บาเนีย เผยทำเลฮอต Top 3 ในกรุงเทพฯ-และหัวเมืองใหญ่ จากฐานข้อมูลผู้ค้นหาบ้านบนโลกออนไลน์ และโซเชียล มีเดีย พบราคา 1-2 ล้านบาทถูกค้นหามากสุด ขณะที่ที่อยู่อาศัยในเมืองยังได้รับความสนใจจากผู้บริโภค เช่นเดียวกับโฮมออฟฟิศนอกเมือง

นางสาวอัญชนา วัลลิภากร ผู้ร่วมก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บาเนีย (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทเทคโนโลยีที่พัฒนาเกี่ยวกับ Big Data ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในรูปแบบ Comprehensive Marketplace และ Data Platform รายแรกของประเทศไทย กล่าวว่า จากการเก็บข้อมูลพฤติกรรมการค้นหาที่อยู่อาศัยผ่านเว็บไซต์ www.baania.com ตั้งแต่เดือนมกราคม-ตุลาคม 2561 พบว่า มีผู้ค้นหาที่อยู่อาศัยจำนวน 7 ล้านคน รวม 13.6 ล้านเพจวิว แบ่งเป็น ผู้ค้นหาที่อยู่อาศัยที่อยู่ในกรุงเทพฯ 71.7% เชียงใหม่ 7.1% และชลบุรี 3.9%

 

จากจำนวนผู้ค้นหาที่อยู่อาศัยทั้งหมด 7 ล้านคน เป็นเพศหญิง 57% และเพศชาย 43% มีอายุตั้งแต่  25-34 ปี 35-44 ปี และ 45-54 ปี ตามลำดับ โดยส่วนใหญ่หรือประมาณ 71% ค้นหาผ่านโทรศัพท์มือถือ อีก 24% ค้นหาผ่านคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ และอีก 5% ค้าหาผ่านทางแท็บเล็ต ขณะที่แบรนด์โทรศัพท์มือถือที่ใช้ในการค้นหามากที่สุดคือ แอปเปิล 40% ซัมซุง 31% และ ออปโป้ 13%

 

สำหรับ “ประเภท”ที่อยู่อาศัยที่มีการค้นหามากที่สุด ได้แก่ บ้านเดี่ยว 45.7% ส่วนคอนโดมิเนียม และทาวน์โฮม มีการค้นหาในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกันคือ 25.42% และ 25.16% ตามลำดับ ด้าน “ราคา” ที่อยู่อาศัยที่มีการค้นหามากที่สุด คือ ระดับราคา 1-2 ล้านบาท คิดเป็น 28.3% ขณะที่ระดับราคา 2-3 ล้านบาท และ 3-5 ล้านบาท มีการค้นหาในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน คือ 23.3% และ 22.6% ตามลำดับ

 

ในส่วนของ “ทำเล” ที่มีผู้ค้นหาที่อยู่อาศัยมากที่สุด 3 อันดับแรกในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล ในประเภทที่อยู่อาศัยแนวราบ ได้แก่ 1.บางใหญ่ 5%  2. ทุ่งครุ 3%  และ 3. หนองแขม 2%  ส่วนทำเลที่มีการค้นหาโครงการแนวสูง หรือคอนโดมีเนียมมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 1. แม่น้ำเจ้าพระยาช่วงเจริญกรุง-สำเหร่ 11%  2. เรวดี-ติวานนท์ 6%  และ 3. ดินแดง-ห้วยขวาง 2%

 

จังหวัดเชียงใหม่ทำเลยอดนิยมในการค้นหาที่อยู่อาศัย 3 อันดับแรก ได้แก่ 1.ย่านสันพระเนตร-สันทราย  22%  2.ย่านช้างเผือก 8%  3.ย่านหางดง 7%  ส่วนจังหวัดนครราชสีมา 3 อันดับแรก ได้แก่ 1.ย่านสุรนารี 26% 2.ย่านจอหอ 16%  3.ย่านหัวทะเล 3% จังหวัดชลบุรี 3 อันดับแรก ได้แก่ 1.ย่านบ้านปึก 31%  2.ย่านศรีราชา-แหลมฉบัง 10%  3.ย่านพัทยา 7% และจังหวัดภูเก็ต 2 อันดับแรก ได้แก่ ย่านเกาะแก้ว และย่านเจ้าฟ้า

 

นางสาวอัญชนา กล่าวอีกว่า บริษัทฯได้พัฒนาเทคโนโลยี Big Data เพื่อให้ผู้บริโภคได้ใช้เป็นแหล่งข้อมูลที่สมบรูณ์สำหรับการตัดสินใจซื้ออสังหาริมทรัพย์ได้แบบรายบุคคล (Personalization) โดยในปี 2561 คาดว่าจะมียอดผู้เข้าใช้บริการรวม 9 ล้านคน 17 ล้านเพจวิว ซึ่งจะทำให้บริษัทมีข้อมูลพฤติกรรมผู้บริโภคกว่า 3,500 ล้าน Consumer Data Point  ในการนำมาวิเคราะห์ความต้องการของผู้บริโภคให้กับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ สถาบันการเงิน และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการลงทุน

 

ขณะที่เดียวกัน บริษัทฯยังได้ขยายพื้นที่การจัดเก็บข้อมูลโครงการอสังหาริมทรัพย์ภายในสิ้นปี 2561 ข้อมูลโครงการจะครอบคลุมทั้งหมด 26 จังหวัด ซึ่งจะทำให้บริษัทมีข้อมูลโครงการทั้งสิ้น 14,738 โครงการ มีแบบบ้าน 32,421 แบบบ้าน จากจำนวน 2,593,680 ยูนิต รวมทั้งข้อมูลโครงการบ้านมือสองที่ได้รับความร่วมมือจากโบรกเกอร์อีกจำนวน 180,000 ยูนิต

 

 “ในปี 2562 คาดว่าจะมีผู้ใช้บริการผ่านเว็บไซต์ www.baania.com เฉลี่ย 1.5 ล้านคนต่อเดือน หรือประมาณ 18 ล้านคนต่อปี ส่วนการจัดเก็บข้อมูลจะเริ่มขยายไปในจังหวัดรองที่มีการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ และการเก็บข้อมูลซ้ำใน 26 จังหวัดที่บริษัทดำเนินการอยู่แล้ว” นางสาวอัญชนากล่าว

 

ทั้งนี้ บริษัทฯจะยังคงเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีและบริการด้านข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เพื่อตอบสนองความต้องการที่ครอบคลุม ทั้งผู้บริโภค ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง ไม่เฉพาะแค่เพียงบริษัทรายใหญ่ แต่ยังให้ความสำคัญกับผู้ประกอบการรายกลางและรายเล็กให้สามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างครบถ้วนในต้นทุนที่ต่ำ ทำให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรมและเท่าเทียมกันด้วยการใช้ข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ โดยบริษัทฯได้เตรียมจัดแพ็คเกจบริการด้านพร็อพเพอร์ตี้ เทคโนโลยี และ Big data analytics  ที่เหมาะสมกับผู้ประกอบการในทุกระดับ