แสนสิริฯมั่นใจจีดีพีเศรษฐกิจในประเทศปรับตัวดีขึ้น ส่งผลธุรกิจโรงแรมเติบโตตาม เปิดแผน 3-5 ปี จ่อขยายลงทุนโรมแรมสไตล์บูทีคแบรนด์ “เอสเคป”ตามหัวเมืองท่องเที่ยวควบคู่การพัฒนาคอนโดฯ หวังสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้า ปี61เตรียมทุ่มงบ10-15 ล้านบาท ผุด 2 พูลวิลล่าที่เขาใหญ่ คาดรายได้รวมปีหน้าจากธุรกิจให้บริการ 2 ทำเลโต 10% และคืนทุนภายใน 12 ปี

 

 

นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท  แสนสิริ  จำกัด(มหาชน)หรือ SIRI เปิดเผยถึงภาพรวมของเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาส 3-4 ของปี 2560 ว่า ตัวเลขจีดีพีเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้ัน การส่งออกและการท่องเที่ยวยังเติบโตได้ดี คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเกิน 34 ล้านคน และจะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เข้ามาเที่ยวเมืองไทยสร้างรายได้ 2 ล้านล้านบาท  จึงถือเป็นโอกาสการเติบโตในภาคอสังหาฯที่ใช้ธุรกิจโรงแรมเป็นตัวสร้างมูลค่าเพิ่ม

 

 

สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจโรงแรมของบริษัทฯในระยะเวลา 3-5 ปี  มีแผนจะขยายการลงทุนโรงแรมเอสเคป ไปตามจังหวัดหัวเมืองที่มีศักยภาพ อาทิ พัทยา ระยอง เชียงใหม่ และภูเก็ต โดยจะไปควบคู่กับการพัฒนาโครงการคอนโดฯที่บริษัทจะเปิดการขาย เนื่องจากจะเป็นการสร้างมูลค่าให้กับสินค้าและมีการนำบริการรูปแบบโรงแรมมาใช้ภายในโครงการร่วมกันได้

 

“แสนสิริยังไม่มีแผนจะพัฒนาธุรกิจโรงแรมเพียงอย่างเดียว แต่อาจจะทำควบคู่ไปกับโครงการคอนโดฯที่เปิดตัวในต่างจังหวัด จึงใช้เป็นแบรนด์ “เอสเคป” โดยเน้นพัฒนาเป็นโรงแรมสไตล์บูทีค ระดับ 3 ดาวครึ่ง ไม่เน้นแข่งกับโรงแรมเชนจากต่างชาติ แต่จะแข่งกับแบรนด์ในพื้นที่นั้นๆเป็นหลัก” อุทัยกล่าว

 

 

อย่างไรก็ตามบริษัทฯได้พัฒนาโรงแรมเอสเคปมานาน 4 ปี  ใน 2 ทำเลคือเขาใหญ่และหัวหิน  มีจำนวนรวม 108 ห้องพัก ใช้เงินลงทุนไปกว่า 700 ล้านบาท โดยในปี 2561 มีแผนจะเพิ่มอีก 2 ห้องพักที่เขาใหญ่ ในรูปแบบพูลวิลล่า ใช้เงินลงทุนประมาณ 10-15 ล้านบาท หลังจากรายได้ในธุรกิจดังกล่าวเติบโตอย่างต่อเนื่อง คาดว่ารายได้รวมจากธุรกิจดังกล่าวในปี 2560 จะอยู่ที่เกือบ 100 ล้านบาท และมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยทั้งปีรวมกันสูงถึง 70%  ปัจจุบันมีจ้างแรงงาน 90 คน คาดว่าจะสามารถคืนทุนได้ภายในระยะเวลา 12 ปี

 

ทั้งนี้แม้ว่าในช่วงไตรมาส 1-3 บรรยากาศการท่องเที่ยวไทยจะไม่คึกคักมากนัก แต่ในช่วงไตรมาส 4 พบว่ามีอัตราการจองห้องพักสูงถึงเกือบ 100%  คาดว่าในช่วงเดือนธันวาคม 2560 นี้ อัตราการเข้าพักที่เขาใหญ่จะสูงถึง 80% และที่หัวหิน 70% ซึ่งเมื่อวิเคราะห์แล้วพบว่านักท่องเที่ยวยังคงเป็นกลุ่มลูกค้าที่สำคัญ โดยเขาใหญ่มีลูกค้าคนไทยมากสัดส่วน  95%  และต่างชาติ 5%  ส่วนที่หัวหินมีลูกค้าคนไทย 80% ต่างชาติ 20% ซึ่งในภาพรวมเป็นกลุ่มลูกค้าคนจีน เป็นหลัก แต่ที่หัวหินนั้นลูกค้าส่วนใหญ่ยังเป็นกลุ่มสแกนดิเนเวียเป็นหลัก

 

สำหรับรายได้ในส่วนของห้องพัก ธุรกิจการบริการอาหารและเครื่องดื่มของโรงแรมทั้ง 2 แห่งยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องด้วยเช่น โดยในปี 2561 ตั้งเป้าธุรกิจโรงแรมเติบโตขึ้น 10% หรือมีรายได้รวม 110 ล้านบาท