แสนสิริผนึก 6 พันธมิตรเปิดตัว “Smart Move” เริ่มใช้ 16-17โครงการกทม.-ปริมณฑล-หัวเมืองท่องเที่ยว นำร่องโครงการเดอะไลน์ จตุจักร-หมอชิต และใน T77 คาดช่วยดันยอดขาย-ตอบโจทย์การอยู่อาศัยทุกมิติการเดินทางของลูกค้า ด้านเอพีฯจับมือ 3 พาร์ทเนอร์ ร่วมโครงการ ChargeNow ประเดิม 6 คอนโดฯในเครือ และเตรียมขยายไปโครงการอื่นๆในอนาคต

 

 

“แสนสิริ”ผนึก6พันธมิตรเปิดตัว“Smart Move” 

ดร. ทวิชา ตระกูลยิ่งยง ประธานผู้บริหารสายงานเทคโนโลยี บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)หรือ SIRI  เปิดเผยว่า จากแนวคิด Complete your living experience  ซึ่งแสนสิริมุ่งมั่นที่จะเติมเต็มการใช้ชีวิตในทุก ๆ ด้านและสร้างสรรประสบการณ์การอยู่อาศัยที่สมบูรณ์แบบให้แก่ลูกบ้าน ประกอบกับการขยายตัวของกระแส Sharing Economy หรือระบบเศรษฐกิจแบ่งปัน ซึ่งเป็นเทรนด์โลกที่สำคัญของปี2561 ล่าสุดบริษัทจึงได้เปิดตัว “Smart Move” แพลตฟอร์มบริการยานพาหนะระบบเช่าในโครงการของแสนสิริ เพื่อให้บริการยานพาหนะระบบเช่าครบวงจรแก่ลูกบ้านแสนสิริ เป็นรายแรกของไทย โดยแพลตฟอร์ม Smart Move นี้อยู่ระหว่างการพัฒนาเข้าเป็นส่วนหนึ่งใน  Sansiri Home Service Application ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตแก่ลูกบ้านแสนสิริ ในโครงการที่พักอาศัยทุกประเภท ทั้งคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์อย่างเต็มรูปแบบในปี 2561

 

โดยได้ร่วมมือกับ 6 พันธมิตรผู้ประกอบธุรกิจด้าน Carsharing และธุรกิจที่เกี่ยวข้องชั้นนำของไทย ประกอบด้วย บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด,บริษัท ฮอปคาร์ จำกัด ,บริษัท ชาร์จ โซลูชั่นส์ จำกัด ,บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA  ,อูเบอร์ และโอโฟ่  โดยการที่เลือก 6 พันธมิตรดังกล่าวเพราะมีวิสัยทัศน์ที่ตรงกัน ทั้งด้านการอยู่อาศัยและเทคโนโลยี  ซึ่งในอนาคตบริษัทฯก็จะมีการร่วมมือกับพันธมิตรอื่นๆอีกอย่างต่อเนื่อง เพื่อเติมเต็มการใช้ชีวิตในการอยู่อาศัยของลูกค้าแสนสิริได้อย่างอย่างครบถ้วน

 

ทั้งนี้บริษัทฯจะนำ Smart Move มาให้บริการในโครงการของแสนสิริในปี 2561 ประมาณ 16-17 โครงการก่อน แบ่งเป็น โครงการคอนโดมิเนียมในกทม. 6 โครงการ ซึ่งส่วนใหญ่จะเน้นไปที่โครงการเดอะ ไลน์ และโครงการใน T77 และโครงการแนวราบในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล 8-9 โครงการ โครงการแนวราบในต่างงจังหวัด 2 โครงการระดับราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป คือที่หัวหินและภูเก็ต ซึ่งปัจจุบันบริการที่อยู่ใน Smart Move ได้นำร่องการให้บริการเช่ารถยนต์ไฟฟ้า BMWi3 ซึ่งให้บริการอยู่ 2 คัน ในโครงการเดอะไลน์ จตุจักร-หมอชิต และใน T77 ซึ่งในปี 2561 บริษัทเตรียมซื้อรถยนต์ไฟฟ้า BMWi3 เข้ามาเพิ่มอีก 6 คัน ราคากว่า 3 ล้านบาท/คัน เพื่อนำมารองรับการบริการเพิ่มในโครงการอื่นๆ

 

ส่วนมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าจาก Honda จะนำเข้ามาใช้ในโครงการที่เป็นแนวราบเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจากับทางฮอนด้าในการนำมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ามาให้บริการลูกบ้านของแสนสิริ หลังจากที่ทาง Honda เปิดตัวมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าดังกล่าวในงาน Motor Show เดือนมีนาคม 2561นี้ ซึ่งลูกบ้านของแสนสิริจะได้ทดลองขับมอเตอร์ไซด์ไฟฟ้าเป็นรายแรกของไทยในช่วงปลายปี 2561 โดนจะเริ่มทดลองใช้ใน 8 โครงการแนวราบ ขณะเดียวกันบริษัทยังมีความสนใจนำรถยนต์ไฟฟ้าจากค่ายรถยนต์อื่นเข้ามาให้บริการกับลูกค้า ซึ่งปัจจุบันได้มีการเจรจากับค่ายรถนิสสัน เพื่อนำรถยนต์ไฟฟ้า Nissan Leaf มาให้บริการเพิ่มเติม ทั้งนี้บริการ Smart Move จะให้บริการแก่ลูกบ้านของแสนสิริฟรี 6 เดือน โดยเริ่มจากบริการเช่า BMWi3, บริการเช่าจักรยานจาก Ofo และเครื่องชาร์ตไฟ EV

 

“การร่วมมือครั้งนี้หวังว่าโครงการของแสนสิริจะมียอดขายที่มากขึ้นและตอบโจทย์การอยู่อาศัยทุกมิติการเดินทางได้มากขึ้นเช่นกัน” ดร.ทวิชา กล่าวในที่สุด

 

 

“เอพี”เปิดตัวสถานีชาร์จรถไฟฟ้า

ด้านนายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานธุรกิจคอนโดมิเนียม บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AP  กล่าวว่า ในปีนี้เอพีได้สานต่อความร่วมมือกับบริษัทชั้นนำที่มีวิสัยทัศน์และทิศทางในการดำเนินธุรกิจไปในแนวทางเดียวกัน คือ การให้ความสำคัญกับการยกระดับมาตรฐานคุณภาพชีวิตของสังคมไทยให้ทัดเทียมระดับสากล อาทิ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย หนึ่งในผู้นำแห่งอุตสาหกรรมยานยนต์ของโลก  ,จีแอลที กรีน ประเทศไทย เบอร์หนึ่งด้านเทคโนโลยีการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า และรถยนต์ปลั๊กอิน ไฮบริด  และ เซ็นทรัล กรุ๊ป  กลุ่มบริษัทห้างค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในไทย  กลุ่มพันธมิตรผู้ร่วมริเริ่มการปฏิวัติวงการเครือข่ายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าฯ ในการร่วมเป็นหนึ่งในพันธมิตรของโครงการ “ChargeNow” เพื่อเชื่อมโยงเครือข่ายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าฯ ที่ครอบคลุมและใหญ่ที่สุดในเมืองไทยให้เป็นจริง นอกจากการเข้าร่วมโครงการ ChargeNow ซึ่งแสดงถึงความมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมตามหลักบรรษัทภิบาลที่ดีแล้ว ยังหมายรวมถึงการใส่ใจคุณภาพชีวิตและคุณภาพสังคมในแง่ของการยกระดับมาตรฐานการใช้ชีวิตของคนไทยอีกด้วย

 

“เอพีนำเอานวัตกรรมที่ล้ำสมัยอย่างเทคโนโลยีการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ปลั๊กอิน ไฮบริด (EV & PHEV Charger) ประกอบกับความเชี่ยวชาญในการใช้พื้นที่ของเอพี และความใส่ใจในไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนเมืองที่ต้องการความสะดวกสบายมาสร้างสรรค์ เป็น ‘AP Charging Pod’ โดยตัวชาร์จจะมีให้บริการหัวชาร์จ AC ทั้งแบบ Type I และ Type II ภายในเครื่องเดียว ลูกบ้านเครือเอพีฯ สามารถเข้าชาร์จได้อย่างง่ายดายและสะดวกรวดเร็วผ่านแอปพลิเคชันเดียวบนมือถือ  ภายใต้การดูแลและบริหารจัดการโดยบริษัท สมาร์ท เซอร์วิส แอนด์ แมนเนจเมนท์ จำกัด บริษัทบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ในเครือเอพี โดยมีแผนที่จะเปิดให้บริการในเฟสแรกของการวางเครือข่ายครอบคลุมแล้วถึง 6 คอนโดมิเนียมเครือเอพี อาทิ VITTORIO (สุขุมวิท 39),  RHYTHM รางน้ำ, RHYTHM เอกมัย,  LIFE ปิ่นเกล้า, LIFE อโศก และ LIFE สุขุมวิท 48 พร้อมอำนวยความสะดวกสบายแก่ลูกบ้านเอพีด้วยสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าสาธารณะทั่วประเทศไทยกว่า 50 สถานีภายใต้เครือข่าย ChargeNow และมีแผนขยายไปยังโครงการอื่นๆ อีกในอนาคต นายวิทการ กล่าว

 

ปัจจุบัน โครงการ ChargeNow ให้บริการสถานีสาธารณะในการชาร์จรถยนต์ปลั๊กอิน ไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่า 65,000 แห่ง ใน 27 ประเทศทั่วโลก สำหรับในประเทศไทย เครือข่ายสถานีชาร์จไฟฟ้าฯ โครงการ ChargeNow จะแสดงที่ตั้งผ่านแอปพลิเคชัน Greenlots ซึ่งสามารถช่วยให้ลูกค้าทราบได้ว่าสถานีไหนว่างพร้อมให้บริการหรือมีการใช้งานอยู่ ครบวงจรในแอปพลิเคชันเดียว ช่วยให้การชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าเป็นเรื่องที่สะดวก ง่ายดาย และรวดเร็วยิ่งขึ้น