กลุ่มนักลงทุนผู้ซื้อจากจีนแห่ลงทุนอสังหาฯไทยทะลักแล้วกว่า 1.73 แสนล้านบาท กระจายทั้งในกรุงเทพฯและหัวเมืองท่องเที่ยวหลัก

 

ในช่วง 2 -3 ปีที่ผ่านมา นักลงทุนจากจีนให้ความสนใจตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทยเพิ่มมากขึ้นเป็นจำนวนมาก โดยล่าสุดที่จะมีการเปิดแถลงข่าวในวันที่ 3 ก.ค.2561 นี้คือบริษัท ทีซี ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด   เปิดตัว “โครงการ One9Five” มูลค่าโครงการ 13,000 ล้านบาท(ลบ.) โครงการคอนโดมิเนียมระดับพรีเมียมลักชัวรี่ บนทำเล อโศก-พระรามเก้า หรือ New CBD ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์สุดหรูสำหรับคนรุ่นใหม่ พร้อมคอนเซ็ปท์ Urban Midtown Oasis พื้นที่สีเขียวใหญ่ที่สุดใจกลางเมือง และเป็นโครงการที่สองของทีซี ดีเวลลอปเม้นท์ ที่ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 11 ไร่เศษ พัฒนาเป็นอาคารสูง 61 ชั้น 2 อาคาร คือ อาคาร A จำนวน 954 ยูนิต และอาคาร B จำกนวน 957 ยูนิต มีขนาดห้องให้เลือกตั้งแต่ 25-271 ตารางเมตร เริ่มก่อสร้างเดือนเมษายน ปี 2561(ค.ศ.2018) กำหนดแล้วเสร็จเดือนมีนาคม 2565 (ค.ศ.2022 )

 

นายภัทรชัย ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่าปริมาณการลงทุนที่เกิดขึ้นจากกลุมนักลงทุนจากจีน ณ ปัจจุบัน มีการร่วมทุนและลงทุนแล้วกว่า 173,000 ล้านบาท และมีแนวโน้มว่านักลงทุนจีนจะมีบทบาทมากขึ้นในตลาดอสังหาฯไทยมากขึ้นในอนาคต ทำเลที่สนใจลงทุนมีทั้งในกรุงเทพฯและหัวเมืองท่องเที่ยวหลักๆ ของไทยเช่น เชียงใหม่ พัทยา ภูเก็ต พังงา หัวหิน – ชะอำ เป็นต้น

 

โดยรูปแบบการลงทุนส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้น เป็นการร่วมลงทุนกับนักลงทุนหรือผู้ประกอบการไทยในการพัฒนาโครงการใหม่ หรือการเข้าซื้อหุ้นขอบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของไทย และอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยที่นักลงทุนจีนเข้าลงทุน 90% เป็นที่ดิน อาคารสำนักงานและโรงแรม แต่สำหรับในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา พบว่า โรงแรมและอสังหาริมทรัพย์ประเภทโครงการคอนโดมิเนียมในประเทศไทย ก็เป็นที่สนใจ ของกลุ่มนักลงทุนและกลุ่มผู้ซื้อชาวจีนเป็นจำนวนมาก

จำนวนและรายได้ของนักท่องเที่ยวจีนในประเทศไทยตั่งแต่ปี  2556-ไตรมาสที่ 1 2561

จากตัวเลขการท่องเที่ยวของชาวจีนที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงจำนวนนักท่องเที่ยวจีน ที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยมากเป็นอันดับ 1  ตั้งแต่ปี 2555 แล้วเป็นอันดับที่  1 มาตลอดจนถึงปีล่าสุด ในปี 2560 จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยพุ่งสูงถึง  9,805,753 คน ซึ่งมากกว่าในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาเกือบ 1เท่าตัว และจากตัวเลขด้านบนจะเห็นว่า สำหรับแนวโน้มนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาในประเทศไทยในช่วงไตรมาส 1 ปี 2561 ที่ผ่านมา ก็มีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้ามาประเทศไทยแล้วถึง 3,174,524 คน ซึ่งหากจำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เข้ามาในประเทศไทยยังคงสูงขึ้นเช่นนี่ต่อเนื่อง ในปี 2561 นี้ อาจจะมีนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้ามาประเทศไทยอาจจะพุ่งสูงขึ้นถึงกว่า 10 ล้านคน จำนวนนักท่องเที่ยวเหล่านี้  นอกจากจะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวแล้วยังมาดูช่องทางในการลงทุนคอนโดมิเนียมไว้เพื่อเป็นการลงทุน หรือสำหรับเป็นที่อยู่อาศัย โดยมีปัจจัยสนับสนุนดังนี้

1.อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำในประเทศจีน

2.ความหวาดกลัวในทรัพย์สินของชาวจีน จากมาตรการของรัฐบาลจีน

3.ราคาคอนโดในเมืองไทยยังนับว่าไม่แพง เมื่อเทียบกับเมืองใหญ่ๆ ในประเทศจีน

4.ผลตอบแทนจากการเช่าก็ยังถือว่าค่อนข้างดี

5.กระบวนการซื้อขายก็ไม่ซับซ้อน เมื่อเทียบกับบางประเทศ

6.เงินผ่อนดาวน์และค่าใช้จ่ายในการโอนถือว่าไม่สูงนัก

 

จีนครองแชมป์ซื้อคอนโดฯเชียงใหม่

 

จากปัจจัยสนับสนุนดังกล่าวจึงส่งผลให้ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวและนักลงทุนชาวจีนสนใจซื้อคอนโดมิเนียมในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะพัทยา และจังหวัดเชียงใหม่ปัจจุบันกลุ่มผู้ซื้อชาวจีน กลายเป็นกำลังซื้อหลักของคอนโดมิเนียมในเชียงใหม่ โดยลูกค้าจนครองส่วนแบ่งซื้อคอนโดมินัยมสูงถึง 60 % จากโควต้าที่เปิดให้ลูกค้าชาวต่างชาติซื้อคอนโดมิเนียมในไทยได้ รองลงมา 20 % เป็นลุกค้าจากฮ่องกง และสัดส่วนที่เหลือ 20 % เป็นลูกค้าจากยุโรป และ อเมริกา เป็นต้น

 

การซื้อคอนโดมิเนียมของกลุ่มนักลงทุนผู้ซื้อชาวจีนนั้นจะซื้อเพื่อลงทุนทั้งในระยะสั้นและระยะยาว รองลงมาซื้อการพักผ่อนหลังเกษียณ การซื้อจะนิยมรูดบัตรเคดิต เพราะไม่ต้องกท่มีปัญหาเนื่องจากรัฐบาลจีนเข้มงวดเรื่องการนำเงินออกนอกประเทศ และทำเลที่นิยมคือ เขตุเมืองชั้นใน ย่านนิมมานเหมินทร์ รอบสนามบิน และบริเวณรอบนอกแถวซุปเปอร์ไฮเวย์

 

“บางโครงการถ้าเป็นลูกค้าต่างชาติซื้อจะบวกราคาขายเพิ่มอีกตารางเมตรและ 5,000  บาท ส่วนใหญ่จีนจะซื้อด้วยเงินสด และแทบจะไม่เกี่ยงราคา หมายถึง ทุกระดับราคาคนจีนก็ซื้อ บางรายซื้อห้องละ 10 ล้านบาทรูดบัตรเคดิต 3 วันก็มี”นายภัทรชัย กล่าว

 

สำหรับคอนโดในกรุงเทพฯ นักลงทุนจีนนิยมที่จะลงทุนในเขตใจกลางเมือง โดยเฉพาะ ทำเล พระราม 9 รัชดา หรือไม่ไกลจากใจกลางเมืองนัก โดยจะต้องเดินทางได้สะดวกด้วยระบบรถไฟฟ้า นอกจากจะลงทุนในคอนโดกรุงเทพฯ แล้ว ที่เมืองท่องเที่ยวอื่นๆ อย่างเช่น ภูเก็ต หัวหินชะอำ และ ปราณบุรี ก็เป็นเป้าหมายในการลงทุนคอนโดของนักลงทุนจีนด้วยเช่นกัน ซึ่งสำหรับหาดสามร้อยยอด ปราณบุรี จากการลงพื้นที่ในช่วงที่ผ่านมา เป็นการล้อมรั่วของโครงการขนาดใหญ่ที่มีการลงทุนโดยชาวจีน คือโครงการ  Siddham Royal Hua Hin bay international tourism resort project   ที่เป็นโครงการคอนโดมิเนียม ขนาดใหญ่ที่เตรียมจะเปิดขายซึ่งปัจจุบันกำลังอยู่ระหว่างการขออนุญาต ซึ่งถือว่า ทำเลหัวหิน ปราณบุรีหลังจากที่  บริษัท Home City Development Co., Ltd.ซึ่งเป็นกลุ่มทุนชาวจีน ได้พัฒนาโครงการ miracle huahin ซึ่งเป็นโครงการ คอนโดมิเนียมและวิลล่า    ในปี 2555  ก็จะมีโครงการ  Siddham Royal Hua Hin bay international tourism resort project   ที่จะเป็นอีกโครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ที่ลงทุนจากกลุ่มนักลงทุนชาวจีนในพื้นที่หัวหิน ชะอำ และปราณบุรี

ผังรูปแบบโครงการ   Siddham Royal Hua Hin bay international tourism resort project  สามร้อยยอด จ. ประจวบคีรีขันธ์

ภาพป้ายโฆษณาโครงการ   Siddham Royal Hua Hin bay international tourism resort project  สามร้อยยอด จ. ประจวบคีรีขันธ์

 

จะเห็นว่า ปัจจุบันหากเราเดินทางเดินทางไปตามเมืองท่องเที่ยวต่างๆ เช่น พัทยา ภูเก็ต เชียงใหม่ หรือหัวหิน จะเห็นว่า มีป้ายโฆษณาของโครงการคอนโดมิเนียมต่างๆที่เปิดขาย ที่การเขียนป้ายโฆษณาเป็นภาษาจีน ควบคู่ไปกับภาษาอังกฤษกระจายอยู่ทั่วไป ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า เห็นผู้ซื้อและกลุ่มนักลงทุนชาวจีนเข้ามามีบทบาทสำหรับตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมาเป็นอย่างมาก

ภาพป้ายโฆษณาโครงการ   Royal Lee The Terminal Condominium Phuket