กลุ่มธุรกิจอสังหาฯสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เตรียมพบรมว.มหาดไทย “อนุพงษ์ เผ่าจินดา” เสนอแก้กฎหมายลดอุปสรรคต่างชาติลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในไทย ล่าสุด กรมที่ดินรับลูกปรับแก้กฎหมายอาคารชุดหวังเปิดโอกาสให้ลูกค้าต่างชาติโดยเฉพาะจากจีนนำเงินเข้ามาซื้อห้องชุดในคอนโดฯได้ง่ายขึ้น

 

นายอธิป พีชานนท์ นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรรและประธานสมาคมการค้ากลุ่มธุรกิจก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในเร็วๆนี้จะเข้าพบพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อนำเสนอถึงแนวทางในการแก้ไขปัญหาและอุปสรรคต่อการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งหนึ่งในหัวข้อที่จะนำเสนอก็คือ การปรับแก้กฎหมายเกี่ยวกับการซื้อห้องชุดในคอนโดมิเนียมของชาวต่างชาติที่ระบุใน ม.19 พ.ร.บ.อาคารชุดว่าต่างชาติที่นำเงินเข้ามาซื้อห้องชุดนั้นจะต้องระบุรายละเอียดให้ชัดเจน “เฉพาะมาซื้อคอนโดฯ”และต้องแยกจำนวนเงินที่จะซื้อออกมาต่างหากโดยไม่สามารถนำรวมกับเงินที่จะนำมาลงทุนอย่างอื่นๆได้ ทำให้เกิดความยุ่งยากและก่อให้เกิดปัญหาในการโอนกรรมสิทธิ์ได้

 

ข้อจำกัดดังกล่าวถือเป็นปัญหาใหญ่โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าชาวจีนที่พบว่ามาซื้อห้องชุดในโครงการคอนโดฯมากขึ้นเรื่อยๆทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดที่เป็นเมืองท่องเที่ยวหลัก และลูกค้ากลุ่มนี้นอกจากจะมาในแบบนักท่องเที่ยวแล้ว ยังพบว่าตามมหาวิทยาลัยชื่อดังต่างๆนั้นมีนักศึกษาชาวจีนเข้ามาเรียนในไทยเป็นจำนวนมาก ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะมาเช่าหรือมาซื้อที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดฯ

 

“การที่ต่างชาติมาซื้อคอนโดฯหรือที่อยู่อาศัยในประเทศถือว่าเป็นการส่งออกที่เขาเอาสินค้าออกไปไม่ได้ และที่สำคัญการพัฒนาที่อยู่อาศัยเป็นการใช้วัตถุดิบหรือวัสดุก่อสร้างภายในประเทศเกือบ 100% และหากภาครัฐลดทอนข้อจำกัดแล้วเปิดโอกาสให้ต่างชาติซื้อได้ง่ายขึ้นก็จะเกิดเม็ดเงินทุนหมุนเวียนขึ้นในประเทศ” นายอธิป กล่าว และระบุว่า ต่อแนวคิดดังกล่าวเบื้องต้นได้หารือกับ อธิบดีกรมที่ดิน “ประทีป กีรติเรขา” ซึ่งได้ให้ทำเป็นหนังสือมาและจะดำเนินการพิจารณาให้

 

เพื่อเพิ่มความสะดวกและเพื่อเป็นการสร้างแรงจูงใจหรือกระตุ้นให้เกิดการซื้อ-ขายคล่องตัวน่าจะมีการ ปรับแก้” หรือ “ยกเลิก ม.19”  ประกอบกับปัจจุบันรัฐบาลเองก็พยายามที่จะดึงเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศดดยเฉพาะจีนมาลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ต่างๆของของรัฐบาล รวมถึงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่รัฐบาลพยามผลักดันให้เกิดส่วนประเด็นที่กังวลว่าจะเกิดปัญหาคนจะมาฟอกเงินผ่านการซื้อคอนโดฯนั้นส่วนตัวไม่น่าเกิดขึ้น แต่หากจะเกิดขึ้นหากมีการตรวจสอบพบว่ามีการฟอกเงินผ่านการซื้อคอนโดฯก็ยึดคืนได้ และที่สำคัญในการป้องกันปัญหาการฟอกเงินก็มีพ.ร.บ.ฟอกเงินอยู่แล้ว

 

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในช่วงที่ผ่านมา สมาคมที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ เคยยื่นเสนอประเด็นให้กับหน่วยงานของภาครัฐขอปรับแก้กฎหมายขยายระยะเวลาการเช่าอสังหาฯจากปัจจุบันสูงสุด 30 ปี เป็นสูงสุด 60 ปี แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่มีการตอบรับ  ซึ่งหากมีการปรับแก้กฎหมายดังกล่าวตามที่เสนอภาคเอกชนมองว่าจะช่วยดึงดูดกลุ่มนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น ด้วยเพราะภาพรวมของประเทศไทยถือว่าเป็นประเทศที่น่ลงทุน ซึ่งหากภาครัฐวางนโยบายที่สนับสนุนการเข้ามาของกลุ่มทุนต่างชาติมากขึ้น เม็ดเงินจากต่างชาติเพิ่มขึ้นจะมีส่วนสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวเร็วยิ่งขึ้น

 

สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาฯในปี 2561 นั้นนายอธิป มองว่า ตลาดน่าจะขยายตัว 5-10% ซึ่งมากกว่าการเติบโตของจีดีพีที่คาดว่าน่าจะขยายตัวที่ 4% โดยปัจจัยบวกยังมาจากการลงทุนของภาครัฐ ในโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และการลงทุนส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายต่างๆ จึงเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ธุรกิจอสังหาฯขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง แต่ในขณะเดียวกันก็ยอมรับว่า ธุรกิจยังเผชิญกับปัจจัยลบจากจากอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นในปลายปีนี้ และ ธนาคารพาณิชย์มีความเข้มงวดในการอนุมัติขอสินเชื่อที่อยู่อาศัย ส่วนกำลังซื้อในต่างจังหวัด ก็ยังไม่ฟื้นตัวเนื่องจากสินค้าเกษตรยังอยู่ในระดับต่ำ เป็นต้น