เว็บไซต์อสังหาฯเปิดตัว รายงานดัชนีอสังหาริมทรัพย์ “ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ พร็อพเพอร์ตี้ อินเด็กซ์​” หวังรับเทรนด์ผู้บริโภคยุค4.0 ซื้อง่ายขายคล่อง ชี้ตลาดบ้าน-คอนโดฯส่อแววคึกคัก ได้แรงส่งจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และอุปทานเดิมในตลาด พบราคาที่อยู่อาศัยเขตจตุจักรมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นมากที่สุดที่ร้อยละ 10 เชื่อ1-2 ปีตลาดอสังหาฯสดใสขึ้นจากการขยายตัวรถไฟฟ้า แนะที่อยู่อาศัยผู้สูงอายุน่าจับตามมอง

 

 

นางกมลภัทร แสวงกิจ ผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศไทย ผู้ดำเนินเว็บไซต์ ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) เปิดเผยว่า จากที่ผ่านมาได้มีการเก็บสะสมข้อมูลด้านอสังหาฯค่อนข้างมาก จึงได้นำมาวิเคราะห์และทำเป็นดัชนีให้ผู้บริโภคได้ใช้งานในการตัดสินใจซื้อขายอสังหาฯได้ง่ายขึ้น ภายใต้ชื่อ  “ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ พร็อพเพอร์ตี้ อินเด็กซ์”​ (DDproperty Property Index) เป็นครั้งแรก เพื่อรับเทรนด์ผู้บริโภคยุคไทยแลนด์ 4.0 กับการนำเสนอข้อมูลและบทวิเคราะห์ที่สามารถนำไปประกอบการตัดสินใจในการเลือกซื้อบ้านในฝันของตน ซึ่งเป็นหนึ่งในการตัดสินใจครั้งสำคัญในชีวิต รายงานฉบับดังกล่าว เป็นการวิเคราะห์ข้อมูล Big Data จากฐานข้อมูลของเว็บไซต์ DDproperty.com  ซึ่งปัจจุบันมีผู้ใช้บริการกว่า 200,000 รายการในเว็บฯ(ประมาณ 65-70%อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่เหลือจะเป็นพื้นที่รอบนอก และหัวเมืองใหญ่) และมีผู้เข้ามาคลิ๊กดูเว็บฯประมาณ 3.5 ล้านคนต่อเดือน เพื่อนำมากลั่นกรองเป็นบทสรุปที่เข้าใจ มีการวิเคราะห์สถานการณ์ด้านราคาและอุปทานในรอบไตรมาส แนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในอนาคต รวมไปถึงปัจจัยด้านเศรษฐกิจ แนวโน้มตลาด และทิศทางจากผู้ประกอบการ  โดยในเฟสแรกนี้ จะเป็นการศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลซึ่งมุ่งไปที่พื้นที่ในเขตกรุงเทพฯ 50 เขต เป็นหลัก  ซึ่งจะจัดขึ้นในทุกๆไตรมาส โดยเริ่มจากไตรมาส3/2560

 

ตามรายงานของดีดีพร็อพเพอร์ตี้ พร็อพเพอร์ตี้ อินเด็กซ์ ระบุว่าดัชนีราคาที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ   ช่วงไตรมาสที่ 3/2560  อยู่ที่ระดับ 199 เป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 จากไตรมาสที่ 2 สะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ช่วงต้นปี สะท้อนถึงสัญญาณบวกในภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทยที่กำลังฟื้นตัวจากสภาพเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ชะลอตัวในกลุ่มตลาดระดับกลางไปจนถึงระดับล่าง เนื่องจากปัญหาหนี้ครัวเรือที่ยังอยู่ในระดับค่อนข้างสูง

 

“เรามองว่าแนวโน้มตลาดที่อยู่อาศัยในเมืองไทยมีทิศทางบวก และเชื่อว่าเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ขาย และผู้ซื้อ โดยเฉพาะผู้ซื้อนั้น จะได้ประโยชน์จากการที่มีสินค้าในตลาดให้เป็นตัวเลือกหลากหลาย ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับที่ต่ำและน่าจะรักษาระดับไปอีกระยะหนึ่ง” นางกมลภัทร กล่าว

 

 

ดัชนีราคาอุปทานโตต่อเนื่อง  

นอกจากนี้ รายงานฉบับดังกล่าวยังระบุอีกว่าในช่วงไตรมาส 3 ดัชนี ราคาที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 13 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และหากมองย้อนกลับไปในช่วงระยะเวลา 2 ปีพบว่า ดัชนีราคามีการเติบโตถึงร้อยละ 53 โดยดัชนีราคาคอนโดมิเนียมมีอัตราการเติบโตมากที่สุด เมื่อเทียบกับที่อยู่อาศัยประเภททาวน์เฮาส์และบ้านเดี่ยว โดยดัชนีราคาคอนโดฯ ในดีดีพร็อพเพอร์ตี้ พร็อพเพอร์ตี้ อินเด็กซ์ ช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมาอยู่ที่ระดับ 219 ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากช่วงไตรมาส 2 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 209

 

เนื่องจากกลุ่มผู้บริโภคมีความสนใจสินค้าที่อยู่ในพื้นที่ศูนย์กลางธุรกิจ(ซีบีดี) ขณะที่การขยายโครงข่าวรถไฟฟ้าก็เพิ่มตลาดคอนโดมิเนียมมากขึ้น จะเห็นว่าทำเลแนวรถไฟฟ้าสีเขียวอ่อนและสายสีน้ำเงิน (ท่าพระ-บางแค) มีการเปิดโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง  ถือเป็นทำเลที่น่าจับตามองในอนาคต

 

ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ ดัชนี ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ พร็อพเพอร์ตี้ อินเด็กซ์ สะท้อนให้เห็นว่าดัชนีราคาที่อยู่อาศัยในเขตจตุจักรมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นจากไตรมาสก่อนหน้ามากที่สุดที่ร้อยละ 10 ตามมาด้วยเขตพระโขนงที่ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 7  ส่วนเขตราคาแพงสุด (นั่นหมายถึง ราคาที่ผู้ซื้อและผู้ขายตกลงกัน) ได้แก่เขตปทุมวันมีราคาขายขั้นต่ำอยู่ที่ 180,000 บาท/ตารางเมตร รองลงมาคือเขตราชเทวี ราคาขายขั้นต่ำอยู่ที่ 170,000 บาท/ตารางเมตร และเขตคลองเตย ราคาขายขั้นต่ำอยู่ที่ 160,000 บาท/ตารางเมตร

 

 

นอกจากนี้ ปริมาณอุปทานบ้าน-คอนโดฯ ในกรุงเทพฯ ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากชะลอตัวลงในช่วงต้นปี โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 ในไตรมาส 2 และเติบโตอย่างเห็นได้ชัดในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมาในอัตราร้อยละ 14  ทั้งนี้ หากมองย้อนไปในรอบ 1 ปี จะพบว่าดัชนีอุปทานที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ  ทำสถิติการเติบโตสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มทำการเก็บข้อมูลในปี 2558 โดยทะยานขึ้นร้อยละ 20 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้เนื่องจากการเปิดตัวโครงการใหม่ๆ อย่างคึกคักจากผู้ประกอบการนับตั้งแต่ช่วงต้นปี 2560

 

“ปัจจุบันปริมาณอุปทานสะสมค่อนข้างมาก เนื่องจากดีมานด์ที่ยังไม่ฟื้นตัวดี ในขณะที่เศรษฐกิจยังอยู่ในระยะฟื้นตัวอย่างช้าๆ และไม่มีมาตรการกระตุ้นตลาดใดๆ จากภาครัฐออกมา” คุณกมลภัทร กล่าว “ปัจจัยที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ซึ่งเลือกที่จะชะลอการตัดสินใจซื้อออกไป” นางกมลภัทร กล่าว

 

ชี้เศรษฐกิจฟื้นแบบค่อยเป็นค่อยไป

ท่ามกลางหลากหลายปัจจัยเสี่ยง สิ่งที่เป็นตัวขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจของประเทศไทยโดยรวมยังเดินหน้าต่อไปได้มาจากหลายปัจจัย ได้แก่ แผนยุทธศาสตร์การลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานขนส่งของประเทศ ปี2558-2565 การที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 1.50 และคาดว่าจะคงไว้ที่ระดับดังกล่าวยาวไปจนถึงสิ้นปีนี้เพื่อสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ รวมไปถึงจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ​สำหรับราคาที่อยู่อาศัยโดยภาพรวมแล้ว ดีดีพร็อพเพอร์ตี้คาดว่าจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับอานิสงส์จากการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ทั้งที่ผ่านการอนุมัติและกำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะมีส่วนผลักดันให้ราคาอสังหาฯ ในไทยเพิ่มสูงขึ้น ได้แก่ อุปสงค์ที่มาจากผู้ซื้อ-นักลงทุนชาวต่างชาติ ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวของฝั่งรัฐบาลโดยกระทรวงการคลังนั้น ได้มีแนวคิดที่จะดำเนินการแก้กฎหมายสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ของชาวต่างชาติจาก 30 ปี เป็น 50 ปีเพื่อจูงใจให้ชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศมากขึ้น

 

อย่างไรก็ตามเชื่อว่าทิศทางตลาดอสังหาฯในช่วง 1-2 ปีนี้จะสดใสมากขิ้นตามลำดับ รวมไปถึงรถไฟฟ้าสายสีต่างๆที่ขยายไปในหลายๆทำเลก็น่าเป็นที่จับตาดูเป็นอย่างมาก อีกทั้งตลาดที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุก็เป็นที่น่าสนใจ โดยจากการสำรวจพบว่ากลุ่มคนวัน 25-40 ปี เริ่มมีการวางแผนที่จะซื้อที่อยู่อาศัยรองรับช่วงที่เกษียณอายุสูงขึ้นโดยครึ่งปีแรก 2560 มีความต้องการเพิ่มสูงขึ้น 10% มากจากครึ่งปีหลัง2559 ซึ่งอยู่ที่ 5% แต่โดยภาพรวมแล้วส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยสนใจซื้อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงวัยมากนัก

 

“ภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ตอนนี้ไม่เพียงแต่ดูสดใสสำหรับผู้ขายเท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ซื้อด้วยทางเลือกที่หลากหลาย แม้ว่าราคาที่อยู่อาศัยจะมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น แต่อัตราดอกเบี้ยที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ ประกอบกับแคมเปญส่งเสริมการขายที่ผู้ประกอบการแข่งขันกันออกมาเพื่อดึงดูดใจผู้ซื้ออย่างเข้มข้น น่าจะเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้บริโภคในการเลือกซื้อบ้านที่ “ใช่” ของตน” นางกมลภัทร กล่าวในที่สุด