ศุภาลัยฯ แจ้งตัวเลขผลประกอบการปี60ตอกย้ำสถิติกวาดยอดขาย ทำกำไร สร้างรายได้โต เตรียมลุยพัฒนาโครงการใหม่ทั้งแนวราบ และคอนโดมิเนียม ทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และเพิ่มสัดส่วนยอดขายจากหัวเมืองต่างจังหวัด ดันยอดขายรวมตามเป้า 33,000 ล้านบาท


ดร.ประทีป  ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI
เปิดเผยถึงผลการดำเนินธุรกิจของศุภาลัยฯและบริษัทย่อยในปี 2560 ที่ผ่านมาว่า บริษัทประสบความสำเร็จเกินเป้าหมายมีผลประกอบการที่โดดเด่น มียอดขายกว่า 30,777 ล้านบาท จากการเปิดตัวทั้งหมด 20 โครงการ แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 15 โครงการ และโครงการคอนโดมิเนียม 5 โครงการ เติบโต 27% หรือเติบโตเป็น 3 เท่าตัวในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา อีกทั้งสามารถทำรายได้รวม 25,789 ล้านบาท เติบโต 10% โดยรายได้หลักมาจากการทยอยส่งมอบคอนโดมิเนียมทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด จำนวน 10 โครงการ

 

โดยบริษัทมีกำไรสุทธิ 5,812 ล้านบาท เติบโต 19% เมื่อเทียบกับปี 2559 จากผลการดำเนินงานที่สะท้อนถึงการบริหารงานที่มีประสิทธิภาพ ภายใต้แผนงานการสร้างสรรค์ “บ้านที่ดี” ที่มาจากผลิตภัณฑ์แห่งความสุขและนวัตกรรม ด้านสินทรัพย์เติบโตขึ้น 8% ส่วนของผู้ถือหุ้นเติบโต 20% โดยมีอัตราหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 69% ส่วนต้นทุนการเงินที่อัตราเฉลี่ย 2.79% ต่อปี ณ 31 ธันวาคม 2560 และมียอดขายที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) ประมาณ 39,187 ล้านบาท ณ 31 ธันวาคม 2560 เพื่อรองรับการเติบโตด้านรายได้ของบริษัทในอนาคต

 


ด้านนายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี2561 นี้ จะเปิดตัวทั้งสิ้น 35 โครงการ รวมมูลค่า 40,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการคอนโดฯในกทม.-ปริมณฑล จำนวน 5 โครงการ คิดเป็นสัดส่วน 46% ,โครงการแนวราบ ในกทม.-ปริมณฑล จำนวน 17 โครงการ คิดเป็นสัดส่วน 32% และโครงการแนวราบในต่างจังหวัด จำนวน 13 โครงการ ใน 12 จังหวัด คิดเป็นสัดส่วน 22% โดยเป็นการเปิดตัวโครงการเพิ่มขึ้นจากปี2560 ประมาณ 28%

โดยในช่วงไตรมาสแรก บริษัทมีการเปิดตัวโครงการแนวราบ จำนวน  6 โครงการ มูลค่ารวม 3,500 กว่าล้านบาท โดยเปิดตัวไปแล้ว 1 โครงการ คือ ศุภาลัย พรีโม่ บางแสน และเปิดตัวอีก 2 โครงการในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ คือ ศุภาลัย เอสเซ้นส์ ลาดพร้าว,ศุภาลัย การ์เด้นวิลล์ หาดใหญ่ อีกทั้งเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่อีก 3 โครงการในเดือนมีนาคมนี้ ได้แก่ เบลล่า วงแหวน – ลำลูกกา คลอง 3 โนโว วิลล์ พหลโยธิน – ลำลูกกา และศุภาลัย พรีโม่ ชัยพฤกษ์ – บางบัวทอง

 


“ปี 2561 จะเป็นปีที่ทำยอดขายได้เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยสัดส่วนการเติบโตมาจากกรุงเทพฯ ปริมณฑล 76% และ       หัวเมืองต่างจังหวัด 24%
จะส่งผลให้สัดส่วนยอดขายในต่างจังหวัดเพิ่มขึ้นเป็น 30% แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 26% และคอนโดมิเนียม 4% ของเป้าหมายยอดขายที่ 33,000 ล้านบาท และตั้งเป้ายอดรายได้ที่ 26,000 ล้านบาท โดยตั้งงบสำหรับซื้อที่ดินไว้ที่ 9,000 ล้านบาท ปัจจุบันมีBacklog รวมมูลค่า 39,187 ล้านบาท จาก 100 กว่าโครงการ ที่จะทยอยรับรู้ไปจนถึงปี2564”นายไตรเตชะ กล่าวในที่สุด