การพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในอดีต จะมีผู้ประกอบการเพียงไม่กี่ราย การขาย การก่อสร้างเป็นแบบค่อยๆเป็นค่อยๆไปเพราะไม่ค่อยมีคู่แข่งมากนัก ราคาที่ดินก็ไม่สูง สามารถเลือกพัฒนาได้ในหลากหลายทำเล แต่ในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา มีผู้ประกอบการรายใหม่เข้ามาแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดมากขึ้น     เซกเมนต์มีให้เลือกหลากหลายและมากระดับราคา ยิ่งในยุคดิจิทัลในปัจจุบันด้วยแล้วการแข่งขันนับวันยิ่งดุเดือด การดำเนินงานแบบยุคก่อนหน้านี้แทบใช้ไม่ได้เลย เพราะการดำเนินธุรกิจในยุคนี้ต้องพึ่งเทคโนโลยีสูงมาก มีการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วและต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจ ตอบโจทย์ดีมานด์คนรุ่นใหม่  และดันยอดขาย สร้างรายได้-ผลกำไร ที่มากขึ้น และอีกเรื่องหนึ่งที่ผู้ประกอบการรายใหญ่เริ่มให้ความสำคัญมากขึ้นคือการตั้งทีมวิจัยข้อมูลของคนเองขึ้นมาสำรวจข้อมูลเชิงลึกในแต่ละพื้นที่ ให้ถ่องแท้และแม่นยำ ก่อนที่จะมีการพัฒนาแต่ละโครงการจากที่ผ่านมาจะพึ่งผลสำรวจข้อมูลจากองค์กรและบริษัทต่างๆที่ดำเนินธุรกิจโดยตรง 

 

 

 

ยุคแข่งขันเดือดเก็บข้อมูลเองลดต้นทุน

นายสัมมา คีตสิน นักเศรษฐศาสตร์ด้านอสังหาฯ เปิดเผยว่า ข้อมูลเป็นเรื่องสำคัญต่อการตัดสินใจพัฒนาโครงการของผู้ประกอบการยิ่งในสภาวะการแข่งขันที่สูงยิ่งมีความสำคัญมากขึ้น เพราะข้อมูลที่ต้องการนั้นไม่ใช่เพียงเรื่องอุปสงค์ อุปทาน และราคาที่ดินเท่านั้น แต่ผู้ประกอบการต้องการรู้ถึงพฤติกรรมของผู้บริโภค ,แนวโน้มการพัฒนาอสังหาฯ,ต้นทุนค่าใช้จ่าย,เทคโนโลยีที่อำนวยความสะดวกให้ผู้อยู่อาศัย ,เทคโนโลยีด้านการสื่อสารและเทคโนโลยีด้านการเดินทาง โดยข้อมูลดังกล่าวเป็นการเจาะจงตามความต้องการของผู้ประกอบการแต่ละราย ไม่สามารถพึ่งหน่วยงานภายนอกได้ เพราะเป็นข้อมูลเชิงลึก ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่จะต้องมีการจัดตั้งทีมงานให้ครอบคลุมในหลากหลายมิติ

 

“ข้อมูลการสำรวจเชิงลึกจะมีความสำคัญกับผู้ประกอบการในเรื่องการออกแบบของแต่ละโครงการว่าจะออกมาในธีมไหน เพราะลูกค้าแต่ละกลุ่มจะมีความต้องการแตกต่างกัน ซึ่งหลักการในการสำรวจข้อมูลนั้นมีหลากหลายวิธี ทั้งข้อมูลปฐมภูมิ การสำรวจ การทำแบบสอบถาม การทำโฟกัส กรุ๊ป การสร้างความสัมพันธ์ของตัวแปรต่างๆ และเพื่อสามารถแข่งขันกับผู้ประกอบการรายอื่นในพื้นที่นั้นๆด้วย” นายสัมมา กล่าว

 

นายสัมมา กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมาผู้ประกอบการรายใหญ่จะมีการลงทุนพัฒนาโครงการเพิ่มมากกว่าเดิม  ทำให้มีต้นทุนเรื่องที่ดินมากขึ้น จึงต้องมีการตัดสินใจที่ถี่ขึ้นตามไปด้วย หากไม่มีข้อมูลที่ถูกต้อง ก็จะเกิดความผิดพลาดได้ เพราะปัจจุบันการแข่งขันในธุรกิจอสังหาฯมีสูงมาก

 

สำหรับองค์กรหรือหน่วยงานที่ทำการสำรวจข้อมูลอสังหาฯโดยตรงนั้น ก็ยังคงมีบทบาทต่อไปในอนาคต เพราะยังมีความสำคัญในเชิงมหภาค แต่ในส่วนของข้อมูลเชิงลึกนั้น หน่วยงานของแต่ละบริษัทอสังหาฯ สามารถดำเนินการได้ดีกว่าอยู่แล้ว แต่ทั้งนี้ทุกบริษัทก็ต้องนำข้อมูลเชิงมหภาคมาแชร์ด้วยอยู่ดี

ตั้งทีมสำรวจเองได้เปรียบข้อมูลเชิงลึก-ไม่เสียเวลารอนาน

นายสุรเชษฐ กองชีพ ผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า ปัจจุบันตลาดอสังหาฯมีการแข่งขันที่สูงขึ้น ความต้องการทีมสำรวจข้อมูลของแต่ละบริษัทจะมีมากขึ้น เพราะสามารถป้อนข้อมูลซึ่งมีทุกทำเล ให้ผู้ประกอบการได้ตลอดเวลา โดยไม่ต้องจ้างองค์กรต่างๆที่ต้องใช้ระยะเวลาในการส่งมอบข้อมูลให้ถึง 1-2 เดือน บางครั้งข้อมูลอาจไม่ตรงตามที่ผู้ประกอบการต้องการ ทำให้เสียเวลา

 

“ทีมสำรวจข้อมูลของแต่ละบริษัทที่ตั้งขึ้นมาจะไม่สามารถนำข้อมูลให้กับบุคคลภายนอกได้ เรียกว่าเป็นการปกปิดความลับไปในตัว และทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามนโยบายที่ผู้ประกอบการต้องการ ปัจจุบันผู้ประกอบการรายใหญ่ทำอย่างนี้กับแทบทุกราย เพราะถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนา เพื่อนำข้อมูลราคาที่ดิน มาคำนวณราคาขายที่อยู่อาศัยได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ”

 

อีกทั้งในอนาคตผู้ประกอบการอาจจะไม่ต้องพึ่งพาข้อมูลจากองค์กรต่างๆอย่างจริงจังแล้ว แต่อาจจะมีการซื้อข้อมูลทั่วไปเพื่ออัพเดทในแต่ละปีบ้าง แต่หน่วยงานภาครัฐเองนั้นยังคงต้องพึ่งพาข้อมูลจากองค์กรที่ดำเนินการสำรวจข้อมูลอสังหาฯโดยตรงอยู่อย่างต่อเนื่อง

อนาคตต้องแชร์ข้อมูลร่วม-ขับเคลื่อนประเทศด้วยBig Data

นางสาวอัญชนา วัลลิภากร ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บาเนีย (ประเทศไทย) จำกัด (Baania.com) กล่าวว่า ในอดีตผู้ประกอบการต้องซื้อข้อมูลการสำรวจจากองค์กรต่างๆเพื่อประกอบการตัดสินใจในการพัฒนา  แต่ปัจจุบันโดยภาพรวมแล้วทุกอย่างต้องถูก Disrupt ด้วยเทคโนโลยี ผู้ประกอบการทุกรายต้องใช้ Big Data มาเป็นข้อมูลในการประกอบการตัดสินใจ โจทย์ที่ผู้ประกอบการคือการแข่งขันที่เปลี่ยนไป ราคาที่ดินมีราคาสูง  มีการตัดสินใจที่ยากขึ้น จึงมีความจำเป็นต้องใช้ข้อมูลเชิงลึกของตนเองในการตัดสินใจ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ดังนั้นต่อไปจะต้องมีการ sharing Economy  ซึ่งกันและกันผ่านแพลตฟอร์มต่างๆมากขึ้น และพัฒนาไปต่อจิ๊กซอว์ซึ่งกันและกันได้ด้วย เพราะยุคดิจิทัลทำให้เกิดการแชร์ข้อมูลที่ดี อีกทั้งจะช่วยทำให้ประเทศขับเคลื่อนไปด้วย Big Data เพราะแต่ละบริษัทก็จะมีฐานข้อมูลของตัวเอง

 

เชื่อว่าในยุคดิจิทัล ที่การแข่งขันรุนแรง ดุเดือด เป็นอย่างมาก ชนิดที่ว่าห้ามกระพริบตาเลยทีเดียว หากใครไม่ปรับเปลี่ยนให้ทันการเปลี่ยนแปลง ก็คงอยู่ยาก