ธนาแลนด์ฯเผยหลังภาครัฐขยายโครงการคมนาคม  ก่อสร้างรถไฟฟ้าหลายเส้นทาง ส่งผลการแข่งขันคอนโดฯเดือด โดยเฉพาะทำเลจรัญสนิทวงศ์ปิ่นเกล้า ซัพพลายและราคาที่ดินพุ่งสูง เปิดแผนระยะ3-5 ปี ยังเน้นพัฒนาที่อยู่อาศัย  ปรับตัวขยายฐานทำเลอื่นมากขึ้น ปี62 จ่อเปิดทาวน์โฮมคอนโดฯ  2 โครงการ มูลค่ารวม 1,000 ล้านบาท ปี61 ตั้งเป้ายอดขายรวมแตะ 500 ล้านบาท โต 10%

 

 

นายโกวิทย์ สุวาณิชย์กุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนาแลนด์ จำกัด ผู้มีประสบการณ์เชี่ยวชาญในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย มากกว่า 40 ปี เปิดเผยว่า ถึงภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบันว่า มีสภาพการแข่งขันที่สูงมาก โดยเฉพาะจากบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่พัฒนาโครงการทุกทำเล และทุกระดับราคา สำหรับตลาดคอนโดมิเนียม มีการแข่งขันสูงมากตามแนวรถไฟฟ้าเป็นหลัก ซึ่งเป็นผลมาจากการขยายตัวของโครงข่ายการคมนาคมของกรุงเทพฯ ในขณะที่โครงการของธนาแลนด์ฯจะพัฒนาโครงการในระดับราคาตลาด กลาง-กลางบน เป็นหลัก ดังนั้นการพัฒนาโครงการของธนาแลนด์ จึงต้องสร้างความแตกต่าง เริ่มจากการเลือกทำเลที่ดีที่สุด พัฒนาแนวคิดการออกแบบที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัว ใส่ใจในรายละเอียด ใช้วัสดุอย่างดี มีคุณภาพ และขายในราคาที่คุ้มค่าต่อลูกค้า

 

“กว่า40ปี ที่ธนาแลนด์ฯ พัฒนาอสังหาริมทรัพย์อยู่ในโซนปิ่นเกล้า ทำให้เป็นที่รู้จักและยอมรับจากผู้บริโภคค่อนข้างดี แต่ในช่วง 3-5 ปีที่ผ่านมา เมื่อมีโครงการพัฒนารถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายเกิดขึ้น ส่งผลให้เส้นถนนจรัญสนิทวงศ์ และย่านปิ่นเกล้า มีผู้ประกอบการรายใหญ่ขยายการลงทุนเข้ามาจำนวนมาก โดยในช่วง5ปีก่อนหน้านั้น ซัพพลายคอนโดฯในพื้นที่มีอยู่ประมาณ 1,300-1,500 ยูนิต แต่ผลจากโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้า ทำให้มีบริษัทอสังหาฯที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เข้ามาลงทุนเพิ่มมากขึ้น ทำให้ซัพพลายในพื้นที่เพิ่มเป็น 5,000 ยูนิต ในจำนวนนี้ มีการระบายออกไปแล้วกว่า60%”นายโกวิทย์ กล่าว

 

นายโกวิทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในด้านราคาขายที่ดิน ปัจจุบันทำเลดังกล่าวข้างต้นปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 290,000-300,000 บาท/ตารางวา จากเดิมอยู่ที่ 100,000 บาทต้นๆ/ตารางวา ขณะที่ราคาขายห้องชุดในย่านปิ่นเกล้า เฉลี่ยต่อตารางเมตร อยู่ที่ 100,000 บาทต้นๆ/ตารางเมตร  จากราคาเฉลี่ยเดิมอยู่ที่ 97,000 – 98,000 บาท/ตารางเมตร จากปัจจัยดังกล่าวทำให้ซัพพลายคอนโดฯและการแข่งขันในโซนปิ่นเกล้าเพิ่มสูงขึ้น

 

อย่างไรก็ตามแผนระยะ 3-5 ปีของบริษัทฯยังเน้นโครงการสำหรับที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ และปริมณฑล เป็นหลัก โดยแผนการลงทุน แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ การพัฒนาโครงการเพื่อการขาย ซึ่งถือว่าเป็นการลงทุนหลักของธนาแลนด์ฯ โดยเฉพาะโครงการคอนโดมิเนียม และการลงทุนอีกส่วน คือ พัฒนาโครงการเพื่อการเช่า ซึ่งจะทำให้มีกระแสเงินเข้ามายังบริษัทฯ ต่อเนื่องทุกเดือน

 

สำหรับในปี2562 บริษัทฯจึงมีแผนจะขยายการลงทุนไปในทำเลอื่นๆที่มีการแข่งขันไม่มาก เช่น ย่านสาธุประดิษฐ์ ถนนราชพฤกษ์ และถนนลาดพร้าว  โดยจะเพิ่มสัดส่วนโครงการในแนวราบ เช่น Luxury Town Home และโฮมออฟฟิศ รวมถึงพัฒนาโครงการ Low Rise Condominium แบบ Exclusive จากเดิมที่ปัจจุบันรายได้เกือบทั้งหมดมาจากโครงการแนวสูง ซึ่งในปีหน้า ธนาแลนด์ฯจะเพิ่มสัดส่วนแนวราบประมาณ 40% ของรายได้ทั้งหมด โดยเบื้องต้นจะเปิดตัวก่อน 2 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 1,000 ล้านบาท ประกอบด้วยโครงการทาวน์โฮม 4 ชั้นครึ่ง  ย่านสาธุประดิษฐ์ ราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป มูลค่าโครงการ 700 ล้านบาท ซึ่งจะเปิดตัวในช่วงต้นปี และโครงการคอนโดฯ โลว์ไรส์ ในซอยอารีย์ หรือซอยลาดพร้าว จำนวน 70 ยูนิต มูลค่าโครงการ 300ล้านบาท

 

นอกจากนี้บริษัทฯยังมีที่ดินรอการพัฒนา (Land Bank) ในย่านปิ่นเกล้า และลาดพร้าว และกำหนดวงเงินสำหรับลงทุน ประมาณ 300-500 ล้านบาทในการหาซื้อที่ดินในทำเลที่มีศักยภาพอื่นๆ ควบคู่ไปด้วย

 

ทั้งนี้ ในปี 2560 ที่ผ่านมา บริษัทฯมียอดขาย 440 ล้านบาท  และในปี 2561 ตั้งเป้ายอดขายรวมที่ 500 ล้านบาท เติบโต 10% โดยมาจากโครงการธนา แอสโทเรีย ปิ่นเกล้า คอนโดฯ สูง 23 ชั้นจำนวน 497 ยูนิต ราคาขายเฉลี่ย 95,000-97,000 บาทต่อ/ตารางเมตร  มูลค่ารวม 1,600 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขาย 80% คิดเป็นมูลค่า 1,200 ล้านบาท โดยคาดว่าในปีนี้จะสามารถรับรู้รายได้ประมาณ 80% ของยอดขายหรือประมาณ1,000 ล้านบาท