“รามคำแหง”เป็นอีกย่านที่น่าจับตามองเป็นอย่างมากหลังจากที่ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เริ่มการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรม – มีนบุรี (สุวินทวงศ์) รวมระยะทาง 22.57 กม. ตั้งแต่เดือน พฤษภาคม ปี 2560 ที่ผ่านมา  ล่าสุดมีผลงานคืบหน้าแล้ว 5.57% มีกำหนดเปิดบริการในปี 2566 รวมถึง การลงทุนรีโนเวทเดอะมอลล์ รามคำแหง 2 (ฝั่งมุ่งหน้ามาแยกพระราม 9-รามคำแหง)  ของบริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ที่เตรียมปรับโฉมใหม่ ให้กลายเป็น “มิกซ์ยูส คอมเพล็กซ์” รับรถไฟฟ้าสายสีส้ม หนุนย่านการค้าบางกะปิ-รามคำแหง ให้คึกคัก บนที่ดินกว่า 30 ไร่ โดยเริ่มดำเนินการในปลายปี 2560 ที่ผ่านมา และคาดว่าจะใช้เวลาในการก่อสร้างประมาณ 2-3 ปี  ยิ่งเป็นตัวผลักดันให้รามคำแหงเป็นทำเลที่ร้อนแรงเป็นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา

 

นอกจากนี้ รามคำแหง ยังเป็นทำเลที่แวดล้อมไปด้วยชุมชนมากมาย แทบทุกโครงการที่เปิดขายต่างชูจุดเด่นด้านทำเลที่สำคัญ คือ ทำเลโครงการอยู่ติดรถไฟฟ้า MRT สายสีส้ม และ ยังมีรถไฟฟ้ารายล้อมโครงการถึง 3 สาย คือ 1. รถไฟฟ้า MRT สายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ – มีนบุรี 2. รถไฟฟ้า Monorail สายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว – สำโรง และ 3. Airport Rail Link สถานีรามคำแหง  ใกล้ด่านเก็บเงินทางด่วนรามคำแหง และพระราม 9 และจุดเชื่อมต่อการคมนาคมทางเรือโดยสารคลองแสนแสบ ท่าเรือมหาดไทย รายล้อมด้วยสถานที่สำคัญหลายแห่ง เช่น ราชมังคลากีฬาสถาน มหาวิทยาลัยรามคำแหง เดอะมอลล์ รามคำแหง เดอะไนน์ เซ็นเตอร์ พระราม 9 เดอะมอลล์ บางกะปิ  ตะวันนา ไนท์ บาซาร์  โรงพยาบาลรามคำแหง  โรงพยาบาลสมิติเวชศรีนครินทร์อีกทั้ง ถนนรามคำแหงก็เป็นถนนสายหลักสำคัญในพื้นที่กรุงเทพฯ ตะวันออกเฉียงเหนือ ครอบคลุมพื้นที่ตั้งแต่เขตบางกะปิ สะพานสูงต่อเนื่องเข้ามีนบุรี มีศักยภาพของการเติบโตของชุมชนเมืองอยู่ไม่น้อย

 

ช่วง 10 ปีราคาคอนโดฯ ปรับเพิ่ม 80-90%

ทั้งนี้หากพิจารณาถึงการเคลื่อนไหวด้านการลงทุนพัฒนาที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมบนทำเลรามคำแหงชะะนั้น มีความโดดเด่นอยู่ 3 ช่วงคือ ช่วงรามคำแหง-พระราม 9, ช่วงรามคำแหง-หัวหมาก  และช่วงรามคำแหง-ลำสาสี โดยภาพรวมของตลาดคอนโดมิเนียมย่านรามคำแหงในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา พบว่า ณ เดือนสิงหาคม 2561 ย่านรามคำแหงในช่วง 10 ปีที่ผ่านมามีคอนโดมิเนียนเปิดขายใหม่ย่านรามคำแหงแล้วกว่า  1,4907 ยูนิต และคาดการณ์ว่าในช่วงครึ่งหลังของปี 2561 อาจจะมีคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่บนทำเลย่านรามคำแหงอีกกว่า  4,273 ยูนิต ซึ่งถือได้ว่าเป็นทำเลที่ร้อนแรง และน่าจับตามองเป็นอย่างมากในเวลานี้ รวมถึงการกำหนดราคาขายก็ขึ้นมา 80-90% จากราคา 45,000-55,000 บาท/ตารางเมตรหรือ ตร.ม. เมื่อ 10 ปีก่อนก็ปรับขึ้นมาสูงเป็น 70,000-100,000 บาท/ตร.ม.และมีบางโครงการกำหนดราคาขายมากกว่านี้ก็มี โดยมีกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่วัยทำงานระดับรายได้เริ่มต้นตั้งแต่ 30,000-50,000 บาทขึ้นไป

อุปทานของคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่จำแนกรายปีและอุปทานสะสม

ที่มา: ฝ่ายวิจัย คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย

 

ศุภาลัย-พฤกษา-เสนาเปิดศึกชิงดีมานด์

สำหรับภาพรวมของตลาดคอนโดมิเนียมย่านรามคำแหงในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา พบว่า ณ เดือนสิงหาคม 2561 ย่านรามคำแหงในช่วง 10 ปีที่ผ่านมามีคอนโดมิเนียนเปิดขายใหม่ย่านรามคำแหงแล้วกว่า  14,907 ยูนิต และยังมองว่าตลาดยังมีความต้องการอยู่มาก

โครงการ ศุภาลัย เวอเรนด้า รามคำแหง

โดยล่าสุดบมจ.ศุภาลัย ได้เปิดตัวโครงการ  “ศุภาลัย เวอเรนด้า รามคำแหง” เป็นโครงการคอนโดมิเนียม High Rise ติด MRT สถานีราชมังคลา บนเนื้อที่ 15 ไร่เศษมูลค่า 6,000 ล้านบาท ประกอบด้วยอาคารชุดพักอาศัย จำนวน 1 อาคาร 3 ทาวเวอร์ Tower A สูง 33 ชั้น Tower B สูง 35 ชั้น Tower C สูง 27 ชั้น จำนวนห้องชุดพักอาศัย 2,073 ยูนิต ขนาดพื้นที่ใช้สอย 28-67 ตร.ม. ราคาขายเริ่มที่ 76,000 บาท/ตร.ม.โดยจะเปิดจองผ่านระบบ Supalai Online Booking ครั้งแรก booking.supalai.com ในวันที่ 18 กันยายนนี้ เที่ยงวัน – เที่ยงคืน วันเดียวเท่านั้น จากนั้นกำหนดเปิดตัว Pre-Sale อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 28 – 30 กันยายน 2561 ราคาเริ่ม 1.89 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 50-60 %  จะเริ่มก่อสร้างในปี 2562 และกำหนดแล้วเสร็จปี 2565

ที่มา: ฝ่ายวิจัย คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย

นายภัทรชัย ทวีวงศ์ ผู้จัดการอาวุโสแผนกวิจัย บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด และคาดการณ์ว่าในช่วงครึ่งหลังของปีนี้อาจจะมีคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่บนทำเลย่านรามคำแหงอีกกว่า  4,273 ยูนิต จากผู้ประกอบการรายใหญ่ซึ่งนอกจากศุภาลัยแล้ว ยังมี บมจ.พฤกษาเรียล เอสเตท PS เตรียมเปิดคอนโดมิเนียม High Rise แบรนด์ “เดอะ ทรี หัวหมาก”  ประมาณ 500 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 1,700 ล้านบาท บนที่ดินประมาณ 5 ไร่ ติด ถ.รามคำแหง ช่วงระหว่างซอย 85/2 และ 87 และด้านหลังติดคลองแสนแสบ อยู่ใกล้กับแยกลำสาลีประมาณ 350 เมตร ซึ่งจะเปิดที่ตั้งของสถานีรถไฟฟ้าอินเตอร์เชนจ์ ลำสาลี (สายสีส้มและสายสีเหลือง) อีกทั้งยังอยู่ใกล้เดอะมอลล์ บางกะปิ ท่าเรือคลองแสนแสบ ท่าเดอะมอลล์ บางกะปิ

โครงการ “นิช โมโน รามคำแหง”

ส่วนผู้ประกอบการอีกรายคือ บมจ. เสนาดีเวลลอปเม้นท์ ก็คว้าที่ดินแปลงใหญ่ ติด MRT สถานีหัวหมาก เตรียมพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียม High Rise  ภายใต้แบรนด์  นิช โมโน รามคำแหง” บนที่ดิน 15 ไร่ 1,700 ยูนิต 2 อาคาร ซึ่งยิ่งส่งผลให้ทำเลย่านรามคำแหงเป็นทำเลที่ร้อนแรง และน่าจับตามองเป็นอย่างมากในอนาคต

 

“ยอมรับว่าคอนโดฯ ย่านรามคำแหงแข่งขันสูงมากแต่ในขณะเดียวกันดีมานด์ก็มีอยู่มากเช่นกัน” ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์จำกัด (มหาชน) หรือ SENA กล่าว พร้อมกับระบุว่าโครงการ “นิช โมโน รามคำแหง” เป็น 1 ใน 3 โครงการร่วมทุนจากเสนา ฮันคิว เจาะกลุ่ม Segment 2-3 ล้านบาท รวมมูลค่ากว่าหมื่นล้านบาทที่จะเปิดตัวในช่วงครึ่งหลังของปี 2561 นี้ เฉพาะโครงการ “ นิช โมโน รามคำแหง” มีมูลค่าเกือบ 4,000 ล้านบาท  ส่วนราคาขายอยู่ประมาณ 80,000-90,000 บาทต่อ ตร.ม. ซึ่งก็จะไปชนกับคู่แข่งที่อยู่ใกล้ๆ กันคือ โครงการ “ศุภาลัย เวอเรนด้า รามคำแหง” ของ บมจ.ศุภาลัย โดยกลุ่มลูกค้าเป้าหมายคือกลุ่มคนที่มีระดับรายได้อยู่ที 30,000-50,000 บาท/เดือน

 

อุปทานที่อยู่ระหว่างการขาย

 

ที่มา: ฝ่ายวิจัย คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย

สำหรับอุปทานที่อยู่ระหว่างการขายในทำเลรามคำแหงนั้น นายภัทรชัย กล่าวว่า ปัจจุบันทำเลย่านรามคำแหงมีคอนโดมิเนียมที่อยู่ระหว่างการขายทั้งหมดประมาณ 6 โครงการ ประมาณ 5,063 ยูนิต มูลค่าโครงการทั้งหมดประมาณ 11,146 ยูนิต ขายไปแล้ว 4,098 ยูนิตหรือคิดเป็น 81% เหลือขายทั้งหมดประมาณ  965  ยูนิต หรือคิดเป็น 19% ดังนั้น เชื่อว่าตลาดยังมีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดฯ ในย่านดังกล่าวค่อนข้างมาก

อุปทานที่อยู่ระหว่างการขายจำแนกตามประเภทห้อง

ที่มา: ฝ่ายวิจัย คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย

จากอุปทานที่อยู่ระหว่างการขายทั้งหมดประมาณ 5,063 ยูนิต พบว่า ผู้ประกอบการพัฒนาเป็นห้องแบบ 1 ห้องนอนมากที่สุดถึง 4,083 ยูนิต หรือคิดเป็น 80.6%   โดยรองลงมาเป็น รูปแบบสตูดิโอ 677 ยูนิต หรือคิดเป็น 13.4%   และรูปแบบ 2 ห้องนอนประมาณ 303 ยูนิต หรือคิดเป็น 6%  และพบว่ารูปแบบห้อง 2 ห้องนอนสามารถขายได้มากที่สุดถึง 86.4% รองลงมาคือรูปแบบสตูดิโอ 84.8% และรูปแบบ 1 ห้องนอนที่ 79.9%

อุปทานที่อยู่ระหว่างการขายจำแนกตามระดับราคา

ที่มา: ฝ่ายวิจัย คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย

จากข้อมูลพบว่า คอนโดมิเนียมที่อยู่ระหว่างการขายย่านรามคำแหง ส่วนใหญ่อยู่ในระดับราคา 3,000,001 – 5,000,000 มากที่สุดที่ 1,194 ยูนิต  หรือคิดเป็น 23.6%  รองลงมา  คือระดับราคา 2,500,001 – 3,000,000 ที่ประมาณ 1,033 ยูนิต หรือคิดเป็น 20.4% และ ระดับราคา 2,250,001 – 2,500,000 ประมาณ 762 ยูนิต  หรือคิดเป็น 15.0%  และพบว่าในช่วงระดับราคา 2,250,001 – 2,500,000 เป็นช่วงราคาที่ขายดีที่สุดอยู่ที่ประมาณ 85.4% สามารถขายไปแล้วจากยูนิตทั้งหมด รองลงมาคือระดับราคา 2,500,001 – 3,000,000 ประมาณ 84.1%   และระดับราคา 2,000,001 – 2,250,000 ประมาณ 83.7%

 

กล่าวได้ว่า “รามคำแหง”ยังเป็นที่ทำเลทองที่ราคาขายของคอนโดมิเนียมมีการปรับขึ้นมากถึง 80 -90% ยังพบว่า ราคาที่ดินในย่านรามคำแหงหลังจากที่รถไฟฟ้าเริ่มสร้างตั่งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมาก็มีการปรับขึ้นราคาเป็นอย่างมาก ปัจจุบันราคาขายของที่ดินย่านรามคำแหงติดถนนใหญ่จะอยู่ประมาณ 250,000-300,000 บาท/ตารางวาหรือ ตร.ว. และที่ดินในซอยจะอยู่ที่ประมาณ 120,000-160,000 บาท/ตร.ว.