“ดีลนี้เราได้คุยโดยตรงกับ KPN มาประมาณ 1 ปีแล้ว และยืนยันว่าไม่ใช่การเข้ามา Take Over หรือ Backdoor Listing ของ KPN” เอเดรียน ลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร(CEO) บมจ.ไรมอน แลนด์ หรือ RML กล่าวระหว่างเปิดแถลงข่าว ในประเด็น “อนาคต” ไรมอน แลนด์ หลังเข้าลงทุนในทรัพย์สิน บริษัท เคพีเอ็น แลนด์ จำกัด (KPNL) ดำเนินธุรกิจอสังหาฯในกลุ่ม KPN ของตระกูล “ณรงค์เดช” ที่มี “กฤษณ์ ณรงค์เดช” ประธานกลุ่ม KPN เป็นหัวเรือใหญ่ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2561 ที่ผ่านมา ด้วยมูลค่า 1,574,600 บาท โดยจะชำระด้วยเงินสด 500 ล้านบาท และหุ้นเพิ่มทุนที่จะออกใหม่จำนวน 597 ล้านหุ้น เสนอขายให้กับนักลงทุนในวงจำกัด (PP) ที่ราคาหุ้นละ 1.80 บาท คิดเป็นมูลค่า 1,074,600,000 บาท ซึ่งจะส่งผลให้ KPNL เข้ามาถือหุ้น RMLในสัดส่วน 14.31%

 

ส่วนสาเหตุที่เลือก KPNL ก็เพราะเป็นบริษัทที่ไม่ใหญ่ไม่เล็กจนเกินไป และมีที่ดิน-โครงการที่พัฒนาแล้วในทำเลที่มีศักยภาพ การมองเห็นโอกาสดังกล่าว ทำให้เกิดการร่วมมือกัน และที่ CEO ของ RML ยืนยันว่าการเข้ามาถือหุ้นของ KPNL ในRMLในสัดส่วน14.31 %ไม่ใช่การเข้ามา Take Over หรือ Backdoor Listing อย่างที่หลายคนเข้าใจ การบริหารงานยังคงเป็นผู้บริหารชุดเดิมของ RML ส่วนทาง KPNL ก็จะส่งคนมานั่งเป็นกรรมการร่วม 2 คน

 

 

การให้ KPNL เข้ามาร่วมกันจะเพิ่มความแข็งแรงและเสริมศักยภาพในการดำเนินธุรกิจร่วมกับ RML  ดังนี้

1.มีทรัพย์สินที่มีคุณภาพตั้งอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพ

2.เพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

3.ซื้อที่ดินในราคาที่ถูกกว่า

4.เพิ่มพอร์ตทรัพย์สินอสังหาริมทรัพย์ใหญ่ขึ้น

5.เพิ่มโอกาสทางธุรกิจในการขยายตลาดคอนโดมิเนียมระดับบน

6.ได้ฐานลูกค้าที่เพิ่มขึ้น และเพิ่มโอกาสเข้าถึงลูกค้าได้กว้างขึ้น เพราะลูกค้ากว่า 90% ของKPNL เป็นกลุ่มลูกค้าคนไทย ขณะที่ฐานลูกค้ากว่า 50% ของ RMLเป็นชาวต่างชาติ

และ7.ทำให้สัดส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ลดลง

 

 

 

ด้วยเพราะทรัพย์สินของ KPNL ล้วนมีคุณภาพตั้งอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพ ประกอบด้วย โครงการ S19 ที่อยู่ระหว่างการพัฒนา เนื้อที่รวมกว่า 1 ไร่  ตั้งอยู่ที่ถนนสุขุมวิท ซอย19และ โครงการ S28 ที่อยู่ระหว่างการพัฒนา เนื้อที่รวมกว่า 2 ไร่ ตั้งอยู่ที่ ถนนสุขุมวิท ซอย28 ซึ่งถึงแม้จะเกิดปัญหาการต่อต้าน หรือร้องเรียน ของผู้อยู่อาศัยใกล้เคียง ที่อาจกระทบต่อการก่อสร้าง แต่ “ เอเดรียน ลี” CEO ของ RML ก็มั่นใจว่า ในท้ายที่สุดแล้วก็จะสามารถแก้ไขปัญหาได้ อีกทั้งโครงการนี้ก็เป็นโครงการพัฒนาในอนาคตคาดจะเริ่มพัฒนาได้ไนช่วงปี 2562-2563 จะสามารถรับรู้รายได้เชิงพาณิชย์ได้ในปี 2566 นอกจากนี้ได้เข้าซื้อยูนิตที่เป็นยอดขายรอโอนและยูนิตที่ยังเหลืออยู่จากโครงการ Diplomat 39 และDiplomat สาทร ตีเป็นมูลค่าประมาณ 2,500 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะรับรู้รายได้ส่วนใหญ่ในปี 2561

 

สำหรับการเปิดโครงการใหม่ในปี 62 เบื้องต้นวางแผนไว้ 2 โครงการ มูลค่ารวม 9,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการบนทำเลย่านทองหล่อ และราชเทวี-พญาไท

 

 

คาดครึ่งหลังปี 2561 พลิกฟื้นมีผลกำไร

สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2561 คาดว่าจะสามารถพลิกกลับมามีกำไรได้ หลังจากที่ผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกขาดทุน 35 ล้านบาท โดยในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2561 จะมีการเริ่มทยอยโอนโครงการคอนโดมิเนียม The Loft อโศก เข้ามาบางส่วน โดยมียอดขายแล้ว 80% โดยจะโอนในปีนี้  2,670  ล้านบาท และจะมีการทยอยโอนโครงการ Diplomat สุขุมวิท 39 ในช่วงปลายปีนี้เข้ามา 1,800  ล้านบาท  หลังจากที่ดีลกับ KPNL เสร็จสิ้น โดยที่จะมีมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) เพิ่มเป็น 6,020ล้านบาท หลังจากที่ดีลดังกล่าวแล้วเสร็จ จากปัจจุบันมี Backlog อยู่ที่ 3,000 ล้านบาท พร้อมกับได้ปรับเป้าหมายรายได้เพิ่มเป็น 5,000 ล้านบาท จากเดิมที่ตั้งไว้ 3,000 ล้านบาท หลังจากที่มีการโอนโครงการ Diplomat สุขุมวิท 39 เข้ามาหนุนรายได้ในปีนี้อย่างมีนัยสำคัญ และทำให้ผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังพลิกมีกำไรได้

 

ส่วนในปี 2562 จะมีการโอนโครงการ The Loft อโศกเข้ามาอย่างต่อเนื่องและเป็นจำนวนมากอีก 2,940 ล้านบาท และยังมีโครงการ Diplomat สุขุมวิท 39 และสาทร เข้ามาเสริมอีก 663 ล้านบาท โดยที่ประเมินรายได้ในปี 2562 ไว้ที่ 4,000 ล้านบาท พร้อมกับยังมั่นใจว่ารายได้จะสามารถทำได้เป้าหมาย 10,000 ล้านบาท ภายในปี 2565 โดยที่จะมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย สัดส่วน 70% และรายได้ประจำ (Recurring income) สัดส่วน 30% โดยที่บริษัทยังคงเน้นการมองหาโอกาสในการร่วมทุนหรือการเข้าซื้อกิจการในธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำเข้ามาเป็นหลัก เพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้ประจำให้ได้ตามเป้าหมาย และหากมีโครงการอสังหาริมทรัพย์อื่นๆที่เข้ามาเสนอขายทั้งจาก KPNL หรือกลุ่มอี่นๆที่น่าสนใจ บริษัทก็ยินดีที่จะพิจารณา

 

 

ย้อนรอยเส้นทางโตของ RML

ภายหลังจากที่บริษัท เจเอส ออยล์ พีทีอี จำกัด ในเครือกลุ่มบริษัท เอสร่า โฮลดิ้งส์ ลิมิเต็ด (Ezra Holdings Limited) ผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการเกี่ยวกับน้ำมัน ก๊าซธรรมชาตินอกชายฝั่ง และธุรกิจอสังหาฯ ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ประเทศสิงคโปร์ และโครงการอาคารสำนักงานในประเทศออสเตรเลีย สิงคโปร์  และสหรัฐอเมริกา  เข้ามาถือหุ้นใหญ่ในบริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด(มหาชน)หรือ RML  เมื่อปี 2556 ที่ผ่านมา แทน “ไอเอฟเอ โฮเทลส์ แอนด์ รีสอร์ท ทรี ลิมิเต็ด  ซึ่งเป็นผู้ถือเดิม คิดเป็นเงินในการเข้าซื้อกิจการครั้งดังกล่าวที่ 2,143.2 ล้านบาท  โดยในช่วงแรกได้ดึง “ประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์”รั้งตำแหน่งประธานกรรมการ และนายจอห์นสัน ตัน ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  ซึ่งวางเกมที่จะลงทุนระยะยาว และนำไรมอน แลนด์ฯขยายไลน์การลงทุนไปสู่อสังหาฯประเภทอื่นๆ อาทิ โรงแรม และธุรกิจเพื่อการพาณิชย์ ทั้งในแถบเอเชียแปซิฟิก สหรัฐอเมริกา และจีน

 

 ประกาศโรดแมปแผน3-5ปีอัดเม็ดเงินลงทุน2หมื่นล้าน

ต่อมาในเดือนกุมภาพันธ์ 2560  “ลี เช เชง เอเดรียน” ซึ่งเป็นทายาทคนเล็กของกลุ่มเอสร่า โฮลดิ้งส์ฯ ก็เข้ามาบริหารไรมอน แลนด์ฯอย่างเต็มตัว ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และได้กำหนดทิศทางการดำเนินงานของไรมอน แลนด์ฯในระยะเวลา 3-5 ปีนับจากปี2560  โดยจะใช้เม็ดเงินในการลงทุนประมาณ 20,000 ล้านบาท  ซึ่งเน้นการลงทุนคอนโดฯระดับไฮเอนด์เป็นหลัก ในสัดส่วน30-40%,บ้านเดี่ยวหรู สัดส่วน 20% ,อาคารสำนักงาน-โรงแรม สัดส่วน 20-25% และการลงทุนธุรกิจอสังหาฯในต่างประเทศ-ธุรกิจอื่นๆอาทิ อาหาร เครื่องดื่มและพลังงาน สัดส่วน 5-10% จากที่ก่อนหน้านั้นรายได้เกือบ100% เป็นรายได้ที่มาจากการขายคอนโดมิเนียมระดับบน

 

ขณะเดียวกันในเดือนสิงหาคม 2560ได้จัดตั้งบริษัทย่อยคือ บริษัท สยามสพูน จำกัด(สยามสพูน) เพื่อลงทุนในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม และในเดือนธันวาคม 2560สยามสพูน ลงนามในสัญญาร่วมทุนกับบริษัท บางกอกวูด เด้น สพูน จำกัด ซึ่งมีเจ้าของเดียวกับร้านบ้านหญิงในประเทศไทย จัดตั้งบริษัทร่วมทุน BANN YING PTE. LTD จดทะเบียนในสิงคโปร์ เพื่อสร้างการเติบโตในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มในภูมิภาคอาเซียน โดยได้เปิดตัวไปแล้วเมื่อไตรมาส1/2561 ที่ผ่านมา

 

เดือนมกราคม 2561  “ลี เช เชง เอเดรียน” ได้ปรับแผนการลงทุนของบริษัทฯระยะ 3ปีนี้(‪2561-2563)เพื่อขยายรุกธุรกิจอย่างต่อเนื่องใน 5 ธุรกิจ ได้แก่ 1.ธุรกิจอสังหาฯที่ยังเป็นธุรกิจหลักเน้นการพัฒนาในย่านใจกลางเมือง พื้นที่ 2-3 ไร่ ราคาตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป ตั้งเป้ารายได้ 5,000 ล้านบาท/ปี 2.ธุรกิจคอมเมอร์เชียล ที่จะรุกขยายมากขึ้น และภายใน 5 ปี จะมีพื้นที่ให้เช่า 1,000,000 ตารางเมตร   3.ธุรกิจHospitality ที่คาดว่าจะมีรายได้1,000 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 5 ปี 4.ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (F&B) ที่คาดว่าภายในระยะเวลา 3-5 ปี จะมีรายได้ 1,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 10-15% จากปีนี้จะเริ่มรับรู้รายได้ 100 ล้านบาท  และ5.ธุรกิจดิจิทัล ที่คาดว่าจะมีผู้ใช้บริการ 10 ล้านคน/ปี

 

ดึง “โตเกียว ทาเทโมโนะ”ร่วมทุนประเดิม2โครงการ

การขยายการลงทุนของไรมอน แลนด์ฯยังไม่หยุดเพียงเท่านั้น โดยในวันที่ 19 เมษายน2561 ที่ผ่านมา ไรมอน แลนด์ฯ ได้ลงนามสัญญาร่วมทุนกับ บริษัทโตเกียว ทาเทโมโนะ (Tokyo Tatemono) ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่ง ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาโครงการที่พักอาศัย 2 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 9,100 ล้านบาท ได้แก่ 1.โครงการคอนโดฯบริเวณสาทร12 พัฒนาในนามบริษัท ไรมอน แลนด์ สาทร จำกัด ทุนจดทะเบียน 100ล้านบาท ตั้งอยู่บนพื้นที่ 1 ไร่เศษ จำนวน 200ยูนิต  ราคาขาย 10 ล้านบาทขึ้นไปมูลค่าโครงการ 4,200ล้านบาท โดยจะเปิดตัวในไตรมาส4/2561 ด้านการก่อสร้างจะแล้วเสร็จในปี 2564

 

2.โครงการคอนโดฯย่านพร้อมพงษ์ (สุขุมวิท39)พัฒนาในนามบริษัท ไรมอน แลนด์ ทเวนตี้ ซิกซ์ จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท ตั้งอยู่บนพื้นที่ 1ไร่เศษ จำนวน 150ยูนิต+ ราคาขาย 10 ล้านบาทขึ้นไป มูลค่าโครงการ 4,900 ล้านบาท โดยจะเปิดตัวในไตรมาส3/2561 นี้ และก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2564

 

ในอีก 5 ปีข้างหน้า (พ.ศ.2566) ไรมอน แลนด์ คาดการณ์ว่าธุรกิจจะมีรายได้ประมาณ10,000 ล้านบาท การเติบโตนี้ได้รับการสนับสนุน และการบริหารการจัดการงบดุลที่แข็งแกร่งโดยมี D/E อยู่ที่ 0.67

 

อนึ่ง บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) บริษัทอสังหาริมทรัพย์ระดับพรีเมี่ยมชั้นนำของประเทศไทยได้ก่อตั้งเมื่อปี 2530 และได้จดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2536 ตั้งแต่ปี 2547 บริษัทฯ ได้พัฒนาโครงการเสร็จไปแล้ว 14โครงการ อันได้แก่ โครงการในกรุงเทพฯ คือโครงการ 185 ราชดำริ, เดอะ ริเวอร์, เดอะ ลอฟท์ เย็นอากาศ, เดอะ        ลีเจนด์ ศาลาแดง, เดอะ เลค, เดอะ ลอฟท์ สาทร, เดอะ ลอฟท์ เอกมัย และมิวส์ เย็นอากาศ โดย ไรมอน แลนด์ – โครงการในพัทยา คือโครงการ ยูนิกซ์ เซาท์ พัทยา, ซาร์ย วงศ์อมาตย์, นอร์ทพอยท์ และนอร์ทชอร์ คอนโดมิเนียม – โครงการในจังหวัดภูเก็ต คือเดอะ ไฮท์ ภูเก็ต และกะตะ การ์เด้นท์ ปัจจุบันบริษัทฯ กำลังดำเนินการพัฒนาโครงการจำนวน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการ เดอะ ลอฟท์ อโศก (คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จปี 2561) และเดอะ ลอฟท์ สีลม (คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จปี2563) นอกจากนี้ โครงการของบริษัทฯ ยังรวมถึง แคลพสัน เดอะ ริเวอร์ เรสซิเด้นท์ (klapsons The River Residences) ที่ให้บริการ เซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ คอมมูนิตี้ มอลล์ วิว (Vue) ศูนย์จัดงานอีเว้นท์ เดอะ คิวบ์ (The Cube) และอาคารสำนักงาน สเปซ 48

*** อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ >>>

RML ปิดดีลซื้อสินทรัพย์ตระกูล”ณรงค์เดช”เปิดทางแลกหุ้นเสริมศักยภาพ