“สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” มั่นใจเศรษฐกิจ-อสังหาฯปี61 ฟื้นตัว ความเชื่อมั่นคืนตลาด ผู้ประกอบการไทย-ต่างชาติลงทุนต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงข่ายคมนาคม  เร่งธอส.ผนึกกคช.-เอกชน สร้างที่อยู่อาศัยรองรับ3กลุ่มตามนโยบายรัฐ ขีดเส้นต้องเห็นภาพภายใน3-4 เดือน ด้านกคช.เผยอยู่ระหว่างทำเอ็มโอยูร่วม3สถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อ ระบุเอกชน50-60 รายแสดงความสนใจ นำร่อง 3 โครงการเสนอคณะกรรมการพิจารณาสัปดาห์หน้า

 

 

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยในโอกาสเป็นประธานในพิธีเปิดงานบ้าน ธอส. เอ็กซ์โป @ กรุงเทพฯ” ประจำปี 2561ว่า   ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นธุรกิจที่มีความสำคัญมาก เพราะสามารถช่วยให้เศรษฐกิจของประเทศขยายตัว หากย้อนกลับไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว เศรษฐกิจของไทยยังไม่ฟื้นตัว ผู้บริโภคขาดความเชื่อมั่น แต่ถ้าเมื่อไรที่ธุรกิจอสังหาฯเติบโตขึ้นก็จะนำไปสู่ความต่อเนื่องยังธุรกิจอื่น  และปี2561นี้สถานการณ์แตกต่างจาก 2 ปีที่ผ่านมา  เพราะเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว  ความเชื่อมั่นของประชาชนมีเพิ่มขึ้น ความต้องการซื้อบ้านก็จะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน จะเห็นได้ว่าการลงทุนของภาคเอกชนในช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตขึ้น 3%  และการลงทุนจากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น ก็จะช่วยให้ความต้องการที่อยู่อาศัยของคนต่างชาติเพิ่มมากขึ้น ขณะที่การลงทุนด้านโครงข่ายคมนาคม โครงการรถไฟฟ้าต่างๆ ที่จะเห็นผลใน 4-5 ปีข้างหน้า จะทำให้โครงการอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ในแนวรถไฟฟ้าจะเติบโตขึ้นอีกมากอย่างแน่นอน

 

สำหรับการลงทุนในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ที่จะทำให้เกิดความเชื่อมโยงของหลายๆ จังหวัด และเกิดความเจริญอย่างที่คาดไม่ถึง โครงการการพัฒนาเมืองหลักในภูมิภาค เช่น ภูเก็ต เชียงใหม่ ขอนแก่น และอีกหลายจังหวัดที่กำลังจะตามมา จะทำให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดเหล่านั้นฟื้นตัวขึ้น  และการส่งเสริมการท่องเที่ยวหัวเมืองรองที่จะทำให้เติบโตขึ้นภายใน 4-5 ปี จะทำให้เกิดการขยายตัวของเมืองในภูมิภาค ผู้ประกอบการที่เข้าไปลงทุนก่อนก็จะได้เปรียบ  ในปีนี้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะเติบโตอย่างแน่นอน และจะโตต่อเนื่องจากโครงการที่รัฐบาลผลักดัน

 

นายสมคิด กล่าวต่อไปว่า การมีที่อยู่อาศัยถือเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างครอบครัว ถือเป็นความตั้งใจของตนตั้งแต่เข้ามาอยู่ในตำแหน่งที่จะสนับสนุนให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเองใน 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มผู้มีรายได้น้อย กลุ่มผู้ที่เริ่มสร้างครอบครัว และกลุ่มผู้สูงอายุ โดยจะให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.) ร่วมกับการเคหะแห่งชาติ (กคช.) และหน่วยงานพันธมิตรที่เกี่ยวข้อง คือโครงการบ้านในระดับแมสในทุกจังหวัดทั่วประเทศ โดยเข้าโครงการการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน (Public Private Partnership: PPP)  ที่มีอยู่แล้ว  ซึ่งจะให้ระยะเวลา 3-4 เดือน ในการเสนอโครงการที่จะให้รัฐบาลช่วยสนับสนุนเข้ามา

 

“เราอยากให้ทำทีเดียวจบเลย ไม่ใช่มาทำทีละเฟส ตอนนี้รัฐบาลก็สนับสนุนเต็มที่ อยากได้อะไรให้เสนอมา แต่ทุกอย่างจะต้องเห็นภาพภายใน 3-4 เดือน โดยจุดประสงค์หลักคือ ให้คนไทยที่มีรายได้น้อยมีที่อยู่อาศัย แต่รูปแบบจะเป็นอย่างไรต้องไปหารือกันมากับภาคเอกชน”นายสมคิด กล่าว

 

 

ด้านนายธัชพล กาญจนกูล  ผู้ว่าการเคหะแห่งชาติ (กคช.)กล่าวว่า จากนโยบายของรองนายกรัฐมนตรี นั้น การเคหะฯมีโครงการสนับสนุนให้เอกชนที่มีที่ดินในต่างจังหวัดพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยทั่วประเทศในทุกจังหวัดได้  โดยอยู่ระหว่างการทำเอ็มโอยูร่วมกับสถาบันการเงิน ได้แก่ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารออมสิน และธนาคารกรุงไทย ในการสนับสนุนสินเชื่อโครงการ และรายย่อย หลังจากนั้นจะทำเอ็มโอยูร่วมกับเอกชนซึ่งขณะนี้มีอยู่ 50-60 ราย ที่ให้ความสนใจ ขณะเดียวกัน จะนำโครงการร่วมทุน 3 โครงการ ได้แก่ การเคหะฯร่มเกล้า การเคหะฯหนองหอย เชียงใหม่ และโครงการฟื้นฟูเคหะชุมชนดินแดง เฟส 3 และ 4   เสนอให้คณะกรรมการพิจารณาในสัปดาห์หน้า