อัลติจูดฯเตือนผู้ประกอบการลงทุนเกินตัวอาจรับผลกระทบมาตรการLTV  เปิดแผนปี62 จ่อผุด 4 โครงการใหม่ ครอบคลุม 4 เซกเมนต์ รวมมูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท ประเดิมที่ดินจากตระกูลเก่า ผุด“อัลติจูด ซิมโฟนี เจริญนคร-สาทร” มูลค่า 980 ล้านบาท พร้อมเปิดพรีเซลไตรมาส1/62 มั่นใจสินค้านตอบโจทย์ สินค้าเพิ่มมูลค่าต่อเนื่อง คาด 3 เดือนแรกฟันยอดขาย 80%  

 

นายชยพล หรรรุ่งโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ภายใต้แบรนด์  ‘ALTITUDE’ เปิดเผยว่า ในช่วงปีที่ผ่านมาถือเป็นความท้าทายสำหรับการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ แม้อัตราการขยายตัวปี2560 ที่ผ่านมายังขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องซึ่งในสินค้าบางประเภท (Segment) โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมต้องยอมรับว่าจำนวนยูนิตใหม่ (Supply)มากกว่าความต้องการซื้อ (Demand) โดยปัจจุบันมีจำนวนยูนิตใหม่เข้ามาประมาณ 170,000 ยูนิต และมีอัตราการขายได้ 75% ต่อจำนวนยูนิตออกใหม่ทั้งหมด ดังนั้นจึงเป็นโจทย์สำคัญให้ อัลติจูด ต้องพัฒนาโครงการที่มีคุณภาพ ทั้งการเลือกทำเล การออกแบบ และพัฒนาสินค้า ให้ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย ที่ได้ศึกษามาแล้วในแต่ละโครงการ

 

ส่วนมาตรการกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (Loan to Value :LTV) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)มองว่าไม่เกี่ยวกับว่าจะเป็นผู้ประกอบการรายเล็กหรือรายใหญ่ แต่เกี่ยวกับเซกเมนต์ที่พัฒนาขึ้นมามากกว่า หากเป็นผู้ประกอบการที่มีเม็ดเงินน้อยแต่ลงทุนเกินตัว หรือบริษัทที่พัฒนาที่อยู่อาศัยราคาถูก ก็จะได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน ส่วนกลุ่มที่พัฒนาที่อยู่อาศัยราคาสูงนั้น ไม่มีผลกระทบต่อลูกค้าอย่างแน่นอน เพราะลูกค้ามีกำลังซื้อจริง

สำหรับแผนการดำเนินงานของบริษัทปี 2562 บริษัทยังคงเดินหน้าขยายการลงทุนและพัฒนาโครงการใหม่ใจกลางเมืองทั้งแนวราบ และแนวสูง บนขนาดที่ดินไม่ใหญ่มาก เนื่องจากในปัจจุบันที่ดินในเมืองค่อนข้างหายากและจำกัด ซึ่งจะจับกลุ่มตลาดที่มีกำลังซื้อมาก นอกจากนี้ บริษัทยังมุ่งพัฒนาที่อยู่อาศัยให้เป็นโครงการที่มุ่งเจาะกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการอยู่อาศัยในเมือง ทุกโครงการจะต้องลงสำรวจตลาด ควบคุมไปกับการวิจัย เพื่อให้สามารถเสนอราคาแข่งขันกับคู่แข่งได้ ไปทำเลที่ไม่มีซัพพลายในสินค้าที่จะเข้าทำตลาด คู่แข่งน้อย ซึ่งมีแผนจะพัฒนาประมาณ 4 โครงการ มูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท ครอบคลุม 4 เซกเมนต์ ได้แก่ คอนโดฯลักชัวรี,คอนโดฯระดับกลาง,โฮมออฟฟิศ และบ้านหรูใจกลางเมือง ซึ่งอาจจะมีบางเซกเมนต์ที่มีการพัฒนามากกว่า 1 โครงการด้วย

 

โดยในจำนวนดังกล่าวคือ “โครงการ “อัลติจูด ซิมโฟนี เจริญนคร-สาทร” ตั้งอยู่บนพื้นที่ 369 ตารางวา บริเวณถนนจันทน์ 44  ซึ่งบริษัทฯซื้อมาจากครอบครัวเก่าแก่ แต่ไม่สามาถเปิดเผยข้อมูลได้ พัฒนาในรูปแบบคอนโดมิเนียม สูง 21 ชั้น 1 อาคารขนาดตั้งแต่ 30.01-147.95 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้นที่ 4.9-29 ล้านบาท จำนวน 99 ยูนิต มูลค่าโครงการ 980 ล้านบาท โดยจะเปิดพรีเซลในไตรมาส1/2562 และคาดว่าภายในไตรมาสแรกจะสามารถทำยอดขายได้ 80% ด้านการก่อสร้างจะเริ่มดำเนินการในไตรมาส1/2562 และแล้วเสร็จในไตรมาส4/2563 และคาดว่าในปีนี้บริษัทฯจะสามารถทำยอดขายได้ 700 ล้านบาท และรับรู้รายได้ 500 ล้านบาท

ด้านนายขวัญชัย ยิ่งเจริญถาวรชัย กรรมการบริหาร บริษัท อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า ตลาดที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพมหานครยังขยายตัวได้อีก ตามการขยายตัวของแนวรถไฟฟ้า ซึ่งบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม หรือคอนโดมิเนียม โดยแต่ละเซกเมนต์ทำเลที่อยู่อาศัยจะแตกต่างกัน ตามวัตถุประสงค์ของผู้ซื้อ ในส่วนของคอนโดมิเนียมกลางใจเมือง โครงการที่ใกล้รถไฟฟ้าจะเป็นอีกแม่เหล็กที่ดึงดูดผู้ซื้อ แต่ทั้งนี้โครงการที่ใกล้แหล่งที่เรียน หรือสาธารณูปโภคอื่นๆก็เป็นปัจจัยสำคัญ โดยในย่านเจริญกรุงสาทร ถือเป็นทำเลที่มีการขยายตัวสูงมากระยะหลายปีที่ผ่านมาราคาที่ดินปรับสูงขึ้นเฉลี่ย 8% เนื่องจากที่ดินบริเวณนี้หาไม่ได้ง่าย การเติบโตของชุมชนสูง และเป็นชุมชนที่อยู่อาศัยกันมาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษ ดังนั้นSupply ยังมีไม่มากในขณะที่ Demand ยังมีล้น

อัลติจูด ซิมโฟนี เจริญกรุง-สาทร จึงเป็นที่สุดแห่งทำเลใจกลางย่านเจริญกรุง-สาทร เป็นโครงการ Luxury riverside condominiumใน CBD โครงการเดียวที่เปิดตัวในรอบ 2 ปี สะท้อนรสนิยมและความภาคภูมิใจ ผ่านการเลือกสรรที่บ่งบอกถึงตัวตน สุนทรียะแห่งการอยู่อาศัย มีพื้นที่เพื่อการใช้เวลาอันมีค่าร่วมกับครอบครัวและเติมเต็มความสมบูรณ์แบบของชีวิตในเมือง

 

 

“ระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา เจริญกรุง-สาทร มีพัฒนาการการเติบโตของพื้นที่ที่ชัดเจน และเป็นเอกลักษณ์  โดยเฉพาะโครงการอสังหาริมทรัพย์เป็นระดับ 5 ดาว โดยปัจจุบันคอนโดมิเนียมมีราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรสูงกว่า 200,000บาท การคัดสรรทำเลและตัวโครงการ อัลติจูด ซิมโฟนี จึงตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยมาก และคาดว่าในปี 2563 ราคาขายคอนโดฯโดยเฉลี่ยในย่านดังกล่าวน่าจะปรับขึ้นมาที่ประมาณ 256,800 ล้านบาท” นายขวัญชัย กล่าว