีราคาเฉลี่ยโดยประมาณเพียง 160,000 – 185,000 บาทเท่านั้น ทั้งๆที่ยังอยู่ในระยะที่สามารถเดินไป BTS ได้ จึงถือเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการห้องชุดในย่านนี้เพื่อทั้งการพักอาศัยและลงทุนในราคาที่สมเหตุสมผล

 

ข้อมูลจาก Plus Property

 

เมื่อลองย้อนกลับไปดูอัตราการขายของตลาดห้องชุดในย่านนี้ จะพบว่าอยุ่ในเกณฑ์ที่ดีมาก โดยจะเห็นได้ว่าในปี 2017 นี้ มีอัตราการขายห้องชุดในตลาดสูงถึง 83% ของจำนวนยูนิตเปิดขายทั้งหมด นั้นแสดงให้เห็นถึงความต้องการของตลาดที่ยังคงมีอยู่เป็นจำนวนมากและต่อเนื่อง

สำหรับการเติบโตของราคาโดยดูจากสถิติจะพบว่าตั้งแต่ปี 2015 เป็นต้นมา พบว่ามีการเติบโตของราคาเฉลี่ยสูงถึงประมาณ 15% ต่อปีเลยทีเดียวและยังมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต

สำหรับความคุ้มค่าในการลงทุนปล่อยเช่า อัตราค่าเช่าเฉลี่ยต่อตารางเมตรในซอยสุขุมวิท 36 อยู่ที่ประมาณ 860 บาท ซึ่งหากนำมาคำนวนหาผลตอบแทนจากราคาคอนโดมิเนียมที่ต้นทุนตารางเมตรละ 160,000 บาท จะได้ผลตอบที่อยู่ที่ 6.45% ต่อปีเลยทีเดียว  อีกทั้งอัตราค่าเช่าของคอนโดมิเนียมในซอยสุขุมวิท 36 ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องเฉลี่ย 5.7% ต่อปีมาตลอด 3 ปีที่ผ่านมา

จากข้อมูลทั้งหมดนั้น แสดงให้เห็นว่าคอนโดมิเนียมในซอยสุขุมวิท 36 นั้นเป็นคอนโดมิเนียมที่มีความน่าสนใจเป็นอย่างมากในด้านของการลงทุนทั้ง resale และปล่อยเช่า นอกจากจะมีอัตราการเติบโตของราคาที่ดี ให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าและยังมีต้นทุนที่ไม่สูงมากเมื่อเทียบกับคอนโดอื่นๆในบริเวณโดยรอบ

OKA HAUS Sukhumvit 36 by Sansiri

เป็นโครงการเปิดตัวใหม่ในซอยสุขุมวิท 36 ที่มีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก ทั้งในแง่ของการซื้ออยู่เพื่ออยู่อาศัย หรือเพื่อการลงทุน ไม่เพียงแต่โดดเด่นด้วยราคาต่อตารางเมตรที่ดีที่สุดในตลาดคือเริ่มต้นที่ประมาณ 139,000 บาทต่อตารางเมตร แต่ยังโดดเด่นด้วยรายละเอียดอื่นๆมากมายที่นักลงทุนและ real demand ควรให้ความสำคัญ

“แสนสิริ” เป็นแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล

ในตลาด resale ย่านสุขุมวิทในช่วงหลายปีที่ผ่านมา พบว่ากลุ่มลูกค้าที่เข้ามารับซื้อ resale ต่อด้วยราคาที่สูงส่วนมากแล้วจะเป็นชาวต่างชาติ โดยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มลูกค้าจากประเทศจีน ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ เป็นต้น ซึ่งทางแสนสิริก็มีกลยุทธในการสร้าง brand awareness เข้าไปในตลาดดังกล่าวได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการโฆษณา การจัด roadshow การเป็น sponsor กิจกรรมต่างๆ การ partner กับบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ รวมถึงการจัดตั้งสำนักงานในต่างประเทศอีกด้วย สำหรับตลาดญี่ปุ่นที่เป็นตลาดเช่าขนาดใหญ่ของย่านสุขุมวิท แสนสิริยังจับมือกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ในญี่ปุ่นที่ให้บริการแบบครบวงจรที่รวมไปจนถึงบริการจัดหาห้องเช่าสำหรับชาวญี่ปุ่นด้วย ซึ่งกลยุทธดังกล่าวจะสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าทั้งผู้เช่าและ resale ได้เป็นอย่างดี

คุณภาพของสินค้าและบริการหลังการขาย

การบำรุงรักษานั้นถือเป็นเรื่องที่สำคัญมากสำหรับคอนโดมิเนียม เพราะถ้าหากอาคารดู เก่า ทรุดโทรม ไม่สวยงาม ไม่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดีแล้ว จะส่งผลกระทบต่อราคาเช่า และการ resale อย่างแน่นอน ซึ่งแสนสิริได้แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในคุณภาพของสินค้าเป็นอย่าง โดยจะเห็นได้จากโครงการ siri@sukhumvit ที่เป็นคอนโดที่ค่อนข้างมีอายุในระดับหนึ่ง แต่ยังคงสวยงามและมีอัตราการเช่าและ resale ที่ดีมาตลอดจนถึงปัจจุบัน ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ถือเป็นจุดเด่นที่ควรคำนึงถึงเป็นอย่างมากเมื่อเปรียบเทียบกับคอนโดมิเนียมอื่นๆที่ในบริเวณใกล้เคียง

การออกแบบที่ใส่ใจในรายละเอียด

โครงการ OKA HAUS Sukhumvit 36 ได้รับการออกแบบให้ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าชาวญี่ปุ่นที่เป็นตลาดเช่าขนาดใหญ่ของย่านนี้ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการออกแบบตกแต่งในคอนเซปต์ความเป็น Retreat and Rebound  มีกลิ่นอายความเป็น Modern Japanese และส่วนกลางอย่าง Lobby Lounge, Education Playground ที่มี ร.พ. สมิติเวชร่วมออกแบบเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อและการตัดสินใจของเด็ก, Leisure Pool ที่มีระบบ Hydrotherapy เต็มรูปแบบ เพื่อใช้แรงจากน้ำในการนวดผ่อนคลายส่วนต่างๆของร่างกาย อีกทั้งยังมีบ่อน้ำอุ่นสำหรับแช่ผ่อนคลายและเป็นที่ชื่นชอบของชาวญี่ปุ่นอีกด้วย, บนชั้น 47 ยังมี Sky Lounge, Co-working space, Co-kitchen space ที่มี Farmshelf ให้ผู้พักอาศัยสามารถควบคุมการปลูกผักได้จาก Smartphone รวมถึงเทคโนโลยีใหม่ๆมากมายไม่ว่าจะเป็น Smart Access ที่สามารถใช้ Smart Phone แทน Keycard และยังสามารถส่งหรือตั้งค่าให้กับผู้อื่นผ่าน Access Control ได้ตามที่ต้องการ, Smart Unit กับระบบ Home Automation ที่สามารถสั่งงานได้จากทั้ง Smart Phone และ Touch Pad ที่นอกจากจะควบคุมการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในห้องแล้วยังสามารถใช้งาน VDO Door Phone, Smart Locker, Smart Mail Box, การสั่งจองส่วนกลางต่างๆล่วงหน้า, การแจ้งและตรวจสอบค่าไฟ, ค่าน้ำ และค่าใช้จ่ายต่างๆ รวมถึงการติดต่อกับนิติบุคคลและ Sansiri Home Care ได้อีกด้วย

ภายในห้องชุดมี Specification ที่ดี ไม่ว่าจะเป็นความสูงเพดานที่ 2.7 เมตร และหน้าต่างแบบ Full Height ขนาดใหญ่ ให้ความรู้สึกโล่งโปร่งสบายไม่อึดอัด รวมถึงการออกแบบห้องชุดให้มี Bath Tub และ ฺBay window ในบางยูนิต หรือแม้แต่ Furniture Build-in ชุดครัวคุณภาพสูงที่มีการออกแบบให้มีบันไดซ่อนอยู่เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างเต็มพื้นที่

ทำเลที่ตั้งที่สะดวกสบายในทุกการเดินทางและมีอนาคต

ด้วยที่ตั้งโครงการที่เข้าซอยสุขุมวิท 36 ไปเพียงประมาณ 800 เมตร และ 200 เมตรจากถนนพระราม 4 ทำให้โครงการอยู่ในทำเลที่เงียบสงบเหมาะแก่การพักอาศํัย แต่ยังคงสามารถเดินทางไป BTS ทองหล่อได้อย่างสะดวก ทางโครงการเตรียม Shuttle Service บริการรับส่งจากโครงการ ไป BTS ทองหล่อให้ด้วย อีกทั้งยังเป็นทำเลที่สะดวกสบายมากเพราะซอยสุขุมวิท 36 นั้นเป็นซอยที่เชื่อมต่อระหว่างถนนสุขุมวิทและถนนพระราม 4 ใกล้กับจุดขึ้นลงทางด่วน ไม่ไกลจากสนามบินสุวรรณภูมิที่ชาวต่างชาติจำเป็นจะต้องใช้งานบ่อยๆ อีกทั้งในอนาคตเส้นพระราม 4 จะมีการพัฒนาโครงการรถไฟฟ้าสายสีเทาที่เริ่มต้นตั้งแต่บริเวณสามแยกพระโขนง เข้าสู่เส้นพระราม 4 สาทร นาราธิวาส พระราม 3 และไปบรรจบที่ BTS ท่าพระ ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่มาช่วยผลักดันราคาโครงการและความเจริญที่รายล้อมให้ยิ่งเติบโตยิ่งขึ้นไปอีก

สรุป

สำหรับตลาดคอนโดมิเนียมในปีหน้านี้ คาดว่าราคาต่อตารางเมตรของโครงการใหม่ๆในบริเวณโดยรอบน่าจะถีบตัวสูงขึ้นไปที่ตารางเมตรละ 200,000 ขึ้นไปเป็นราคามาตราฐานแล้ว ซึ่่งทำให้โครงการ OKA HAUS Sukhumvit 36 ที่มีราคาเริ่มต้นเพียง 135,000 บาทต่อตารางเมตรนั้น กลายเป็นโครงการที่มีความโดดเด่นเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของทำเลที่มีความเงียบสงบ แต่ยังสามารถเดินทางได้อย่างสะดวก แบรนด์ที่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับเป็นอย่างดีทั้งในไทยและต่างประเทศ การบำรุงรักษาและบริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม การออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานของทั้ง Real Demand และกลุ่มผู้เช่าชาวญี่ปุ่น อีกทั้งยังมีราคาที่เรียกได้ว่าดีที่สุดในบริเวณนั้น ซึ่งน่าจะทำให้ได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่าได้อย่างไม่ยาก

สนใจโครงการสามารถเข้าไปชมห้องตัวอย่างได้ที่ OKA HAUS Sales Gallery หรือไปที่งาน Sansiri Life Comes Home ที่ชั้น สยามพารากอน 24 – 26 ..นี้ ฟรี! iPhone X * ผ่อนเริ่ม 6,900 บาทต่อเดือน เริ่ม 3.69 ล้าน*

Sansiri Call Center 1685