ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเกือบจะทุกวงการอุตสาหกรรม ที่ส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตและผู้บริโภค ทั้งในรูปแบบของความคิด พฤติกรรมความต้องการ และเทคโนโลยีที่ทันสมัยทำให้การปฎิสัมพันธ์หรือการติดต่อสื่อสารผู้ผลิตและผู้บริโภคเชื่อมต่อกันได้รวดเร็ว ด้วยเหตุนี้ภาคธุรกิจต่างๆรวมถึง “อสังหาริมทรัพย์” ได้รับประโยชน์อย่างมากจากความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยี

 

เห็นได้จากการเปิดแผนธุรกิจปี 2561 ของบิ๊กอสังหาฯ นั้นล้วนแต่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีและกำหนดให้เป็นหนึ่งในยุทธ์ศาสตร์หลัก โดยบมจ.พฤกษา โฮลดิ้ง หรือ PSH  ด้วยความเป็นเบอร์หนึ่งในธุรกิจนี้ ทำให้ต้องเผชิญกับภาวะการแข่งขันอย่างหนักจากเพื่อนร่วมธุรกิจ ทำให้ PSH ต้องปรับตัวใหม่ได้มีการปรับแบรนด์ใหม่เพื่อความยั่งยืน และการสร้างบุคลิกผ่านแบรนด์ใหม่หรือโลโก้ใหม่ในครั้งนี้ หากมองอีกมุมก็เพื่อ “สร้างกลุ่มลูกค้าใหม่” โดยผู้บริหารใหม่ที่มีความชำนาญในเรื่องแบรนด์มารับผิดชอบโดยตรงนั่นคือ อดีตCEO หญิงคนแรกของยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย “คุณจุ๋ม – สุพัตรา เป้าเปี่ยมทรัพย์”ในฐานะรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม PSH

ด้วยเพราะมองว่าในอีก 5 ปีข้างหน้ามูลค่าตลาด Smart Home จะเติบโตเพิ่มสูงขึ้น 13.65% PSH  จึงนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้การพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อเพิ่มคุณภาพและบริการ ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทั้งในวันนี้และอนาคต อาทิ การเยี่ยมชมโครงการใหม่ผ่านระบบ VR รวมถึงการสั่งการเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ในบ้านผ่านระบบ AI เป็นต้น รวมถึงพัฒนาสินค้าและบริการเพื่อรองรับสำหรับสังคมสูงวัย

นอกจากนี้บริษัทฯ ได้ใช้แผนกลยุทธ์การตลาดแบบ Digital Marketing เพื่อให้สอดรับกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้า ซึ่งที่ผ่านมาถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง ส่งผลให้เว็บไซต์พฤกษามียอดผู้เข้าชมสูงสุด และก้าวขึ้นมาเป็นเว็บไซต์อันดับหนึ่งของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย โดยปีที่ผ่านมามียอดขายที่มาจากสื่อดิจิทัล16,101 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้าถึง 98%

 

LH ชู 4 เทคโนโลยีเพิ่มความสะดวกลูกค้า

ส่วนบมจ. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ หรือ LH  โดย “นพร  สุนทรจิตต์เจริญ” ประธานกรรมการบริษัท และประธานกรรมการบริหาร ของ LH บอกว่า “เมื่อ 5 ปีก่อนตัวเลขยอดขายที่ได้จากช่องทางสื่อออนไลน์ อยู่ 20% โดยประมาณ แต่ในปี2560 เรามีตัวเลขเพิ่มเป็น 40 % อันนี้คือลูกค้ารับทราบข้อมูลโครงการหรือกิจกรรมต่างๆมาจากสื่อออนไลน์ และสุดท้ายก็มาปิดการขายที่สำนักงานขายโครงการอยู่ดี” ทั้งนี้ การนำเอาเทคโนโลยีมาใช้ก็จะเอาเฉพาะฟังก์ชั่นที่ลูกค้าใช้และเป็นประโยชน์จริงๆ โดยนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้า ตั้งแต่แวะชมโครงการ จนถึงการดูแลเรื่องความปลอดภัยเมื่อเข้าอยู่อาศัยแล้ว เป็นการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น สะดวกสำหรับลูกค้าทั้งในเรื่องของการให้ข้อมูลที่ชัดเจนขึ้น และปลอดภัยสำหรับลูกบ้านด้วยเทคโนโลยีที่เพิ่มประสิทธิภาพของระบบรักษาความปลอดภัยภายในโครงการ ดังนี้

 

Convenience : อำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าที่แวะชมโครงการของ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ด้วย

1.Application i-Design แอพพลิเคชั่นที่ช่วยในการออกแบบตกแต่งภายในแต่ละห้องของบ้าน แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกตกแต่งสร้างสรรได้เอง ทั้งเพิ่มหรือเลือกแบบเฟอร์นิเจอร์ เปลี่ยนสีพื้น ผนัง บน Smart Device พร้อมทั้งทราบงบประมาณการตกแต่งโดยคร่าวๆ และสามารถเดินเข้าไปในห้องที่ตกแต่งเองได้ด้วยเทคโนโลยี VR (Virtual Reality)

i-Design

2.Smart Catalog พัฒนาการใช้เทคโนโลยี AR (Augmented Reality) ผสาน VIDEO 3 มิติพร้อมเสียงบรรยาย ซึ่งลูกค้าสามารถมองผ่าน Smart Catalog นี้ผ่านทาง Smart Device ทั้ง Tablet หรือ Smart Phone  แผ่น Smart Catalog จะให้ข้อมูลทั้ง Concept การออกแบบและ Function พิเศษต่างๆของแบบบ้านแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ แต่ละแบบ  สามารถนำกลับไปพิจารณาร่วมกับสมาชิกในครอบครัวได้

Security & Safety : เพิ่มความปลอดภัยให้แก่ลูกบ้านในโครงการ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ด้วย

3.PRO License Plate  เทคโนโลยีกล้องสแกนป้ายทะเบียนรถ Visitor ทุกคันที่เข้า-ออก โครงการ สามารถตรวจสอบวัน เวลา และสถานที่ปลายทาง ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ

 

4.Face Detection ระบบกล้องตรวจจับใบหน้า ใช้สำหรับคนงาน ที่เข้า-ออกภายในโครงการ โดยระบบสามารถเก็บบันทึกข้อมูลได้รวดเร็วและแม่นยำ พร้อมตรวจสอบบุคคลภายนอกที่ไม่ได้ลง ทะเบียนเป็นคนงาน ทำให้ลูกบ้านมั่นใจได้ ถึงความปลอดภัยภายในโครงการ

 

ขณะที่ “สิริ เวนเจอร์ส” บริษัทร่วมทุนในรูปแบบ Corporate Venture Capital เพื่อทำการวิจัยและลงทุนด้านเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับอสังหาฯและการอยู่อาศัยอย่างครบวงจรเต็มรูปแบบเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัลระหว่างบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) และ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ที่ล่าสุดเผยทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2561 พร้อมก้าวสำคัญในการผนึกกำลังกับพันธมิตรชั้นนำทั้งในระดับประเทศและระดับโลก ได้แก่ Plug and Play และ SOSA แพลตฟอร์ม พาร์ทเนอร์จากซิลิคอน วัลเล่ย์ สหรัฐอเมริกา และอิสราเอล เตรียมเปิดมิติใหม่สำหรับการเติมเต็มประสบการณ์การอยู่อาศัยที่สมบูรณ์แบบรอบด้าน ผ่านการจัดสรรเงินลงทุนกว่า 1,500 ล้านบาทในระยะเวลา 3 ปี เพื่อสร้างสรรค์และต่อยอดนวัตกรรมสำหรับการอยู่อาศัยและการใช้ชีวิตอย่างไร้รอยต่อในยุคดิจิทัล

โดย “อุทัย อุทัยแสงสุข” ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)หรือSIRI กล่าวว่า ในปี 2560 ที่ผ่านมา บริษัทฯให้ความสำคัญการบริหารด้านเทคโนโลยีเพื่อก้าวสู่การเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำด้านเทคโนโลยีสำหรับอสังหาฯ และการอยู่อาศัยอย่างเต็มรูปแบบ (Digital Transformation) ผ่าน Siri LifeTech ซึ่งเป็นการนำเอาเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ มาตอบรับไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยในยุคดิจิทัล รวมถึงการพัฒนายกระดับการดำเนินงานภายในองค์กรแสนสิริให้ก้าวสู่การเป็น Performance Organization ทั้งในเรื่อง Big data, Sale Force เป็นต้น โดยมี สิริ เวนเจอร์ส เป็นผู้เสาะหาและพัฒนาต่อยอดนวัตกรรมใหม่ๆ อย่างไม่หยุดยั้ง ผ่านพาร์ทเนอร์ชั้นนำและสตาร์ทอัพที่มาร่วมกันพัฒนาให้นวัตกรรมนั้นเติมเต็มประสบการณ์การอยู่อาศัยที่สมบูรณ์แบบ โดยหลังจากที่มีการจัดตั้ง บริษัท สิริ เวนเจอร์ส เป็นระยะเวลาหนึ่งปี นับว่าประสบความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมทั้งด้านการลงทุนในสตาร์ทอัพผ่านการเปิดโครงการ “Siri Venture Partnership” เพื่อเฟ้นหาสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพ

 

ด้าน “จิรพัฒน์ จันทร์เจิดศักดิ์” ประธานเจ้าหน้าที่เทคโนโลยี บริษัท สิริ เวนเจอร์ส จำกัด กล่าวว่าในปีนี้สิริ เวนเจอร์สจะรุกลงทุนในสตาร์ทอัพโดยเน้นนวัตกรรม 4 ด้านที่สอดคล้องกับธุรกิจอสังหาฯ ของแสนสิริ ได้แก่

 

PropTech – นวัตกรรมเพื่อส่งเสริมด้านการซื้อขายแนวใหม่ การบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ หรือ Know-how ใหม่ ๆ ที่ครอบคลุมและตอบโจทย์ผู้บริโภคได้หลากหลายยิ่งขึ้น

 

LivingTech – นวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยใหม่ๆ ที่จะมาเติมเต็มประสบการณ์การใช้ชีวิตของลูกบ้านแสนสิริได้อย่างรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นในด้านความสะดวกสบาย ความบันเทิง ความปลอดภัย และยังช่วยลดค่าใช้จ่าย ผ่านทสตาร์ทอัพที่ สิริ เวนเจอร์ส ลงทุนไปแล้ว เช่น Appysphere สตาร์ทอัพที่เชี่ยวชาญในเรื่องซอฟต์แวร์การพัฒนา Home Automation,

 

Onionshack สตาร์ทอัพที่ร่วมพัฒนา Thai Voice AI, Techmatics สตาร์ทอัพที่พัฒนาหุ่นยนต์แสนดีที่เปิดตัวไปเมื่อปีที่แล้ว

 

Health & Wellness Tech – นวัตกรรมเพื่อยกระดับคุณภาพการใช้ชีวิต และสุขภาพองค์รวมของลูกบ้าน ซึ่งรวมไปถึงนวัตกรรมด้านอาหาร (FoodTech) ที่จะช่วยให้การใช้ชีวิตในเมืองเป็นไปได้อย่างสมดุล โดยในปี 2561 สิริ เวนเจอร์สยังมีแผนลงทุนในสตาร์ทอัพที่มีเทคโนโลยีทางด้าน Health Monitoring สำหรับสังคมสูงวัยที่มีจะบทบาทสำคัญในสังคมไทยในอนาคตอีกด้วย

 

Construction Tech – นวัตกรรมหรือเทคโนโลยีด้านการออกแบบ ก่อสร้าง ควบคุมคุณภาพ รวมไปถึงวัสดุในการก่อสร้างใหม่ๆ เพื่อให้โครงการของแสนสิริตอบสนองความต้องการของลูกค้ายุคดิจิทัล และลดต้นทุนโดยรวม  โดยการนำ AR (Augmented Reality) ร่วมกับ BIM (Building Information Management) เข้ามาใช้ในการควบคุมคุณภาพการก่อสร้าง

 

…นั่นเป็นความเคลื่อนไหวของสามผู้ประกอบการอสังหาฯรายใหญ่ที่มีต่อเทคโนโลยีเสมือนเป็นการตอกย้ำแรงถาโถมของ “เทคโนโลยี”หรือ “นวัตกรรม” ที่ถึงวันนี้ช่างมีบทบาทสำคัญต่อความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจอย่างยิ่งยวด