ทายาทคนสุดท้อง”สมพร จึงรุ่งเรืองกิจ”รับไม้ต่อจากพี่ชาย”สกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ” นั่งแทนซีอีโอ เรียลแอสเสทฯ เล็งดึงกลุ่มสิงคโปร์ร่วมทุนผุดโครงการ หวังดันบริษัทโต-ขยายฐานลูกค้าใหม่ ทั้งรุกธุรกิจโรงแรม ระดับ 3 ดาว กระจายความเสี่ยง คาดสรุปผลก่อนเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯปี62 เผยครึ่งปีหลัง 61 เตรียมเปิดตัว 2 โครงการใหม่ รวมมูลค่า 4,830 ล้านบาท  มั่นใจปลายปียอดขายตามเป้า  3,400 ล้านบาท และรับรู้รายได้1,867 ล้านบาท

 

นายบดินทร์ธร  จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดอสังหาฯในครึ่งปีแรก 2561 ว่า มีมูลค่าการโอนถึง 110,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก2560 พบว่ามีมูลค่าการโอนเพิ่มถึงกว่า 40% ส่วนตลาดที่อยู่อาศัยทำเลสุขุมวิท ยังสามารถทำตลาดได้อย่างต่อเนื่อง เพราะไม่มีโครงการใหม่เปิดตัวมากนัก โดยเฉพาะสุขุมวิทตอนกลาง ที่ผ่านมามีการเปิดตัวถึง 66 โครงการ จำนวน 19,000 ยูนิต โดยไตรมาส1/2561 มียอดขายรวมประมาณ 80-90%  คาดว่าภายในระยะเวลา 1 ปีนี้ จำนวนยูนิตที่เหลือจะทยอยขายได้ทั้งหมด หรือเฉลี่ยขายได้เดือนละประมาณ 10-15 ยูนิต

 

อย่างไรก็ตามแม้ว่าตนเพิ่งจะมารับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารแทน “นายสกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ผู้เป็นพี่ชาย ที่ไปบริหารธุรกิจในกลุ่มไทยซัมมิท ได้ประมาณ 3-4 เดือนนั้น ซึ่งมั่นใจว่าจะสามารถบริหารธุรกิจอสังหาฯได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถปรับตัวได้ไม่ยาก แม้ว่าประสบการณ์ที่เคยทำงานที่ธนาคารทหารไทย จำกัด(มหาชน)หรือ TMB จะแตกต่างจากธุรกิจอสังหาฯก็ตาม  แต่ก็อาจจะต้องมีการปรับตัวและเรียนรู้ในด้านการบริหารบุคลากร ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากที่สุด รองลงมาคือเรื่องบริหารต้นทุนการก่อสร้าง และขั้นตอนการบริหารที่หลากหลาย

 

สำหรับทิศทางการดำเนินงานของบริษัทจะเน้นการพัฒนาปีละ 2 โครงการ คือแนวราบ 1 โครงการ และแนวสูง 1 โครงการ ซึ่งขณะนี้บริษัทมีที่ดินสำหรับรองรับโครงการแนวราบในปี 2562 แล้ว 2 แปลง คือที่ดินที่ลำลูกกา คลอง5 จำนวน 86 ไร่ และย่านกิ่งแก้ว จำนวน 150 ไร่ นอกจากนี้ยังอยู่ในระหว่างการเจรจาซื้อที่ดินย่านใจกลางเมืองอีก 1 แปลง ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้

 

“เรามีแผนที่จะพัฒนาโครงการระดับลักชัวรี่อย่างต่อเนื่อง แต่ราคาที่ดินย่านใจกลางเมืองค่อนข้างแพงมาก ซึ่งเรามีแผนที่จะร่วมทุนกับกลุ่มทุนต่างชาติ ซึ่งขณะนี้ได้มีผู้ประกอบการอสังหาฯรายใหญ่ติดอันดับ1ใน3 จากสิงคโปร์ เข้ามาเจรจา ซึ่งการมีกลุ่มทุนใหม่ๆเข้ามาจะทำให้บริษัทมีอัตราการเติบโตที่รวดเร็วขึ้น รวมไปถึงได้ศึกษาเทคโนโลยีใหม่ๆและฐานลูกค้าต่างประเทศที่เรียลแอสเสทฯเข้าไม่ถึง ซึ่งคาดว่าจะสามารถสรุปผลการเจรจาได้ก่อนที่จะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในปี 2562 นี้ โดยขณะนี้ได้ที่ปรึกษาทางการเงินเป็นที่เรียบร้อยแล้วคือ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด(มหาชน)หรือSCB”นายบดินทร์ธร  กล่าว

 

 

สำหรับในครึ่งปีหลังบริษัทมีแผนที่เปิดตัวใหม่จำนวน 2 โครงการ คือ 1. AESTIQ Thonglor (เอสทีค ทองหล่อ) ต้งอยู่บนพื้นที่ 1.3 ไร่ เป็นคอนโดฯสูง 40 ชั้น 1 อาคาร ขนาด 33-297 ตารางเมตร ราคาขายเริ่มต้นที่ 8.99 ล้านบาท หรือ 269,000 บาท/ตารางเมตร จำนวน 203 ยูนิต มูลค่าโครงการ 4,200 ล้านบาท โดยจะเปิดพรีเซลในวันที่ 8-9 กันยายน 2561 นี้ หลังจากนั้นจะนำโครงการไปโรดโชว์ที่ฮ่องกง คาดว่าถึงปลายปีนี้จะสามารถทำยอดขายได้ประมาณ 50%

 

2.โครงการบ้านแนวคิดใหม่ ในรูปแบบของบ้านแฝด แบรนด์ Sense บริเวณย่านสายไหม บนพื้นที่ 30 ไร่ ขนาด 35 ตารางวา ราคาเริ่มต้นที่ 4-5 ล้านบาท จำนวน 126 ยูนิต มูลค่าโครงการ 630 ล้านบาท โดยจะเปิดพรีเซลในเดือนสิงหาคม 2561 นี้

 

นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนที่จะขยายไปยังธุรกิจโรงแรม เพื่อกระจายความเสี่ยงและรองรับกับตลาดท่องเที่ยวในประเทศไทย ที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเป็นจำนวนมาก ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการเจรจาซื้อโรงแรม ระดับ 3 ดาว ขนาด 100 กว่าห้อง ย่านสุขุมวิท  คาดว่าจะใช้เม็ดเงินลงทุนประมาณ 200 ล้านบาทบวกลบ  คาดว่าจะสามารถสรุปผลได้ก่อนที่จะนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯในปี2562

 

“โดยในช่วง 7 ปีที่บริษัทฯเข้ามาสู่ธุรกิจ ได้พัฒนาโครงการมาแล้ว 10 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 12,800 ล้านบาท และเมื่อรวมกับ 2 โครงการใหม่ที่จะเปิดตัวในครึ่งปีหลังนี้จะทำให้มีมูลค่ารวม 17,630 ล้านบาท และคาดว่าในปีนี้จะสามารถทำยอดขายรวมได้ตามเป้า 3,400 ล้านบาท และเป้ารับรู้รายได้ที่ 1,867 ล้านบาท”นายบดินทร์ธร  กล่าวในที่สุด