รมช. คลังเผยวันที่ 11 ต.ค.61 แบงก์ชาติเตรียมเรียกเอกชนร่วมหารือมาตรการควบคุมปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัย เพื่อหาข้อยุติหวังเศรษฐกิจในประเทศเดินหน้า เชื่อยังไม่มีความน่ากังวลเหตุซัพพลายน้อยกว่าปี 60 ส่วนบ้านหลังที่สองเชื่อปรับลด LTV ได้ แนวโน้มตลาดเก็งกำไรสัดส่วนเฉลี่ย 10 % ยังเป็นตัวเลขที่รับได้ มั่นใจภาพรวมอสังหาฯ ขยายตัวดี ไม่จำเป็นต้องออกมาตรการกระตุ้น

 

 

นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในวันที่ 11 ตุลาคม 2561 นี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้เรียกนายก 3 ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งประกอบด้วย สมาคมอาคารชุดไทย สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย และสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร และผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าหารือมาตรการควบคุมการกำกับดูแลการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัย เพื่อให้ได้ข้อสรุป ข้อยุติที่เหมาะสม และเป็นประโยชน์กับการเดินหน้าเศรษฐกิจประเทศ

 

“ตลาดอย่าเพิ่งไปคาดคะเนกันเองว่า มาตรการจะออกมารุนแรง อยากให้รอดูข้อมูลแต่ละฝ่าย ซึ่งเชื่อว่าเอกชนมีข้อมูล ข้อเท็จจริงที่คล้ายกับทาง ธปท. แต่ต้องทำความเข้าใจกัน การส่งสัญญาณของ ธปท.ในเรื่องนี้ถือเป็นสิ่งที่ดี เพราะจะทำให้ตลาดตื่นตัวและมีความระมัดระวังมากขึ้น” นายวิสุทธิ์ กล่าว

 

ทั้งนี้จากการรายงานของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เชื่อว่าการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยยังไม่มีความน่ากังวลมาก เนื่องจากปริมาณซัพพลายในตลาดปีนี้ มีน้อยกว่าปี 2560 ที่ผ่านมา  ขณะที่ปริมาณการโอนที่อยู่อาศัยสะสมก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ส่วนยอดการจองยังทรงตัว ไม่พบความผิดปกติ จึงไม่มีความจำเป็นต้องกังวล

 

ส่วนการคุมการปล่อยสินเชื่อต่อราคาที่อยู่อาศัย (loan-to-value ratio: LTV) ก็ควรดูภาวะตลาด เช่น บ้านหลังที่สองนั้นสามารถปรับ LTV ลดลงได้  และต้องดูคุณภาพสินเชื่อ ภาพรวมหนี้เสีย มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยหรือไม่ เพราะ LTV ไม่ใช่ตัวชี้วัดคุณภาพสินเชื่อ แต่ต้องดูผู้บริโภคเป็นหลัก ส่วนแนวโน้มการเก็งกำไรในอสังหาริมทรัพย์ พบว่ายังอยู่ในสัดส่วนเฉลี่ย 10 % ยังเป็นตัวเลขที่พอรับได้

 

“ภาคอสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้มขยายตัวดีอยู่แล้วจึงไม่จำเป็นต้องมีการออกมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติม ส่วนมาตรการคุมสินเชื่อของ ธปท. ก็ต้องรับฟังความเห็นให้รอบด้าน ซึ่งปัจจุบัน ที่อยู่อาศัยแนวราบ และการขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยหลังแรก ไม่น่าจะมีปัญหา ส่วนกลุ่มคอนโดมิเนียม ก็ต้องจำแนกให้ดี เพราะมีลูกค้าที่มีรายได้หลากหลาย และมีราคาขายที่แตกต่างกัน” นายวิสุทธิ์ กล่าวในที่สุด