ในปี 2561 คาดการณ์ว่าจะมีคอนโดมิเนียมประมาณ 3,286  ยูนิต มูลค่าโครงการรวมกว่า 50,000 ล้านบาท (ลบ.)เปิดขายใหม่ในทำเลย่านทองหล่อ – เอกมัย ซึ่งถือว่ามากที่สุดในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ที่มีคอนโดมิเนียมเปิดขายบนทำเลย่านทองหล่อ – และเอกมัย ผู้ประกอบการหลายรายเตรียมตัวเปิดโครงการใหม่ในช่วงครึ่งปีหลัง ปี 2561 ส่งผลให้ตลาดคอนโดมิเนียมย่านทองหล่อ – เอกมัย ถือเป็นทำเลที่มีความโดดเด่นและน่าจับตามองเป็นอย่างมากในปีนี้

นายภัทรชัย ทวีวงศ์  ผู้จัดการอาวุโสแผนกวิจัย บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ในปี 2560 ที่ผ่านมาย่านทองหล่อและเอกมัยกลับมาคึกคักอีกครั้งหลังจากในช่วง 5 ปีก่อนหน้านี้มีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ในทำเลดังกล่าวค่อนข้างน้อย เนื่องจากปัจจุบันทราบกันดีว่า ราคาที่ดินย่านทองหล่อ – เอกมัยมีการปรับตัวค่อนข้างสูงเป็นอย่างมาก ผู้ประกอบการบางรายทุ่มทุนซื้อที่ดินเพื่อนำมาพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมบางแปลงติดถนนใหญ่มีการซื้อขายกันสูงกว่าตารางวาละ 2 ล้านบาท

 

ในย่านทองหล่อ สำหรับราคาที่ดินในซอยทองหล่อที่ไม่สามารถพัฒนาเป็นตึกสูงได้ปัจจุบันมีราคาขายอยู่ที่ประมาณ  500,000 –800,000  บาท / ตางรางวา หรือตร.ว สำหรับที่ดินติดถนนใหญ่ที่สามารถพัฒนาเป็นอาคารสูงได้ย่านเอกมัยก็ราคาพุ่งไปถึง ตร.วา ละ 600,000 – 800,000 บาท / ตร.ว

อุปทาน

คอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ทองหล่อ – เอกมัย รายปีตั้งแต่ปี 2552 – ไตรมาสเดือน พฤษภาคม  ปี 2561

ที่มา: ฝ่ายวิจัย คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย

แต่ในปี 2560 ที่ผ่านมา พบว่า มีผู้ประกอบการรายใหญ่หลายรายที่พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมระดับบนในทำเลย่านทองหล่อ – เอกมัย เช่น บมจ. พฤกษา เรียล เอสเตท ที่พัฒนาโครงการ The Reserve Thonglor condominium และสามารถปิดการขายได้อย่างรวดเร็ว , บมจ. แสนสิริ ที่พัฒนาโครงการ Taka Haus Ekamai 12 ซึ่งปัจจุบัน ขายไปแล้วกว่า 95% ,  Shinwa Fudosan ดีเวลอปเปอร์ยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่น ตั้งบริษัทร่วมทุน W-SHINWA พัฒนาโครงการ  Runesu Thonglor 5 ก็สามารถปิดการขายได้อย่างรวดเร็ว และ บมจ .เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ที่พัฒนาโครงการ Maru Ekamai 2 ซึ่งปัจจุบันก็ปิดการขายไปแล้วกว่า 70% ซึ่งนอกจากนี่ก็ยังมี บมจ . อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ ที่พัฒนาโครงการ Ideo Q Sukhumvit 36  บมจ. อารียา พร็อพเพอร์ตี้  ที่พัฒนาโครงการ Chalermnit Art De Maison Sukhumvit 53 และ บมจ. สิงห์ เอสเตท ผู้พัฒนาโครงการ The esse Sukhumvit 36 ซึ่งปัจจุบันทุกโครงการปิดยอดขายไปแล้วกว่า 70%

 

สำหรับในปี 2561 ผู้ประกอบการหลายรายมีการเตรียมที่ดินสำหรับพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในย่านทองหล่อ – เอกมัยกันอย่างคึกคัก ไม่ว่าจะเป็น บมจ. ชีวาทัย ที่เตรียมพัฒนาโครงการ  ชีวาทัย เรสซิเดนท์ ทองหล่อ (ทองหล่อ 20) ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ จำนวน 155 ยูนิต มูลค่า 954 ล้านบาท บมจ. ออริจิน พร็อพเพอร์ตี้ ที่เตรียมนำที่ดิน  ARENA 10 เพื่อพัฒนาโครงการ มิกซ์ ยูสในเฟสที่ 1  บจ. 1.6 ดีเวล็อปเม้นต์ ที่ร่วมทุนกับ บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เตรียมพัฒนา  THE STRAND THONGLOR (เดอะ สแตรนด์ ทองหล่อ) ตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 1-2-46 ไร่ ตั้งอยู่ต้นซอยสุขุมวิท 55 (ทองหล่อ) มูลค่าโครงการกว่า 5,500 ล้านบาท

 

บมจ. แสนสิริ ที่เตรียมพัฒนาคอนโด High Rise ซอยเอกมัย 13  บมจ. ริชชี่เพลซ 2002 ที่เตรียมพัฒนาโครงการ เดอะริช  เอกมัย  ทำเลติดห้างบิ๊กซี เอกมัย  บนที่ดิน 2 ไร่ สูง 39 ชั้น มูลค่าโครงการ 4,000 ล้านบาท กำหนดแล้วเสร็จปี 2564 ราคาตลาดอยู่ที่ตารางเมตรละ 200,000 บาทขึ้นไป

 

บมจ. เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ ก็วางแผนพัฒนาคอนโดมิเนียมในย่านเอกมัย เป็นคอนโดมิเนียมระดับ High-End ย่านเอกมัย บนเนื้อที่โครงการ 4-2-75.1 ไร่  ซึ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียม High-End โครงการแรกของเสนาที่มีมูลค่าสูงสุดในปีนี้ประมาณ 5,000 กว่าล้านบาท

 

นอกจากมียังมีโครงการ The Room Sukhumvit 38 จาก บมจ. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์  มูลค่าโครงการ 3,200 ล้านบาท บนเนื้อที่โครงการ 2-3-0 ไร่ ประมาณ 229 ยูนิต,โครงการ La Citta Delre ทองหล่อ 16  คอนโดระดับพรีเมียมจาก Hongnakorn Property บนเนื้อที่ 1-2-8 ไร่ เป็นคอนโด โลว์ไรส์ 8 ชั้น 2 อาคาร 51 ยูนิต ราคาขายประมาณ 250,000-280,000 บาท/ตารางเมตร.หรือตร.ม. ,โครงการ The FINE Bangkok ทองหล่อ-เอกมัย คอนโด High Rise 31 ชั้น จาก Sankyo Home (Thailand) และ โครงการ Keihan Realestate อยู่บนทำเลทองหล่อ-เอกมัย เป็น คอนโด High Rise 31 ชั้น 1 อาคาร 220 ยูนิต ราคาห้องเริ่มต้น 5.5 ล้านบาท

 

ส่วน พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค และ  แกรนด์ แอสเสทฯ ที่ร่วมทุนกับ ซูมิโตโม ฟอเรสทรี  บริษัทยักษ์ใหญ่ในธุรกิจไม้และรับสร้างบ้านของญี่ปุ่น ตั้งบริษัทร่วมทุน ประเดิมด้วยโครงการ “Hyde Heritage ทองหล่อ“ คอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์ลักซ์ชัวรี่ ด้วยเงินลงทุน 4,514 ล้านบาทบนพื้นที่ 2.5 ไร่ ริมถนนสุขุมวิทระหว่างสถานีบีทีเอสทองหล่อและเอกมัย โดยอยู่ห่างจากสถานีทองหล่อ 350 เมตร ความสูงประมาณ 38 ชั้น จำนวนประมาณ 400 ยูนิต กำหนดเปิดตัวโครงการและเริ่มก่อสร้างในปี 2561 คาดว่าโครงการจะแล้วเสร็จในปี 2563 และยังมีโครงการใหม่จาก Real Asset (เรียล แอสเสท) ที่เตรียมเปิดโครงการ  AESTIQ Thonglor ย่านทองหล่อบนที่ดินประมาณ 2 ไร่  เป็น  Super Luxury Condominium สูง 40 ชั้น ประมาณ  203 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 5,000 ล้านบาท   ซึ่งคาดว่าจะเปิดขายประมาณ เดือน ก.ย. นี้

 

ทุกโครงการที่กล่าวมาเตรียมจะพัฒนาในปีนี้ ส่งผลให้ตลาดคอนโดมิเนียมย่านทองหล่อ – เอกมัยจะมีการแข่งขันที่ดุเดือดเป็นอย่างมากในปีนี้

 

โครงการที่คาดว่าจะเปิดการขายในปี 2561(บางส่วน)

“จากข้อมูลที่เรามีอยู่ทั้งเปิดเผยได้และไม่ได้คาดว่าในปี 2561 จะมีคอนโดมิเนียมประมาณ 3,286  ยูนิต มูลค่าโครงการรวมกว่า 50,000 ล้านบาท เปิดขายใหม่ในทำเลย่านทองหล่อ – เอกมัย ซึ่งถือว่ามากที่สุดในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา และยังมีอีกหลายรายที่กำลังเจรจาซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาในย่านดังกล่่าว”

อุปสงค์

อัตราการขายคอนโดมิเนียมทองหล่อ-เอกมัย ณ เดือน พฤษภาคม 2561

ที่มา: ฝ่ายวิจัย คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย

 

สำหรับปัจจุบันคอนโดมิเนียมย่านทองหล่อและเอกมัยมีโครงการคอนโดมิเนียมที่อยู่ระหว่างการขายประมาณ  14  โครงการ 3,139 ยูนิต ขายไปแล้ว 2,436 หรือคิดเป็น 78% ของยูนิตที่อยู่ระหว่างการขาย เหลือขายประมาณ 703 ยูนิตหรือประมาณ 22%  หากพิจารณาแยกตามทำเลจะพบว่าเอกมัยปัจจุบันจะมีอัตราการขายที่สูงกว่าเอกมัย คือขายได้ประมาณ 88% หรือประมาณ 939 ยูนิต จากหน่วยทั้งหมด 1,072 ยูนิต เหลือขายประมาณ 133 ยูนิตหรือประมาณ 12%  เนื่องจากปัจจุบันย่านเอกมัยมีโครงการคอนโดมิเนียมที่อยู่ระหว่างการขายเพียงแค่ 4 โครงการเท่านั้น

 

ส่วน ทองหล่อ ปัจจุบันมีอัตราการขายทั้งหมดประมาณ 72%  หรือประมาณ 1,497 ยูนิตจากหน่วยที่อยู่ระหว่างการขายทั้งหมด 2,067 ยูนิต และเหลือขายประมาณ 28% หรือประมาณ 570 ยูนิต

ราคาขายเฉลี่ยต่อตร.ม.รายปี จำแนกตามความสูงของอาคาร (โลว์ไรส์,ไฮไรส์)

ที่มา: ฝ่ายวิจัย คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย

ด้านราคาขายเฉลี่ยต่อตารางเมตรของคอนโดย่านทองหล่อและเอกมัยจำแนกตามความสูงอาคาร ( โลว์ไรส์ และ ไฮไรส์) จำพบว่า ราคาขายเฉลี่ยของโครงการคอนโดมิเนียมไฮไรส์ย่านทองหล่อและเอกมัยปัจจุบันจะอยู่ที่ 220,000 บาท / ตร.ม. ซึ่งในย่านทองหล่อราคาเฉลี่ยจะสูงกว่าย่านเอกมัย บางโครงการในย่านทองหล่อปัจจุบันราคาขายเฉลี่ยต่อตารางเมตรสูงถึง 300,000 / ตร.ม. ส่วนในย่านเอกมัยราคาขายเฉลี่ยของคอนโดมิเนียมไฮไรส์ในช่วงเอกมัยตอนต้นจะอยู่ที่ประมาณ ตารางเมตรละ 180 ,000 บาท ส่วนคอนโดมิเนียมไฮไรส์ในช่วงเอกมัยตอนปลายจะมีราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 130,000 / ตร.ม.

 

สำหรับคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ย่านทองหล่อ – เอกมัยปัจจุบันมีราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 135,000 บาท / ตร.ม. ซึ่งหากพิจารณาตามทำเลจะพบว่า คอนโดมิเนียมโลร์ไรส์ย่านทองหล่อปัจจุบันราคาเฉลี่ยจะสูงกว่าย่านเอกมัยซึ่งอยู่ที่ประมาณ 140,000 บาท / ตร.ม. แต่มีบางโครงการที่ยูนิตขายน้อย และมีรูปแบบโครงการค่อนข้างโดดเด่น วัสดุที่ใช้มีการนำเข้าจากต่างประเทศ และค่อนข้างหรูหรา มีความเป็นส่วนตัว ก็จะมีราคาขายเฉลี่ยต่อตารางเมตรที่ค่อนข้างสูงมาก ซึ่งบางโครงการมีราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรสูงถึง 250,000 บาท / ตร.ม. สำหรับคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ย่านเอกมัย ปัจจุบันมีราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 110,000 บาท / ตร.ม.

 

ในปี 2561 นี่จากการสังเกตพบว่า เนื่องจากการปรับตัวของราคาที่ดินในย่านนี่ที่ค่อนข้างสูงเป็นอย่างมาก ผู้ประกอบการจึงพบกับปัญหาต้นทุนที่ดินที่ค่อนข้างสูง ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อราคาขายของโครงการทั้งคอนโดประเภทโลว์ไรส์และไฮไรส์ย่านทองหล่อ – เอกมัยในปีนี้จะมีการปรับราคาเฉลี่ยเฉลี่ย / ตร.ม. สูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน ซึ่งสำหรับคอนโดมิเนียมไฮไรส์ เชื่อว่า ราคาขายแต่ละโครงการจะปรับตัวขึ้นไปสูงถึงเฉลี่ยประมาณ 250,000-300,000 บาท / ตร.ม. ในย่านทองหล่อ ส่วนเอกมัยจะมาราคาขายเฉลี่ยของคอนโดมิเนียมไฮไรส์อยู่ที่ 140,000 – 180,000 บาท / ตร.ม. และสำหรับคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ย่านทองหล่อก็จะมีการปรับตัวขึ้นไปสูงถึง 130,000 – 250,000 บาท / ตร.ม. ในปีนี้ ส่วนเอกมัย ก็จะมีการปรับราคาเฉลี่ยขึ้นไปสูงถึงประมาณ 100,000 – 150,000 บาท / ตร.ม.

 

ทั้งนี้ราคาขายเฉลี่ยต่อตารางเมตรของแต่ละโครงการ ก็จะขึ้นอยู่กับทำเลที่ตั้ง รูปแบบโครงการ จำนวนหน่วยขาย และวัสดุของโครงการ ซึ่งแต่ละโครงการค่อนข้างมีจุดขายละกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกัน ซึ่งถึงแม้ว่าทำเลเดียวกันแต่ก็อาจมีราคาขายเฉลี่ยที่แตกกันได้เช่นเดียวกัน

 

กล่าวได้ว่า ทำเลย่านทองหล่อและเอกมัยในปี 2561 นี้พบว่าเป็นทำเลที่ค่อนข้างโดดเด่นและคึกคักเป็นอย่างมาก คาดว่าจะมีการแข่งขันที่ค่อนข้างสูง ผู้ประกอบการรายหลายมีความเชื่อมั่นในศักยภาพของย่านนี่ว่า เป็นทำเลที่มีกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพ อีกทั้งราคาขายรีเซลล์แต่ละโครงการที่เปิดขายในอดีต ปัจจุบันมีการปรับราคาขึ้นกว่า 30% จากราคาขายเดิม และทองหล่อ – เอกมัยยังเป็นทำเลที่ให้ผลตอบแทนจากการเช่าค่อนข้างสูง เป็นทำเลที่กลุ่มลูกค้าญี่ปุ่น นิยมพักอาศัยเป็นจำนวนมาก จากจุดนี่ กลุ่มนักลงทุนบางกลุ่มนิยมที่จะซื้อคอนโดมิเนียมย่านนี้ไว้ปล่อยเช่าให้กับชาวต่างชาติ และซื้อไว้เก็งกำไรจากการขายรีเซลล์ที่มีการปรับตัวค่อนข้างสูง