แอสเซทไวส์ฯเห็นด้วยมาตรการธปท. ผู้ประกอบการต้องปรับตัวหาลูกค้าบ้านหลังแรกมากขึ้น ส่วนบริษัทอาจจัดแพ็คเกจเล็กลง ราคาจับต้องได้ เปิดแผนปี62 จ่อผุด6-8 โครงการ รวมมูลค่าโครงการกว่า 6,000 ล้านบาท พร้อมผนึกพันธมิตรกลุ่ม”บ้านภูริปุรี”ผุดทาวน์โฮมหรูย่านพัฒนาการ ส่วนโค้งสุดท้ายปี61เตรียมผุด 2 โครงการ“แอทโมซ รัชดาห้วยขวาง” “แกลม ลักชัวรี่”ย่านโชคชัยสี่ มั่นใจยอดรับรู้รายได้ตามเป้า 4,000 ล้านบาท

 

นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด เปิดเผยถึงมาตรการกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ที่จะบังคับใช้ในวันที่ 1 เมษายน 2562  ว่าเป็นผลดีกับระบบโดยรวม อันจะทำให้สถาบันการเงินมีความแข็งแกร่ง ระบบไม่ล้ม และสามารถอยู่ได้ ขณะเดียวกันผู้ประกอบการก็ต้องปรับตัว คือต้องหาลูกค้าบ้านหลังแรกให้มากขึ้น แต่ราคาก็ต้องตอบโจทย์ด้วย ซึ่งคาดว่ามาตรการดังกล่าวจะทำให้ราคาที่ดินและอสังหาฯไม่แพงจนเกินไป และในส่วนของบริษัทฯเองอาจจะต้องมีการรีวิวแผนการตลาดใหม่ โดยอาจจะจัดแพ็คเกจให้เล็กลง แต่พัฒนาสินค้าในราคาที่จับต้องได้ และเมื่อลูกค้ามีการจองซื้อโครงการแล้ว หลังจากนั้นจะต้องเช็กเครดิตบูโรเพื่อช่วยลูกค้าในการเตรียมตัว โดยที่ผ่านมาลูกค้าส่วนใหญ่ของบริษัทฯจะเป็นการซื้อเพื่ออยู่จริงในสัดส่วนประมาณ 60-70% ที่เหลือประมาณ 30% เป็นการซื้อเพื่อลงทุนปล่อยเช่า ส่วนผู้ที่จะได้รับผลกระทบคือผู้ที่ซื้อที่อยู่อาศัยเพื่อเป็นบ้านหลังที่สอง จะต้องเตรียมเงินดาวน์เพิ่มมากขึ้นเป็น 20%

 

โดยแผนการดำเนินงานของบริษัทในปี2562 จะมีการพัฒนาทั้งหมดประมาณ  6-8 โครงการ รวมมูลค่าโครงการกว่า 6,000 ล้านบาท โดยจะเป็นในรูปแบบของคอนโดฯในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ทั้งหมด ขณะนี้มีที่ดินรองรับแล้วประมาณ 4  แปลง ได้แก่ 1. โครงการคอนโดฯแบรนด์ใหม่ ภายใต้ชื่อ IVORY ตั้งอยู่ซอยรัชดาภิเษก32 บนพื้นที่ 500 กว่าตารางวา จำนวน 204 ยูนิต ราคา 2ล้านต้นๆขึ้นไป หรือประมาณ 90,000 บาท/ตารางเมตร  2.โครงการเคป ทาวน์ (CAVE TOWN)ใกล้มหาวิทยาลัยกรุงเทพ รังสิต บนพื้นที่กว่า 9 ไร่ จะพัฒนาเป็นคอนโดฯ จำนวนประมาณ 4 อาคาร ราคา 1.49-1.8 ล้านบาท มูลค่าโครงการประมาณ 2,000 ล้านบาท

 

3.โครงการแอทโมซ ย่านแจ้งวัฒนะ  และ4.โครงการภูริปุรี ซึ่งเป็นการร่วมทุนกับกับบริษัท บ้านภูริปุรี โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งมีประสบการณ์ในการพัฒนาโครงการทาวน์โฮมหรูราคา 7-10 ล้านบาท ย่านลาดพร้าว ด้วยการก่อตั้งบริษัท เอบีเจวี จำกัด ขึ้นมา ด้วยทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท โดยแอทเซสไวส์ฯ ถือหุ้น51% และบ้านภูริปุรีฯ ถือหุ้น 49% เพื่อพัฒนาโครงการทาวน์โฮม ย่านพัฒนาการ 32  บนพื้นที่ 5 ไร่เศษ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้

ส่วนระยะเวลาที่เหลืออีก 2 เดือนของปี 2561 บริษัทฯจะเปิดตัวอีก 2 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 1,640 ล้านบาท  คือ โครงการ “แอทโมซ รัชดา-ห้วยขวาง” ตั้งอยู่บริเวณซอยสหการประมูล บนพื้นที่กว่า 3 ไร่ เป็นคอนโดฯ สูง 8 ชั้น 3 อาคาร ขนาด 21.10-34.40 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้นที่ 1.69-3.2 ล้านบาท หรือราคาเฉลี่ยที่ 90,000 บาท/ตารางเมตร จำนวน 595 ยูนิต มูลค่าโครงการกว่า 1,400 ล้านบาท โดยในช่วงวันที่ 10-11 พฤศจิกายน ที่ผ่านมาได้เปิดขายในรอบVIP ปรากฏว่าสามารถทำยอดขายได้กว่า 10% และจะเปิดพรีเซล อาคารเอ บี และอาคารซี บางส่วน อย่างเป็นทางการในวันที่ 17-18 พฤศจิกายน 2561 นี้  และหลังจากนั้นประมาณเดือนธันวาคม 2561 หรือมกราคม 2562 จะนำยูนิตที่เหลือให้เอเยนซี่นำไปขายลูกค้าต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีน ที่ยังมีความต้องการที่อยู่อาศัยในเมืองไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะทำเลที่ตั้งโครงการซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสถานทูตจีนมากนัก คาดว่าจะสามารถปิดการขายทั้งหมดภายในปี 2562 ด้านการก่อสร้างคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2563

 

“ย่านรัชดา-ห้วยขวางนี้มีความคุ้มค่าทั้งสำหรับซื้อเพื่ออยู่เอง หรือเพื่อการลงทุน จากความน่าสนใจที่ราคาซื้อขายมีการปรับราคาขึ้นเรื่อยๆ อย่างก้าวกระโดดจากโครงการที่เปิดตัวใหม่ในแต่ละปีมีการปรับตัวสูงขึ้นปีละ 10-20% และมีอัตราค่าตอบแทนเฉลี่ย (Yield) อยู่ที่ 5-6 % ซึ่งเป็นตัวเลขที่สามารถถือครองเพื่อเก็งกำไรในอนาคตได้ ซึ่งคาดว่าการเปิดโครงการแอทโมซ รัชดา- ห้วยขวางในครั้งนี้ จะสามารถสร้างยอดขายได้ถึง 50% ภายใน 3 เดือน” นายกรมเชษฐ์ กล่าว

นายกรมเชษฐ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันในย่านซอยสหการประมูลมีซัพพลายเพียงแค่ 2 โครงการ รวมแล้วไม่ถึง 2,000 ยูนิต  ซึ่งไม่ใช่คู่แข่งกันโดยตรง เพราะอีกโครงการนั้นมีราคาขายที่สูงกว่า ประกอบกับที่ดินในทำเลดังกล่าวหาได้ค่อนข้างยาก จึงไม่ค่อยมีซัพพลายใหม่เกิดขึ้น โดยที่ผ่านมาหลังจากมีข่าวการขยายการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม(ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี) มีการตุนซื้อที่ดินกันเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ราคาที่ดินพุ่งขึ้นไปมากกว่าเดิม 80-100% ส่วนจะขายต่อได้หรือไม่ คงไม่สามารถตอบได้ แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติของการขยายเมือง ซึ่งเชื่อว่าคอนโดฯยังเป็นสินค้าที่ตอบโจทย์ผู้ที่ใช้ชีวิตในเมืองได้เป็นอย่างดี

 

ส่วนอีกโครงการคือ “แกลม ลักชัวรี่” ตั้งอยู่บนบริเวณซอยโชคชัยสี่ พื้นที่ประมาณ 2 ไร่ พัฒนาในรูปแบบของทาวน์โฮม 3 ชั้น  ขนาด 45 ตารางวา ราคา 12.9-15 ล้านบาท จำนวน 18 ยูนิต มูลค่าโครงการ 240 ล้านบาท

 

ปัจจุบันบริษัทฯมีโครงการที่จะสร้างแล้วเสร็จในปีนี้ จำนวน 8 โครงการ คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ในปีนี้ตามเป้าหมาย 4,000 ล้านบาท จากปัจจุบันที่รับรู้รายได้แล้ว 3,800 ล้านบาท ด้านยอดขายขณะนี้สามารถทำได้แล้ว 3,900 ล้านบาท ซึ่งมั่นใจว่าจะทำได้ตามเป้าที่วางไว้ 4,200 ล้านบาทอย่างแน่นอน หรือคิดเป็น 93%