บมจ.แลนด์แอนด์เฮ้าส์ หรือ LH ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯถึงผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 3 ปี 2561 สิ้นสุด 30 กันยายน 2561 ที่ผ่านการสอบทานจากผู้สอบบัญชีเรียบร้อยแล้ว โดยบริษัทฯ ขอเรียนชี้แจงว่า งบกำไรขาดทุนงวดไตรมาส 3 ปี 2561 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจานวน 2,313.88 ล้านบาท ในขณะที่งวดเดียวกันของปีก่อน บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 3,125.37 ล้านบาท กำไรสุทธิลดลงจำนวน 811.49 ล้านบาท คิดเป็นลดลง 25.96% เกิดขึ้นจาก

  1. ในไตรมาสที่ 3 ปี 2561 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายเท่ากับ 7,095.01 ล้านบาทในขณะที่งวดเดียวกันของปีก่อนมีรายได้จากการขายเท่ากับ 9,190.11 ล้านบาท ลดลงจานวน 2,095.10 ล้านบาท คิดเป็นลดลงร้อยละ 22.80
  2. ในไตรมาสที่ 3 ปี 2561 บริษัทฯ มีอัตรากำไรขั้นต้นจากการขายเท่ากับ ร้อยละ 35.27 ในขณะที่งวดเดียวกันของปี ก่อน มีอัตรากำไรขั้นต้นจากการขายเท่ากับ ร้อยละ 35.47 อัตรากำไรขั้นต้นลดลงร้อยละ 0.20

ผลจากข้อ 1. และ 2. ทำให้กำไรขั้นต้นของบริษัทฯ ลดลงจานวน 757.62 ล้านบาท

  1. สัดส่วนรายได้จากการขายบ้านมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

4.รายได้ค่าเช่าและค่าบริการเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปี ก่อนมีรายละเอียดดังนี้

  1. ในไตรมาสที่ 3 ปี 2561 และ 2560 บริษัทฯ มีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมดังนี้

  1. ตารางเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายไตรมาสที่ 3 ปี 2561 และปี 2560 มีดังนี้

ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2561 ค่าใช้จ่ายในการบริหารลดลงจานวน 165.30 ล้านบาท จากการกลับรายการหนีสิ้นจากคดีความที่มีการทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับนิติบุคคลคอนโดมิเนียม 2โครงการ ทำให้ค่าใช่จ่ายในการบริหารลดลง

ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2561 ภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มขึ้น จำนวน 79.82 ล้านบาท

 

รายได้ทรุดฉุดกำไร 9 เดือน ปี 2561 ลดลง 3.57 %

สาหรับงบกำไรขาดทุนงวด 9 เดือน ปี 2561 สิ้นสุด 30 กันยายน 2561 บริษัทฯและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจานวน 8,204.18 ล้านบาท ในขณะที่งวดเดียวกันของปีก่อน บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจานวน 8,507.96 ล้านบาท กำไรสุทธิลดลงจานวน 303.78 ล้านบาท คิดเป็นลดลงร้อยละ 3.57 เกิดขึ้นจาก

1. ใน 9 เดือนแรกของ ปี 2561 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายเท่ากับ 22,749.79 ล้านบาทในขณะที่งวดเดียวกันของปีก่อนมีรายได้จากการขายเท่ากับ 24,760.96 ล้านบาท ลดลงจำนวน 2,011.17 ล้านบาท คิดเป็นลดลงร้อยละ 8.12

2. ใน 9 เดือนแรกของ ปี 2561 บริษัทฯ มีอัตรากำไรขั้นต้นจากการขายเท่ากับ ร้อยละ 36.49 ในขณะที่งวดเดียวกันของปี ก่อน มีอัตรากำไรขั้นต้นจากการขายเท่ากับ ร้อยละ 35.65 อัตรากาไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.84

 

ผลจากข้อ 1. และ 2. ทำให้กำไรขั้นต้นของบริษัทฯ ลดลงจานวน 525.60 ล้านบาท

3. ใน 9 เดือนแรกของ ปี 2561 บริษัทฯ มีการขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนในสหรัฐอเมริกา ราคาขาย 4,544.13 ล้านบาท มีกำไรจากการขายก่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลจานวน 1,332.50 ล้านบาท ในขณะที่งวดเดียวกันของปี ก่อน บริษัทฯ รับรู้กำไรจากการขายโรงแรม แกรนด์เซ็นเตอร์พ้อยท์ ราชดาริ ของบริษัทย่อย ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้นอยู่ร้อยละ 60 โดยมีกาไรก่อนก่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล จำนวน 2,080.10 ล้านบาท คิดเป็นส่วนของบริษัทฯ จำนวน 1,248.06 ล้านบาท

4. สัดส่วนรายได้จากการขายบ้านมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

5. รายได้ค่าเช่าและค่าบริการเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปี ก่อนมีรายละเอียดดังนี้

 

  1. ใน 9 เดือนแรก ปี 2561 และ 2560 บริษัทฯ มีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมดังนี้

  1. ตารางเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายงวด 9 เดือนแรก ปี 2561 และปี 2560 มีดังนี้

ในช่วง 9 เดือนแรก ของปี 2561 ค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มขึ้น จำนวน 180.11 ล้านบาท จากการตั้งประมาณการหนีสิ้นจากค่าซ่อมสาธารณูปโภคที่ต้องจัดทำเพื่อส่งมอบงานสาธารณูปโภคให้กับนิติบุคคลบ้านจัดสรร และบ้านในโครงการที่บริษัทฯ ต้องซื้อคืนมารวมทั้งสองรายการเป็นเงินประมาณ 247 ล้านบาท

 

ในช่วง 9 เดือนแรก ของปี 2561 ภาษีเงินได้นิติบุคคลลดลงจำนวน 284.54 ล้านบาท