เสนาฯเผยจับตาทำเลบางนา-ตราด 5 ปีข้างหน้า แลนด์ลอร์ดทยอยนำที่ดินผุดบิ๊กโปรเจกต์ หลังภาครัฐขยายการลงทุนโครงข่ายคมนาคม เชื่อราคาที่ดินปรับขึ้นเป็นเท่าตัว จากปัจจุบันแตะ200,000-300,000 บาท/ตารางวา ล่าสุดผนึกฮันคิวฯผุดโครงการมิกซ์ยูส“นิช โมโนเมกะ สเปซ บางนา” มูลค่ารวมกว่า 10,000 ล้านบาท เตรียมเปิดพรีเซลเฟสแรก 17 พ.ย.61 คาดกวาดยอดขาย 60-65%

 

ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA เปิดเผยถึงพื้นที่การพัฒนาโครงการแต่ละทำเลโดยเฉพาะย่านใจกลางเมืองค่อนข้างมีความหนาแน่นและถูกจำกัด ทำให้เกิดการขยายตัวของย่านพาณิชยกรรมและแหล่งงานสำคัญเริ่มขยายไปบริเวณพื้นที่รอบข้างของกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก จึงเป็นอีกหนึ่งทำเลที่น่าจับตามอง โดยเฉพาะย่านบางนา-ตราด ซึ่งเป็นทำเลที่อยู่ใกล้ CBD มากที่สุดย่านหนึ่ง โดยมีทางด่วนมอเตอร์เวย์เชื่อมต่อถนนสุขุมวิท เพื่อเข้าสู่ใจกลางเมืองได้  และยังเป็นทำเลที่เชื่อต่อไปยังโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(Eastern Economic Corridor : EEC)จากศักยภาพดังกล่าวทั้งเป็นย่านธุรกิจในอนาคตรวมถึงทำเลที่ตั้ง ทำให้ผู้ประกอบการหลายรายเข้ามาจับจองพื้นที่เพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในรูปแบบต่างๆ ทั้งแนวสูงและแนวราบในย่านดังกล่าว

 

“ย่านบางนา-ตราด มองผิวเผินเหมือนซัพพลายไม่มากนัก แต่ไม่สามารถทราบได้ว่าผู้ประกอบการรายใดซื้อที่ดินเก็บตุนไว้บ้าง แต่เมื่อมีการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่จากภาครัฐ โดยเฉพาะการขยายรถไฟฟ้า ก็จะมีการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ขึ้นมาให้เห็นเป็นจำนวนมาก โดยจากนี้ไปอีก 5 ปีข้างหน้า ราคาที่ดินจะปรับเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว จากปัจจุบันที่ประมาณ 200,000-300,000 บาท/ตารางวา ขณะเดียวกันคอนโดฯราคาก็จะสูงขึ้นอีกมาก ทั้งนี้แล้วแต่ทำเล” ดร.เกษรา กล่าว

 

ล่าสุดบริษัทฯ ได้ร่วมกับ บริษัท ฮันคิว ฮันชิน พร๊อพเพอร์ตี้ส์ คอร์ปเปอเรชั่น จำกัด พัฒนาโปรเจกต์ที่5 ของปีนี้ ย่านบางนากม.6(ถนนเทพรัตน)ภายใต้แบรนด์นิช โมโนเมกะ สเปซ บางนา บนพื้นที่ 8 ไร่ แบ่งการพัฒนาเป็น5 เฟส ประกอบด้วยคอนโดฯ 3 อาคาร ,โรงแรม ระดับ 4-5 ดาว และอาคารสำนักงาน พื้นที่ใช้สอย 20,000 ตารางเมตร มูลค่าโครงการรวมกว่า 10,000 ล้านบาท คาดว่าจะใช้ระยะเวลาในการพัฒนาแล้วเสร็จ 7-8 ปี

โดยเฟสแรก เป็นการพัฒนาบนพื้นที่ 3 ไร่เศษ เป็นคอนโดมิเนียมสูง 40 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 795 ยูนิต และร้านค้า 2 ยูนิต พร้อมอาคารจอดรถ 8 ชั้น 1 อาคาร โดยแบ่งเป็นห้องชุดพักอาศัย 3 ขนาด ประกอบด้วย ขนาด 1 ห้องนอน 30 ตารางเมตร ,35 ตารางเมตร และ 50 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้นที่ 2.2 ล้านบาท หรือราคาเฉลี่ยที่ 83,000 บาท/ตารางเมตร มูลค่าโครงการ 2,200 ล้านบาท โดยจะจัดงาน Pre sale อย่างเป็นทางการวันที่ 17 พฤศจิกายน 2561 พบกับโปรโมชั่นมากมายภายในงาน เริ่ม 2.2 ล้านบาท จองรับส่วนลดสูงสุด 100,000 บาททุกยูนิต พร้อมสิทธิ์จับฉลาก ลุ้นรับส่วนลดเพิ่มมูลค่าสูงสุด 70,000 บาท คาดว่าในวันงานจะสามารถทำยอดขายได้ 60-65%

 

ด้านนายพนม กาญจนเทียมเท่า กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด  กล่าวถึงศักยภาพย่านบางนา-ตราด ว่าเป็นพื้นที่ที่การพัฒนาคอนโดมิเนียมพักอาศัยมีศักยภาพในการขยายตัวและเติบโตได้ดี เป็นทำเลที่ตอบสนองความต้องการของคนทำงานในบางนา บางพลี บางบ่อ และชลบุรี มีโครงการพัฒนาทั้งของเอกชนและของรัฐเกิดขึ้นหลายโครงการ ซึ่งเป็นการเพิ่มศักยภาพและมูลค่าของทรัพย์สินในอนาคตประกอบด้วย

 

1.โครงการแบงค็อกมอลล์ (Bangkok Mall) เป็นโครงการพัฒนาพื้นที่พาณิชยกรรมขนาดใหญ่หรือศูนย์การค้าแบบรีจีนัลมอลล์ขนาดใหญ่ มีพื้นที่โครงการทั้งหมด 100 ไร่ มูลค่าการลงทุนรวมอยู่ที่ 20,000 ล้านบาท พื้นที่รวมทั้งโครงการ 650,000 ตารางเมตร ภายในโครงการประกอบด้วยอาคารศูนย์การค้า โรงภาพยนตร์ ศูนย์แสดงสินค้า, สวนสนุก, สวนน้ำ คอนโดมิเนียม อาคารที่อยู่อาศัยให้เช่าหรือเซอร์วิสอพาร์ทเมนต์ อาคารสำนักงานให้เช่าจะก่อสร้างภายในครึ่งปีหลังของปี 2561 และกำหนดเปิดให้บริการภายใน 5 ปีข้างหน้า  และเมื่อเปิดให้บริการแล้วจะเป็นศูนย์การค้าขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากนี้ยังมีสถานีขนส่งผู้โดยสารสายตะวันออกที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกับศูนย์การค้าบนพื้นที่กว่า 7 ไร่ โดยจะย้ายสถานีขนส่งเอกมัยเดิมทั้งหมดมารวมอยู่ที่นี่ รองรับกลุ่มผู้โดยสารที่จะเดินทางไปภาคตะวันออก

 

2.โครงการเมกาซิตี้บางนา(Mega City Bangna) ยกระดับโครงการเป็น Mixed-use Development – Phrase 2 ด้วยงบลงทุนกว่า 67,000 ล้านบาท รวมกับศูนย์การค้า “เมกาบางนา” โดยเฟสสองจะประกอบด้วยศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน โรงแรม 2 แห่ง คอนโดพักอาศัย เพิ่มพื้นที่สีเขียวและสวนสาธารณะ บนพื้นที่ทั้งหมด 400 ไร่

 

3.เดอะฟอเรสเทียส์ (THE FORESTIAS) เป็นโครงการแบบ Mixed-Use Lifestyle บนพื้นที่กว่า 300 ไร่ มูลค่าโครงการกว่า 90,000 ล้านบาท มีพื้นที่ก่อสร้างรวมกว่า 6 แสนตารางเมตร แบ่งเป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์ 1.8 แสนตารางเมตร ประกอบด้วยโครงการคอมมูนิตี้มอลล์ อาคารสำนักงานให้เช่า Medical Complex ระดับ 6 ดาว  โรงแรมบูทีคระดับ 6 ดาวและโรงแรม 4 ดาว ศูนย์เรียนรู้ โรงเรียนอนุบาล อาคารนวัตกรรมแห่งอนาคต โดยเริ่มต้นดำเนินการก่อสร้างปี 2561 และจะแล้วเสร็จภายในปี 2565

 

4.โครงการรถไฟฟ้าสายบางนา-สุวรรณภูมิ อยู่ในแผนแม่บทรถไฟฟ้าระยะที่ 2 หรือ M-MAP 2 ขณะนี้อยู่ในระหว่างการประเมินความเหมาะสมและดึงเอกชนเข้าร่วมทุน รถไฟสายบางนา-สุวรรณภูมิ ระบบขนส่งมวลชนขนาดเบา (Light Rail : LRT) ที่เชื่อมมาจากรถไฟฟ้าสายสีเขียว (สายสุขุมวิท) ที่สถานีบางนา ซึ่งจะวิ่งไปทางถนนบางนา-ตราด ระยะทางประมาณ 18.3 กิโลเมตร จำนวน 14 สถานี คาดว่าจะรองรับผู้โดยสารได้ประมาณ 40,000 คนต่อวันตั้งแต่สถานีบางนาจนไปถึงสถานีสุวรรณภูมิใต้ โดยตรงสถานีศรีเอี่ยมจะเป็นสถานี Interchange เชื่อมต่อกับสายสีเหลือง ลาดพร้าว-สำโรง (ถนนศรีนครินทร์) นอกจากนี้บริเวณสถานีธนาชิตี้จะเป็นโรงจอดรถและซ่อมบำรุงบนพื้นที่ 29 ไร่

 

5.บริเวณบางนา-ตราดช่วงกม.19-23 จะกลายเป็น Logistics Hub ที่สำคัญเป็นที่ตั้งของศูนย์กระจายสินค้าของบริษัทขนาดใหญ่เป็นจำนวนมาก มีพื้นที่โกดังเก็บสินค้ารวมประมาณ 1.2 ล้านตารางเมตร นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่จำนวนมาก เป็นแหล่งที่จ้างงานที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดสมุทรปราการ และเป็นทำเลที่มีศักยภาพเชื่อมต่อแหล่งผลิตในพื้นที่ Eastern Seaboard ปัจจุบันขยายการพัฒนาเป็นEEC จึงเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพสูง โดยเป็นที่ตั้งของหลากหลายธุรกิจอุตสาหกรรม อาทิ ยานยนต์ สินค้าอุปโภคบริโภค สุขภาพและความงาม อิเลคทรอนิคส์ ธุรกิจค้าปลีกและขายส่ง เป็นต้น นอกจากนี้ในอนาคตพื้นที่บางนา-ตราดบริเวณ กม.ที่ 32.5 จะมีโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมขนาดใหญ่เต็มรูปแบบบนพื้นที่จำนวน 4,300 ไร่ เกิดขึ้นด้วย

 

6.บางนาเป็นพื้นที่ของแหล่งที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่ ที่ตั้งของหมู่บ้านและโครงการที่พักอาศัย บ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมที่มีราคาค่อนข้างสูงหลายโครงการ ด้วยศักภาพถนนบางนา-ตราดเป็นถนนที่เชื่อมกับถนนสุขุมวิทและถนนศรีนครินทร์ ซึ่งสามารถเดินทางเข้าเมืองได้สะดวกไม่ว่าจะเป็น ทางด่วนพิเศษเฉลิมมหานคร รถไฟฟ้าสายสีเขียวและรถไฟฟ้าสายสีเหลืองที่อยู่ในระหว่างการก่อสร้าง โดยจะเพิ่มความสะดวกสบายในให้แก่ย่านนี้มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้บริเวณบางนายังเป็นแหล่งที่ตั้งของโรงเรียนนานาชาติหลายแห่ง เช่น โรงเรียนบางกอกพัฒนา โรงเรียนนานาชาติ ไทย-สิงคโปร์โรงเรียนนานาชาติเบิร์คลีย์ โรงเรียนนานาชาติเซนต์แอนดรู โรงเรียนนานาชาติคอนคอร์เดียน โรงเรียนนานาชาติดิษยะศรินอินเตอร์เนเชอร์แนลเพร็พพะทอรี โรงเรียนนานาชาติไทย – จีน  โรงเรียนเซนโยเซฟบางนาเป็นต้น

 

ในขณะที่ซัพพลายทั้งหมดในพื้นที่บางนาตั้งแต่ปี 2552 – ตุลาคม 2561 มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 7,836 ยูนิต โดยมีอัตราการขายอยู่ที่ 94% เป็นคอนโดมิเนียมที่เน้นขายในตลาดเกรดซี ส่วนคอนโดมิเนียมไฮไลท์เกรดบี บริเวณแยกบางนา – สุขุมวิท ซึ่งเปิดตัวตั้งแต่ปี 2560-2561 ราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 120,000 บาท/ตารางเมตร