รายงานผลประกอบการบริษัทอสังหาริมทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ฯรอบปี 2560 มากัน(เกือบ)ครบแล้วProp2morrow.com  คัดเอาเฉพาะ 10 อันดับแรกบริษัทมหาชน(บมจ.) ได้แก่  1.บริษัทพฤกษา โฮลดิ้ง – PSH ,2. บริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ – LH ,3.บริษัท ศุภาลัย -SPALI , 4. บริษัทเอพี (ไทยแลนด์)- AP, 5. บริษัท แสนสิริ – SIRI ,6. บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น-SC ,7. บริษัทแผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ – โกลเด้นแลนด์ หรือ Gold ,8.บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์-QH, 9.บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ – ANAN และ 10. บริษัทแอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์-LPN

ยอดขาย 5 อันดับแรกของบริษัทในรอบปี 2560 ได้แก่

  • อันดับ 1 คือ PSH อยู่ที่ 47,536 ล้านบาท  เพิ่มขึ้น 7% เทียบกับปี 2559
  • อันดับ 2 คือ AP อยู่ที่ 42,900 ล้านบาท  เพิ่มขึ้น 92% เทียบกับปี 2559
  • อันดับ 3 คือ SIRI อยู่ที่ 38,600 ล้านบาท  เพิ่มขึ้น 24% เทียบกับปี 2559
  • อันดับ 4 คือ ANAN อยู่ที่ 34,920 ล้านบาท  เพิ่มขึ้น 39% เทียบกับปี 2559
  • และอันดับ 5 คือ SPALI อยู่ที่ 30,077 ล้านบาท  เพิ่มขึ้น 27 % เทียบกับปี 2559

รายได้ 5 อันดับแรกของบริษัทในรอบปี 2560

  • อันดับ 1 คือ PSH  อยู่ที่ 43,922 ล้านบาท  ลดลง 6.1% เทียบกับปี 2559
  • อันดับ 2 คือ SIRI  อยู่ที่ 31,757 ล้านบาท  ลดลง 8% เทียบกับปี 2559
  • อันดับ 3 คือ LH  อยู่ที่ 31,724 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.90% เทียบกับปี 2559
  • อันดับ 4 คือ SPALI  อยู่ที่25,789 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10 % เทียบกับปี 2559
  • และอันดับ 5 คือ AP  อยู่ที่ 22,170 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.50 % เทียบกับปี 2559

ผลกำไรสุทธิ(Net Margin) 5 อันดับแรกของบริษัทในรอบปี 2560

  • อันดับ 1 คือ LH อยู่ที่ 10,463 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.41 % เทียบกับปี 2559
  • อันดับ 2 คือ SPALI อยู่ที่ 5,812 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19 % เทียบกับปี 2559
  • อันดับ 3 คือ PSH อยู่ที่ 5,456 ล้านบาท ลดลง 8.1% เทียบกับปี 2559
  • อันดับ 4 คือ QH อยู่ที่ 3,462 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12 % เทียบกับปี 2559
  • และอันดับ 5 คือ AP อยู่ที่ 3,148 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.50 % เทียบกับปี 2559

ทั้ง10บริษัท(ไม่รวมQH) มียอดขายรวม 271,313 ล้านบาท มียอดรายได้รวม(รวม QH) 222,060 ล้านบาท และมีกำไรรวมทั้งสิ้น(รวมQH) อยู่ที่ 36,512 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนภาพธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะยอดขายนั้นทั้ง 10 รายต่างมียอดขายที่เพิ่มขึ้น และในปี2561 อสังหาริมทรัพย์ยังเป็นธุรกิจที่ยังคงเติบโตได้อีกมาก เห็นได้จากการตั้งเป้ายอดขาย และรายได้ที่เพิ่มขึ้นของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ “ออกตัวแรง 8 บิ๊กอสังหาฯเปิดตัว 260 โครงการใหม่รวมมูลค่ากว่า 3.43 แสนล้าน” https://prop2morrow.com/2018/02/12

 

PSH-LPN –SC –SIRI ทั้งรายได้-กำไรลดลง

หากพิจารณาถึงผลประกอบการด้านกำไรที่ลดลงคิดเป็นสัดส่วนมากสุดคือ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ฯ โดยในปี 2560 มีกำไรสุทธิที่ 1,062 ล้านบาท ลดลง 51%  เมื่อเทียบกับปีก่อน * อ่านรายละเอียดเพิ่มที่ “LPN กำไรปี’60 ..” https://prop2morrow.com/2018/02/14/lpn

ปี 2561 : เป็นปี “Year of Change :  ปีแห่งการเปลี่ยนแปลง” ของแอล.พี.เอ็น.ฯตั้งเป้ายอดขายรวมอยู่ที่ 20,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นประเภทอาคารชุดพักอาศัย 17,000 ล้านบาท และประเภทบ้าน  3,000  ล้านบาท  ขณะที่เป้ารายได้จากการขายอยู่ที่ 12,000  ล้านบาท แบ่งเป็นอาคารชุดพักอาศัย 10,500 ล้านบาท และ   ประเภทบ้าน 1,500 ล้านบาท

พร้อมกับเตรียมเปิดตัว 14 โครงการใหม่ไว้ที่ 18,000 ล้านบาท  แบ่งเป็นอาคารชุดพักอาศัย 15,000  ล้านบาท และประเภทบ้าน  3,000 ล้านบาท  อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมียอดขายที่รอรับรู้รายได้ในปี 2561 ในมืออยู่ประมาณ 5,900 ล้านบาท   คิดเป็น 50 % ของเป้ารายได้รวม ณ สิ้นปี 2560 มียอด Backlog รวมมูลค่า 7,400 ล้านบาท

 

ส่วน บริษัทเอสซี แอสเสท ฯทั้งรายได้และกำไรนั้นลดลง โดยมีรายได้ที่ 12,450 ล้านบาทลดลง 14% เมื่อเทียบกับปี 2559 ที่มีรายได้อยู่ที่ 14,434 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 1,256 ลบ ลดลง 36% เมื่อเทียบกับปี 2559 ที่ได้อยู่ที่ 1,968 ล้านบาท *อ่านรายละเอียดเพิ่มที่ “บอร์ดSCอนุมัติตั้งบริษัทย่อยลงทุนอสังหาฯอเมริกา” https://prop2morrow.com/2018/02/22  และ “SC ประกาศโรดแมป 3 ปีกวาดยอดขายกว่า6หมื่นล้าน” https://prop2morrow.com/2018/02/07/sc

 

ขณะที่บริษัท แสนสิริ มีผลประกอบการทั้งรายได้และกำไรลดลงเช่นกัน ดังนี้  มีรายได้(รายรับ)อยู่ที่ 31,757 ล้านบาท ลดลง 8% เมื่อเทียบปี 2559 ที่มีรายได้อยู่ที่ 34,395 ล้านบาท เป็นผลมาจากการลดลงของรายได้จากการขายโครงการที่ลดลง 13% โดยรายได้จากการรายโครงการยังเป็นรายได้หลักของบริษัทคิดเป็นสัดส่วน 82% ของรายได้รวม (ตารางรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์)สําหรับรายได้จากการขายโครงการ ในช่วงปี 2558-2560 สามารถวิเคราะห์แบ่งตามประเภทผลิตภัณฑ์ได้ตาม ตารางด้านล่างนี้

หากลงในรายละเอียดนั้นจะพบว่ารายได้จากการขายโครงการบ้านเดี่ยวในปี 2560 เพิ่มขึ้น19 %จาก 9,616 ล้านบาท ในปี 2559 มาอยู่ที่ 11,401 ล้านบาท โดยรายได้หลักมาจากโครงการเศรษฐสิริ จรัญ-ปิ่นเกล้า โครงการเศรษฐสิริ กรุงเทพ กรีฑา โครงการบุราสิริ ราชพฤกษ์-345 และโครงการเศรษฐสิริ พัฒนาการ  ทั้งนี้ มีรายรับจาก 4 โครงการรวม 3,696 ล้าน บาท คิดเป็น 14 %ของรายได้จากการขายโครงการทั้งหมด   รายได้จากการขายโครงการทาวน์เฮาส์ในปี 2560 มีจํานวน 1,751 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43% เมื่อเทียบ กับปีก่อนหน้า

 

ส่วนรายได้จากการขายโครงการคอนโดมิเนียมในปี 2560 อยู่ที่ 12,897 ล้านบาท คิดเป็น เกือบ50 % ของ รายได้จากการขายโครงการทั้งหมด ปรับลดลง 33%  จากจํานวน 19,260 ล้านบาทในปี 2559 ทั้งนี้ โครงการ ไนน์ตี้ เอท ไวร์เลส โครงการ โมริ เฮาส์ และโครงการ เอดจ์ สุขุมวิท 23 เป็นโครงการที่มีรายได้สูงสุด 3 อันดับแรก (ตามลําดับ) โดยรายรับ รวมจาก 3 โครงการดังกล่าว มีจํานวน 7,284 ล้านบาท คิดเป็น 28 % ของรายได้จากโครงการเพื่อขายทั้งหมด และในปี 2560 แสนสิริมีรายได้จากการขายโครงการมิกซ์อยู่ที่ 30 ล้านบาทจากโครงการอณาสิริ อยุธยา

 

สําหรับผลประกอบการด้านกำไรสุทธิของแสนสิริและบริษัทย่อย อยู่ที่ 2,825 ล้านบาท ลดลง 16 % จากกําไรสุทธิใน ปี 2559 จํานวน 3,380 ล้านบาท โดยในปี 2560 มีอัตรากําไรสุทธิที่ 8.9 % ของรายได้รวม ปรับลดลงจากอัตรากําไรสุทธิ ที่ 9.8  % ของรายได้รวมในปี 2559 เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหารและค่าใช้จ่ายอื่น

 

ส่วนบริษัทอนันดาฯแม้จะมีรายได้เพิ่มขึ้น 6% จากปีก่อน(ปี2559)มาอยู่ที่ 12,950 ล้านบาท ในปี 2560 แต่ผลประกอบการด้านกำไรลดลง 12% จากปีก่อนมาอยู่ที่ 1,328 ล้านบาทในปี 2560 * อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ “อนันดาฯ โชว์ตัวเลขผลประกอบการปี 60 -ตั้งเป้ายอดโอนปีนี้ที่ 38,000 ล้านบาท” https://prop2morrow.com/2018/02/23

 

บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ มีรายได้ลดลง 6% เมื่อเทียบกับปีก่อนมาอยู่ที่ 18,102 ล้านบาทในปี 2560  แต่มีผลประกอบการด้านกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 12 % มาอยู่ที่  3,462 ล้านบาท  ในปี 2560 ควอลิตี้เฮ้าส์เปิดขายโครงการบ้านใหม่จำนวน 7 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 7,828 ล้านบาท และปิดโครงการบ้านที่ขายหมดแล้วจำนวน 13 โครงการ และ ปิดโครงการคอนโดมิเนียม  2 โครงการ

 

ส่วนบริษัทโกลเด้นแลนด์ มีผลประกอบการทั้งยอดขาย –รายได้ และกำไร เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2559 โดยมียอดขายที่ 20,000 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 11%  มี่รายได้อยู่ที่ 13,541 ล้านบาทปรับเพิ่มขึ้น 20% และมีกำไรสุทธิกว่า 1,700 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 64%  * อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ “โกลเด้นแลนด์ โกยกำไรปี’60 กว่า 1,700 ล้านบาท”.. https://prop2morrow.com/2018/02/14