ศุภาลัยฯเดินแผนลงทุนอสังหาฯต่างจังหวัดต่อเนื่อง เล็งซื้อที่ดินสะสมสร้างอาณาจักรเพิ่มใน 4 จังหวัด อาจพัฒนาหลังโครงข่ายคมนาคมแล้วเสร็จช่วยเสริมศักยภาพ มั่นใจแบรนด์สินค้าสร้างมูลค่าเพิ่มในอนาคต ล่าสุดเตรียมผุด 4 โครงการใหม่ที่อุบลราชธานี นครราชสีมา อุดรธานี และระยอง รวมมูลค่า 3,470 ล้านบาท

 

 

ดร.ประทีป  ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI เปิดเผยถึงนโยบายการลงทุนในต่างจังหวัด โดยเฉพาะหัวเมืองใหญ่ยังมีอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีการพัฒนาโครงการแนวสูง-แนวราบแล้วจำนวน 11 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ อุดรธานี ขอนแก่น ชลบุรี ระยอง อุบลราชธานี นครราชสีมา สงขลา สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต และนครศรีธรรมราช ซึ่งมีการเดินหน้าเปิดตัวโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง และในปีนี้ได้ขยายการพัฒนาในจังหวัดเชียงราย เพิ่มเป็นจังหวัดที่12 โดยมี 60-70 โครงการ ที่เปิดขาย ออกแบบและก่อสร้างในขณะนี้

 

โดยการเข้าไปลงทุนในแต่ละจังหวัดจะต้องมีการพัฒนา 3 โครงการขึ้นไป จะมีเพียงจังหวัดชลบุรี เชียงใหม่ ภูเก็ต และสงขลา ที่พัฒนามากถึง 9-10 โครงการ และทุกจังหวัดที่บริษัทฯเข้าไปพัฒนา ล้วนประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี และขณะนี้บริษัทฯยังมีที่ดินสะสมอยู่อีก 4 จังหวัดที่ยังไม่ได้นำมาพัฒนา ซึ่งในอนาคตมีแผนที่จะนำมาพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับดีมานด์ในท้องถิ่น ได้แก่ ที่ดินที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ที่ซื้อมาเกือบ 30 ปีแล้ว บริเวณข้างรพ.บางไทร จำนวนกว่า 40 ไร่ แต่ก็ยังไม่มีศักยภาพเพียงพอในการพัฒนา ,ที่ดินที่จ.ลำพูน ซื้อมาเมื่อกว่า 1 ปีที่ผ่านมา พื้นที่40-50 ไร่,ที่ดินที่อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ซื้อมายังไม่ถึงครึ่งปี และที่ดินที่จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งซื้อมาเมื่อ 1-2 ปีที่ผ่านมา บนพื้นที่ 3-5 ไร่ ซึ่งมีศักยภาพที่จะพัฒนาได้ทั้งในรูปแบบตอนโดฯและทาวน์เฮาส์ ได้ แต่ที่ดินทั้ง 4 จังหวัด ยังไม่เพียงพอที่จะพัฒนา คงต้องมีการรวบรวมซื้อที่ดินเพิ่มมากขึ้น

 

“ทั้ง 4 จังหวัดล้วนเป็นจังหวัดที่เรายังไม่เคยเข้าไปพัฒนา และเป็นเส้นทางที่รถไฟความเร็วสูงผ่านในอนาคต แต่ไม่ได้ผ่านที่ดินที่บริษัทซื้อไว้โดยตรง ทั้งนี้คงต้องมีแผนซื้อที่ดินเพิ่มอีกอย่างต่อเนื่อง ตามนโยบายบริษัทที่จะต้องพัฒนาอย่างน้อยจังหวัดละ 3 โครงการ หากระบบสาธารณูปโภคของภาครัฐก่อสร้างแล้วเสร็จก็จะเพิ่มศักยภาพของทั้ง 4 จังหวัดได้มาก และบริษัทคงพิจารณาในด้านการพัฒนาอีกครั้งหนึ่ง”นายประทีป กล่าว

 

 

นายประทีป กล่าวเพิ่มเติมว่า การเข้าไปพัฒนาโครงการในต่างจังหวัดแม้จะต้องเข้าไปแข่งขันกับผู้ประกอบการในท้องถิ่น แต่ก็ต้องให้เกียรติ ด้วยการพัฒนารูปแบบโครงการและราคาที่แตกต่าง ซึ่งศุภาลัวฯเองก็มีเอกลักษณ์ในการพัฒนาอยู่แล้ว แม้ราคาจะสูงกว่าผู้ประกอบการในท้องถิ่น แต่วัสดุที่ใช้ล้วนได้ตามมาตรฐานวิชาชีพ และเป็นแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ แม้ประสบปัญหาถูกริบทรัพย์สิน หรือขายต่อ ราคาสินทรัพย์ก็ยังมีมูลค่าที่สูง

 

ด้านนายบุญชัย ชัยอนันต์บวร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายงานโครงการภูมิภาค 2 บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การดำเนินงานของตนจะรับผิดชอบโครงการที่พัฒนาในจังหวัดอุบลราชธานี นครราชสีมา และระยอง โดยเฉพาะจังหวัดอุบลราชธานี มองว่าทิศทางตลาดอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดอุบลราชธานี มีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพสูงในเขตภาคอีสานตอนใต้ ซึ่งมีสนามบินนานาชาติ ทำให้การเดินทางสะดวก และรวดเร็ว ทั้งยังเป็นจังหวัดที่มีประตูการค้าชายแดนเชื่อมโยงทางการค้ากับประเทศเพื่อนบ้านอย่าง สปป.ลาว อีกทั้งประชากรของจังหวัดอุบลราชธานีมีจำนวนมาก

 

 

โดยทิศทางการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในจังหวัดอุบลราชธานีของศุภาลัยฯ ยังคงเดินหน้าเปิดตัวโครงการใหม่ๆ เพิ่มขึ้น ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านรุ่นใหม่ และทาวน์โฮม โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีโครงการในจังหวัดอุบลราชธานี จำนวน 4 โครงการ คือ ศุภาลัย โมด้า อุบลราชธานี เฟส1 ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 40 %,ศุภาลัย วิลล์ อุบลราชธานี มียอดขายแล้ว 60% ,ศุภาลัย เบลล่า อุบลราชธานี มียอดขายแล้ว 65% และศุภาลัย พรีโม่ อุบลราชธานี เฟส1 มียอดขายแล้ว 40%

 

และเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าในจังหวัดอุบลราชธานี ในไตรมาส3/2561 จึงมีแผนที่จะเปิดตัวโครงการที่ 5 ขึ้นมาอีก 1 โครงการภายใต้แบรนด์ “โนโว วิลล์ อุบลราชธานี”มูลค่า 380 ล้านบาท  ตั้งอยู่บนพื้นที่ 57 ไร่ มีแผนพัฒนาเป็นทาวน์เฮาส์ ขนาด 22 ตารางวาขึ้นไป ราคา 1.59-2.2 ล้านบาท และบ้านแฝด ขนาด 36 ตารางวาขึ้นไป ราคา 2.29-2.89 ล้านบาท รวมประมาณ 400 กว่ายูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 600-800 ล้านบาท

 

“บริษัทเริ่มเข้ามารุกตลาดอุบลราชธานี เมื่อปี2557 ที่ผ่านมาด้วยการพัฒนา ศุภาลัย โมด้า อุบลราชธานี เป็นโครงการแรก ในช่วงระยะ 2 ปีแรกมียอดขายที่ไม่ค่อยดีมาก เนื่องจากแบรนด์สินค้ายังไม่ร่อยเป็นที่รับรู้ ด้วยเพราะเป็นเมืองปิด ไม่ใช่เมืองที่เป็นทางผ่านเหมือนในหลายๆจังหวัดและดีมานด์ในพื้นที่ยังให้ความสำคัญกับแบรนด์สินค้าของผู้ประกอบในพื้นที่มากกว่า แต่หลังจากที่บริษัทได้มีการปรับขนาดบ้านและราคาลงมา ซึ่งในปีที่3 ก็เริ่มเป็นที่รับรู้แบรนด์และมียอดขายที่ดีมากขึ้น เพราะเป็นผู้ประกอบการจากกทม.เพียงรายเดียว ที่เข้ามาพัฒนาโครงการในอุบลราชธานี ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นข้าราชการ และนักธุรกิจ อีกทั้งยังมีบางส่วนที่ซื้อทาวน์เฮาส์ เพื่อปล่อยเช่า ในราคา 8,000 บาท/เดือนขึ้นไป”นายบุญชัย กล่าว

 

 

นอกจากนี้ยังมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มเติมในจังหวัดอุดรธานี และนครราชสีมา ได้แก่      ศุภาลัย ไพรด์ อุดรธานี มูลค่าโครงการ 1,800 ล้านบาท ,ศุภาลัย การ์เด้นวิลล์ นครราชสีมา มูลค่าโครงการ 640 ล้านบาท       อีกทั้งโครงการใหม่ในโซนภาคตะวันออก 1 โครงการ คือ ศุภาลัย ริเวอร์ วิลล์ ระยอง บ้านเดี่ยวหรูริมแม่น้ำ มูลค่าโครงการ 650 ล้านบาท เพื่อช่วยผลักดันสัดส่วนยอดขายของบริษัทในต่างจังหวัดเพิ่มขึ้นเป็น 30% ตามที่วางเป้าหมายไว้