ออริจิ้นฯ เดินหน้าปักหมุดตลาดกรุงเทพฯโซนตะวันออก-EEC เป็นฐานใหญ่ ตั้งเป้า 5 ปี เปิดตัวแนวราบครบ 3 เซกเมนต์ รวมมูลค่าโครงการกว่า 49,000 ล้านบาท ครึ่งปีหลังเปิดตัว 3 โครงการใหม่ มูลค่า 4,000 ล้านบาท สนลงทุนทำเลรอบวงแหวนกาญจนาต่อเนื่อง เล็งพื้นที่พระราม2-บางบัวทอง ผุดแบรนด์ใหม่ คาดปี65 รายได้แนวราบทะลุปีละ 10,000 ล้านบาท ล่าสุดดูด 2 มือดีค่ายพฤกษาฯเสริมทัพสร้างความแกร่ง

 

 

นางศุภลักษณ์ จันทร์พิทักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออริจิ้น เฮ้าส์ จำกัด ในเครือบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือORI เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบว่า ยังคงมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากข้อมูลการสำรวจพบว่า ในช่วงไตรมาส 1/2561 มีโครงการแนวราบเปิดขายใหม่ในพื้นที่กรุงเทพฯทั้งหมด 8,762 ยูนิต มูลค่าโครงการรวมกว่า 41,000 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาถึง 7% ขณะเดียวกัน โครงการทาวน์โฮมและบ้านแฝดจะได้รับความนิยมมากขึ้น รวมถึงทำเลใหม่ๆ ที่มีศักยภาพจะมีโอกาสเติบโตมากขึ้น เช่น ทำเลกรุงเทพฯตะวันออก และทำเลโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ทั้งหมดสะท้อนถึงโอกาสที่ดีของตลาดในปีนี้

 

 

สำหรับออริจิ้น เฮ้าส์ฯ นั้นจะยังคงมุ่งมั่นพัฒนาโครงการแนวราบภายใต้แบรด์บริทาเนีย (Britania) เกาะทำเลที่มีการแข่งขันไม่สูงมาก หรือ Blue Ocean  มีความต้องการการอยู่อาศัยจริง (Real Demand) และมีศักยภาพเติบโตต่อเนื่อง ได้แก่โซนกรุงเทพฯตะวันออก และโซน EEC ภายในช่วง 5 ปี (พ.ศ.2561-2565) บริษัทจะเปิดตัวโครงการใหม่เจาะตลาดใน 3 เซกเมนต์ รวมมูลค่าโครงการกว่า 49,000 ล้านบาท

 

สำหรับในปี 2561 บริษัทมีแผนเปิดตัว 3 โครงการใหม่ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 4,000 ล้านบาท ได้แก่ 1.โครงการบริทาเนีย เมกะทาวน์-บางนา ตั้งอยู่บนพื้นที่ 55 ไร่เศษ ประกอบด้วยทาวน์โฮม ขนาด 18.5-19.95ตารางวา และบ้านแฝด ขนาด 35 ตารางวา ราคาเริ่มต้นที่  2.9 – 6 ล้านบาท รวมจำนวน 473 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 1,900 ล้านบาท โดยจะเปิดพรีเซลในเดือนตุลาคมนี้

 

2.โครงการบริทาเนีย บางนา-สุวรรณภูมิ ตั้งอยู่บนพื้นที่ 32 ไร่เศษ บน ถ.สุขาภิบาล 6 (บางนาตราด-วัดบางพลีใหญ่ใน)เป็นบ้านเดี่ยว ขนาด 50.75-59.81 ตารางวา ระดับราคา 4.7-6 ล้านบาท จำนวน 182 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยจะเปิดพรีเซลในเดือนกันยายน

 

และ 3.โครงการบริทาเนีย วงแหวน-หทัยราษฎร์ ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 31 ไร่ ประกอบด้วยทาวน์เฮาส์ และบ้านแฝด ระดับราคา 2.9-4.3 ล้านบาท จำนวน 303 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 1,100 ล้านบาท จะทำการเปิดตัวในเดือนธันวาคม โดยทั้ง 3 โครงการดังกล่าว บริษัทตั้งเป้ายอดขายถึงปลายปี 2561 นี้ ไว้ที่ 1,000 ล้านบาท และตั้งเป้ายอดโอนของ 3 โครงการใหม่ที่ 700 ล้านบาท จากเป้ายอดโอนโครงการแนวราบทั้งปีที่ 1,500 ล้านบาท

 

 

 

นอกจากการเข้าไปพัฒนาโครงการในพื้นที่โซนตะวันออกของกทม.และEEC แล้ว บริษัทฯยังให้ความสนใจพื้นที่แนววงแหวนกาญจนาภิเษกทุกโซนอีกด้วย เพราะยังมีความน่าสนใจในการลงทุน โดยเฉพาะพื้นที่โซนพระราม2และบางบัวทอง ซึ่งมีปัจจัยมาจากดีมานด์ที่ยังมีความต้องการ และระบบสาธารณูปโภคของภาครัฐ อีกทั้งราคาที่ดินยังสมเหตุสมผล  โดยซึ่งอาจจะเป็นการสร้างแบรนด์ใหม่ขึ้นมา โดยเฉพาะทำเลพระราม2 ที่ต้องเจาะตลาดระดับบนราคาตั้งแต่ 8 ล้านบาทขึ้นไป ขณะนี้อยู่ในระหว่างการมองหาที่ดิน จึงยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้

 

ทั้งนี้คาดว่าในปี 2565 บริษัทจะเริ่มต้นมีรายได้จากโครงการแนวราบทะลุปีละ 10,000 ล้านบาทได้เป็นปีแรก หรือมีโครงการที่พัฒนารวมประมาณ 20 โครงการ คิดเป็นสัดส่วน 36-38% จากรายได้รวมของORI ในปี2565 อยู่ที่ 27,500 ล้านบาท และในปีนี้คาดว่าจะมีรายได้ในส่วนแนวราบที่ 1,500 ล้านบาท และตั้งเป้าจะขึ้นเป็น Top 3 ในใจผู้บริโภคเมื่อนึกถึงโครงการบ้านแนวราบ

 

“เพื่อให้เราสามารถเดินหน้าไปได้ตามเป้าหมาย บริษัทจึงได้ดึงมือทองการพัฒนาโครงการแนวราบจากบริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด(มหาชน) อีก 2 ท่านเข้ามาช่วยเสริมทัพ ได้แก่ นายจีระวัฒน์ เหมะธุลิน เข้ามาช่วยดูแลด้านธุรกิจ และนายนาวิน เล็กนาวา เข้ามาช่วยดูแลด้านการก่อสร้าง”นางศุภลักษณ์ กล่าวในที่สุด