แกรนด์ ยูนิตี้ฯปรับแผนปี61 รีแบรนด์สินค้าใหม่ตอบตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุค 4.0 ชู 3 กลยุทธ์หลักสร้างการรับรู้ ประเดิมเปิด 4 โครงการติดสถานีรถไฟฟ้า รวมมูลค่า 12,000 ล้านบาท ตั้งเป้า 5 ปียอดขายพุ่ง 17,000 ล้านบาท คาดสต๊อกเก่า กว่า 1,000 ยูนิต จาก 7 โครงการปิดขายพายในครึ่งปีแรก62

 

นายสิริพงศ์ ศรีสว่างวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แกรนด์ ยูนิตี้ ดิเวลล็อปเมนท์ จำกัด ในเครือบริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด(มหาชน)หรือUV เปิดเผยว่า
ภาคอสังหาฯยังเป็นปัจจัยที่เป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจอันเนื่องมาจากการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ โดยเฉพาะด้านระบบคมนาคม ที่มีการสร้างสถานีรถไฟฟ้าให้ครอบคลุมในกทม.และปริมณฑล ซึ่งส่งผลให้ราคาที่ดินปรับตัวเพิ่มขึ้น ทำให้มีความน่าสนใจในการลงทุนมากขึ้น เนื่องจากได้ผลตอบแทนที่สูง จึงเป็นธุรกิจที่มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคก็เปลี่ยนไปมีความหลากหลายมากขึ้น เลือกโครงการคอนโดฯในทำเลที่เดินทางสะดวก และสามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตได้อย่างแท้จริง

 

ดังนั้นเพื่อเป็นการตอบโจทย์ผู้บริโภคในยุค4.0 บริษัทฯ ปรับรูปแบบและภาพลักษณ์การดำเนินธุรกิจใหม่ด้วยการพัฒนาโครงการติดรถไฟฟ้าในแบรนด์ใหม่มากขึ้นและแต่ละทำเลจะมีเอกลักษณ์ที่เฉพาะตัว เนื่องจากปัจจุบันการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีต่างๆมากขึ้น และหาซื้อที่ดินได้ง่าย จากเดิมที่เน้นพัฒนาคอนโดฯแบรนด์คอนโด ยู และยู ดีไลท์ ห่างจากรถไฟฟ้า 500เมตร ถึง 1 กิโลเมตร ระดับราคาที่ 80,000-90,000 บาท/ตารางเมตร รวมไปถึงปรับยอดขายในช่วงระยะเวลา 5 ปีนี้(2561-2565)ที่ 17,000 ล้านบาท โดยบริษัทจะต้องเปิดโครงการใหม่เฉลี่ยต่อปีไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท โดยในปี2561 ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 10,000 ล้านบาท(1ตุลาคม2560-30กันยายน 2561) เติบโต 160% จากปีก่อน ที่ยอดขายช่วง 9 เดือนแรกของปีบัญชี2560 ( 1มกราคม-30กันยายน)อยู่ที่ 3,800 ล้านบาท ซึ่งปีนี้เป็นปีแรกที่บริษัทสามารถทำยอดขายแตะระดับหมื่นล้านบาทได้

 

ด้านรายได้ของบริษัทในปี2561ตั้งเป้าที่ 4,000 ล้านบาท จาก 9 เดือนของปีก่อนที่ 3,800 ล้านบาท ซึ่งปีนี้การรับรู้รายได้จากการระบายสต๊อกที่เป็นสินค้าพร้อมขายที่มีอยู่ทั้งหมดมูลค่า 4,200 ล้านบาท

 

“ขณะนี้สต๊อกคอนโดฯแบรนด์เดิมมีมูลค่าเหลือขายที่ 4,200 ล้านบาท จำนวนกว่า 1,000 ยูนิต จาก 7 โครงการ ซึ่งเป็นคอนโดฯพร้อมอยู่ทั้งหมด คาดว่าจะสามารถปิดการขายได้ทั้งหมดไม่เกินครึ่งปีแรก2562 และจะมีการทยอยโอนโครงการคอนโด ยู เกษตร-นวมินทร์ ที่แล้วเสร็จไปเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว ในช่วงต้นปีนี้ที่มีมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) อยู่ทั้งสิ้น 400 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะรับรู้ทั้งหมดในปีนี้ ส่วนงบซื้อที่ดินในปีนี้ตั้งไว้ที่ 3,000 ล้านบาท สูงขึ้นจากปีก่อนที่ใช้ไป 2,700 ล้านบาท เพื่อซื้อที่ดินไว้ในกรุงเทพฯรองรับการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในปีต่อไป”นายสิริพงศ์ กล่าว

 

นายสิริพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี2561 นี้ บริษัทจึงได้นำเสนอ 3 กลยุทธ์หลัก เพื่อให้ลูกค้ารับรู้แบรนด์มากขึ้น ได้แก่ 1.การนำเสนอดีไซน์ที่มีเหตุผลภายใต้แนวคิด Simply Makes Sense 2.Strategic Partners เพื่อการบริหารและบริการให้ยั่งยืน ซึ่งแบ่งการพัฒนาออกเป็น 3 ช่วงเวลา คือ ช่วงระยะเวลาก่อสร้าง ทุกโครงการจะต้องผ่านการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA)ก่อน จึงจะเริ่มเปิดขายและก่อสร้าง เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า ,ช่วงระหว่างที่พักอาศัย และเปลี่ยนที่พักให้เป็นทรัพย์สินเพื่อหารายได้ ก็มีบริษัทพันธมิตรหาผู้เช่า ผู้ซื้อให้ลูกค้าอย่างครบวงจร 3.การขยายเซกเมนต์กลุ่มลูกค้าใหม่ โดยจะเข้าสู่ 2 ตลาดใหม่คือตลาดคอนโดฯติดสถานีรถไฟฟ้า และตลาดคอนโดฯตัวมืองชั้นใน

 

โดยปี2561 บริษัทฯมีแผนจะเปิดตัวอย่างน้อย 4 โครงการ รวมมูลค่า 12,000ล้านบาท แต่ละทำเลจะมีที่ดินขนาดตั้งแต่ 2-9 ไร่ โดยในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2561 จะเปิดตัว 2 โครงการ คือ เซียล่า (Ciela) สูง 24 ชั้น ซึ่งตั้งอยู่ในแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียว (หมอชิต-สะพาน ใหม่-คูคต)ซึ่งจะบูมมากและเป็นย่านธุรกิจแห่งใหม่ในอนาคต เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการพักอาศัยในทำเลย่านการศึกษาของมหาวิทยาลัยศรีปทุม และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แม้ว่าทำเลดังกล่าวจะอยู่ในเขตความปลอดภัยด้านความมั่นคงทางทหารและรัศมีรอบสนามบินดอนเมือง แต่มั่นใจว่าไม่มีปัญหาในเรื่องดังกล่าวเพราะได้รับการอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหมดแล้ว

 

และเดอ ลาพีส (De Lapis) สูง 32 ชั้น ที่จะมาตอบโจทย์ผู้มองหาคอนโดฯริมแม่น้ำย่านจรัญสนิทวงศ์ 81 ติดสถานีรถไฟฟ้าMRTสายสีน้ำเงิน ที่เชื่อมระหว่างชุมชนต่อชุมชนเข้าด้วยกัน มีการคมนาคมที่สะดวกสบาย โดยทั้ง 2 โครงการ ระดับราคาจะอยู่ที่ 2.2 ล้านบาทขึ้นไป หรือเริ่มต้นที่ 90,000 บาท/ตารางเมตร

 

ส่วนอีก 2 โครงการจะเปิดตัวในครึ่งปีหลัง2561 คือ เดนิม (Denim) สูง 30 ชั้น ตั้งอยู่ย่านพหลโยธิน18 เป็นจุดเชื่อมต่อสถานีรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินและสีเขียว และ แมสซารีน (Mazarine) ตรงข้ามเมเจอร์ รัชโยธิน ติดรถไฟฟ้าสายสีเขียวบนทำเลที่เป็นเป็นแหล่งชุมชน หรือศูนย์รวมการคมนาคมของกรุงเทพฯ ระดับราคาเริ่มต้นที่ 150,000 บาท/ตารางเมตร

 

“สำหรับโครงการในอนาคตก็จะมีการสร้างแบรนด์ใหม่ขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ส่วนแบรนด์ คอนโด ยู และ ยู ดีไลท์ นั้นจะมีการพัฒนาต่อหรือไม่ ต้องรอดูผลตอบรับหลังจากที่ปิดการขายทั้งหมดเสียก่อน จึงจะสามารถเปิดเผยได้”นายสิริพงศ์ กล่าวในที่สุด