ชาญอิสสระฯคาดตลาดอสังหาฯปี62 แข่งดุ น่ากลัวมากขึ้น จากสภาวะเศรษฐกิจผันผวน มั่นใจมาตรการธปท.ไม่กระทบธุรกิจ เปิดแผนปีหน้าผุดโครงการใหม่เฟสต่อขยาย มูลค่ากว่า 6,000 ล้านบาท เน้นนำที่ดินสะสมมูลค่า 3000-4,000 ล้านบาท พัฒนาสร้างรายได้ต่อเนื่อง  ทั้งเตรียมขยายฐานบริหารรร.สิบสองปันนา  มั่นใจเป้ารายได้ปีนี้โตตามเป้า 10-15%

 

นายสงกรานต์ อิสสระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด(มหาชน)หรือ CI เปิดเผยถึงทิศทางอสังหาริมทรัพย์ในช่วงที่เหลือของปี 2561 นี้ว่า การแข่งขันด้านการตลาดอาจจะมีความคึกคักลดลงเมื่อเทียบกับช่วงปีที่ผ่านมา โดยได้รับปัจจัยกระทบจากภาคการท่องเที่ยวที่ตัวเลขตกลงในช่วง 2-3 เดือนมาแล้ว ส่งผลให้รายได้จากภาคการท่องเที่ยวของประเทศลดลงตามไป โดยเฉพาะจากลูกค้าชาวจีน ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวส่งผลทำให้สภาพหมุนเวียนทางการเงินลดลง ประกอบกับนโยบายสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาคการค้าที่จะมีการวางกฎเกณฑ์เรื่องของการนำเงินออกนอกประเทศมากขึ้น ส่วนตลาดอสังหาฯปี2562 การแข่งขันด้านการตลาดและการขายจะน่ากลัวมากขึ้น เพราะสภาวะเศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอนและผันผวนมาก

 

ขณะเดียวกันในส่วนของประเทศไทยนั้น มาตรการคุมเข้มสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) จะมีผลกระทบต่อโครงการที่อยู่ในระดับกลาง-ล่าง ที่อาจจะได้รับการอนุมัติสินเชื่อที่ยากขึ้น โดยในส่วนของการดำเนินธุรกิจของชาญอิสสระฯ ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯมีการทำการตลาดเพื่อระบายสต๊อกสินค้าในกลุ่มระดับกลาง-ล่าง มาตลอดทั้งปี อีกทั้งโครงการต่างๆของบริษัทเน้นสินค้าระดับไฮเอนด์ จึงส่งผลให้มาตรการดังกล่าวของแบงก์ชาติที่ออกมาไม่ได้มีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจมากนัก

 

“ปกติ 2-3 ปีที่แล้วมีการซื้อขายกับชาวจีนที่มาซื้อคอนโดฯเมืองไทยค่อนข้างมาก ตอนนี้ลดน้อยลง ซึ่งก็เป็นปัจจัยที่เห็นได้ชัดว่า ในช่วงปลายปีนี้ตลาดอสังหาฯ อาจจะไม่ได้คึกคักมาก สำหรับกำลังการซื้ออสังหาฯ ที่ผ่านมา มีทั้งชาวไทย และต่างชาติ โดยในส่วนของชาวจีนถือเป็นสัดส่วนที่ช่วยดึงกำลังซื้อได้พอสมควรในการเข้ามาจับจ่ายใช้สอย หลายๆโครงการอาจจะมีผลมาก จากเหตุการณ์สงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ ที่ต้องมีการคุมเข้มเรื่องการเอาเงินออกจากประเทศจีน ก็มีผลส่วนหนึ่งต่อสภาพการหมุนเวียนทางการเงิน”นายสงกรานต์ กล่าว

 

สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2562 บริษัทฯจะเน้นการใช้ที่ดินเปล่าที่มีอยู่มาพัฒนา เพื่อสร้างรายได้กลับคืนมา โดยจะเน้นการพัฒนาพื้นที่ในหัวหินและภูเก็ตเป็นส่วนใหญ่ ส่วนโครงการในกรุงเทพฯบริษัทจะพัฒนาเฉพาะทำเลในเมืองที่มีศักยภาพ เจาะกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง และลูกค้าชาวต่างชาติ และเป็นทำเลที่มีซัพพลายใหม่ในตลาดออกมาไม่มากนัก ซึ่งจะมีการแข่งขันที่ไม่รุนแรงมาก  ดังนั้นในปี2562 บริษัทฯจึงไม่ได้ตั้งงบในการซื้อที่ดิน  เนื่องจากยังมีที่ดินที่ยังไม่ได้พัฒนามีมูลค่ารวม 3,000-4,000 ล้านบาท

 

 

โดยในปี 2562 บริษัทฯจะใช้งบประมาณในการพัฒนาโครงการใหม่และโครงการในเฟสต่อเนื่อง มูลค่ากว่า  6,000 ล้านบาทประกอบด้วย 1.โครงการคอนโดมิเนียมหรูย่านถนนจันทร์-สาทร ตั้งอยู่บนพื้นที่ 1.5 ไร่  23 ชั้น ราคาเฉลี่ย 170,000 บาท/ตารางเมตร  มูลค่าโครงการประมาณ 2,000 ล้านบาท ความคืบหน้าขณะนี้อยุ่ในระหว่างการออกแบบ คาดว่าจะสามารถเปิดขายได้ในไตรมาส2/2562

 

2.ส่วนต่อขยายโรงแรมบาบา บีช คลับ หัวหิน เมนโฮเทล เป็นอาคารสูง 12 ชั้น จำนวน 50 ห้อง มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท

3.โครงการบ้านพักตากอากาศ พูลวิลล่า 7 หลังภายในโครงการทิวทะเลเอสเตท มูลค่าโครงการ 200 ล้านบาท

4.วาเคชั่น คลับ ตั้งอยู่ภายในโครงการทิวทะเลเอสเตท เป็นอาคารสูง 10 ชั้น จำนวน 80 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,5000 ล้านบาท

5. ส่วนต่อขยายของโรงแรม ศรีพันวา ภูเก็ต คอนเวนชั่นฮอลล์ ขนาดจุ 400 คน พร้อมห้องพักแบบพูลสวีท จำนวน 20 ห้อง มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท

และ 6.โครงการบ้านพักตากอากาศ พูลวิลล่า อีกจำนวน 4 หลัง มูลค่าโครงการ 200 ล้านบาท แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ในขณะนี้

 

“ทั้ง 6 โครงการถือเป็นโครงการที่จะมาช่วยเติมเต็มและรองรับการขยายธุรกิจของบริษัทในอนาคต โดยเฉพาะในส่วนของการพัฒนาส่วนต่อขยายของโรงแรมไม่ว่าจะเป็นโรงแรมศรีพันวา ภูเก็ต โรงแรมบาบาบีช คลับ หัวหิน โรงแรมบาบา บีช คลับ ภูเก็ต รวมถึงโครงการวาเคชั่นคลับ ซึ่งถือเป็นแนวคิดใหม่ในการพัฒนาที่พักตากอากาศสำหรับกลุ่มคนที่สนใจเป็นเจ้าของห้องพักในงบประมาณที่ไม่ถึงหนึ่งล้านบาท แต่ได้พักในอาคารที่มีการออกแบบและบริการระดับโรงแรม 5 ดาว” นายสงกรานต์ กล่าว

 

ในส่วนของความคืบหน้างานที่ปรึกษา และบริหารงานโรงแรมที่ไห่หนาน มณฑลไหหลำ ประเทศจีน กับบริษัท จุนฟา เรียลเอสเตท จำกัด มูลค่าโครงการกว่า 18,000 ล้านบาท ปัจจุบันดำเนินการก่อสร้างไปแล้วกว่า 40 % ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในเดือนตุลาคม ปี2562  ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทฯได้รับรายได้จากค่าที่ปรึกษาและบริหารงานโรงแรม ซึ่งจะเป็นรายได้ระยะยาวให้กับบริษัทต่อไปด้วย และเมื่อไม่นานมานี้กลุ่มจุนฟาก็ได้เชิญทีมพัฒนาโครงการของชาญอิสสระเข้าไปดูพื้นที่และศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาโรงแรมต่อที่ สิบสองปันนา มณฑลยูนาน ประเทศจีน เพื่อลงทุนพัฒนาในปี2562 อีกด้วย แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้

 

ด้านแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2561 คาดว่าจะเป็นไตรมาสที่ผลการดำเนินงานโดดเด่นที่สุด เพราะเริ่มมีการโอนโครงการเข้ามามากขึ้น โดยที่ปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอนอยู่ที่ 1,500 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ไปจนถึงปี 2562 โดยที่เดือนตุลาคม ที่ผ่านมารับรู้รายได้ไปแล้ว 200-300 ล้านบาท โดยมั่นใจว่ารายได้ในปีนี้จะเติบโตได้ตามเป้าหมาย 10-15% และธุรกิจโรงแรมก็ยังคงมีรายได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าผลการดำเนินงานในปีนี้จะมีกำไร หลังจากที่ครึ่งปีแรกของปี 2561 บริษัทมีผลการดำเนินงานขาดทุนสุทธิ 88.31 ล้านบาท ส่วนปี 2562 ตั้งเป้ารายได้ เติบโต 25% สูงขึ้นจากปีนี้ที่ตั้งเป้าไว้เติบโต 10-15%

 


ด้านนายดิฐวัฒน์ อิสสระ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานพัฒนาธุรกิจ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือCI และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ร่วมอิสสระ จำกัด  กล่าวถึงภาพรวมการดำเนินธุรกิจในส่วนของโครงการทิวทะเลเอสเตท โครงการ Mixed Use เต็มรูปแบบแห่งแรกในหัวหิน ด้วยคอนเซปต์โครงการบ้านพักตากอากาศแบบครบวงจร ที่มีทั้ง คอนโดมิเนียม โรงแรม พูลวิลล่า ร้านอาหาร รวมถึงพื้นที่รองรับการจัดกิจกรรม อีเวนท์ และงานสันทนาการต่างๆ ปัจจุบันมีโครงการแล้วเสร็จรวม 4โครงการ ประกอบด้วยโครงการคอนโดมิเนียม ได้แก่ โครงการบ้านทิวทะเล อความารีน (Aquamarine), โครงการบ้านทิวทะเล บลูแซฟไฟร์ (Blue Sapphire), โครงการบลู (Blu) นอกจากนี้ยังมีโครงการ Baba Beach Club Hotel & Residences Hua Hin และ “บ้านโชค” ซึ่งเป็นบ้านพักตากอากาศเก่าแก่ของตระกูลโชควัฒนา ในสไตล์หัวหินโคโลเนียล ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้รับความสนใจจากลูกค้าเป็นอย่างดี ประกอบกับเราได้มีการทำกิจกรรมทางการตลาดเพื่อสร้างการรับรู้และกระตุ้นยอดขายมาอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปีอีกด้วย

 

“จากกระแสตอบรับของนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาพัก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวชาวไทย, จีน,  อเมริกา, ไต้หวัน, สหราชอาณาจักร, เกาหลี, ฮ่องกง, แคนาดา,รัสเซีย, สวิตเซอร์แลนด์ ทำให้ในปีหน้าเราเตรียมที่จะทุ่มงบประมาณในการสร้างส่วนต่อขยายของโรงแรมเพื่อเป็นการรองรับนักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมตึกสูง (Main Hotel) ซึ่งเป็นอาคารสูง 12 ชั้น จำนวน 50 ห้อง ที่มาพร้อมห้องบอลรูม ขนาดใหญ่, บ้านพักตากอากาศ พูลวิลล่า จำนวน 7 หลัง 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ รวมถึงวาเคชั่นคลับ อาคารสูง 10 ชั้น จำนวน  80 ยูนิต ” นายดิฐวัฒน์ กล่าว

 

สำหรับโครงการส่วนต่อขยายในส่วนของพูลวิลล่า (บาบา บีช คลับ เรสซิเดนซ์ เฟส2) สุดหรู จำนวน 7 ยูนิต ออกแบบดีไซน์ในสไตล์นีโอโคโลเนียลโดย บริษัท ฮาบิต้า จำกัด ประกอบด้วยวิลล่า 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ พื้นที่ใช้สอย 167.50 ตารางเมตร ในราคาเริ่มต้น 31.9 ล้าน มูลค่าโครงการ 200 ล้านบาท โดยมีทีมงานบริหารจากโรงแรมศรีพันวา เข้ามาช่วยบริหารจัดการด้านการลงทุนปล่อยเช่าให้กับลูกค้าอีกด้วย ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินงานก่อสร้าง

 

นอกจากนี้ในส่วนของการพัฒนาวาเคชั่นคลับ เป็นอาคารสูง 10 ชั้น 80 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท ถือเป็นโปรเจกต์ใหม่ที่น่าสนใจสำหรับการสร้างประสบการณ์การวางโปรแกรมการพักผ่อนสำหรับนักเดินทางยุคใหม่ อีกทั้งยังเป็นคอนเซ็ปต์ใหม่ ของการพัฒนาที่พักตากอากาศ สำหรับกลุ่มคนที่สนใจเป็นเจ้าของในงบประมาณที่ไม่ถึง 1 ล้านบาท แต่ได้พักในอาคารที่บริการระดับโรงแรม 5 ดาว โดยในระยะเริ่มต้นจะนำโรงแรมในเครือ อาทิ โรงแรมศรีพันวา ภูเก็ต, โรงแรม บาบา บีช คลับ ภูเก็ต และ โรงแรม บาบา บีช คลับหัวหิน  เข้าร่วมนำร่องก่อน ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างในปี 2562

 

“ส่วนพื้นที่ด้านหน้าโครงการที่ซื้อเพิ่มมา 20 ไร่ และจะแบ่งพัฒนาเป็นธุรกิจเชิงพาณิชย์และปั๊มน้ำมันที่สวยที่สุดในประเทศไทย ซึ่งขณะนี้ได้เลือกที่จะนำปั๊มเชลล์ มาลงในพื้นที่ ขณะนี้อยู่ในระหว่างการออกแบบ จึงยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้”นายดิฐวัฒน์ กล่าว


ขณะที่นายวรสิทธิ์ อิสสระ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศรีพันวา แมเนจเมนท์ จำกัด  กล่าวถึงภาพรวมการดำเนินธุรกิจโรงแรมที่ผ่านมายังได้รับการตอบรับจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีปัจจัยด้านการท่องเที่ยว และการลดลงของจำนวนนักท่องเที่ยวจากเหตุการณ์ต่างๆ เข้ามากระทบ แต่ภาพรวมของอุตสาหกรรมโรงแรมก็ยังเติบโตได้ดี โดยในส่วนของอัตราการเข้าพักอาจจะมีการปรับตัวลดลงไปบ้าง แต่ในด้านของการเข้าใช้บริการของร้านอาหาร การใช้สถานที่จัดงาน ยังได้รับการตอบรับที่ดีโดยตลอดทั้งปีที่ผ่านมา มีกิจกรรมอีเว้นทั้งหมด 87 งาน

 

“ภาคการท่องเที่ยวอาจจะได้รับผลกระทบจากนักท่องเที่ยวจีนที่หายไปเป็นจำนวนมาก แต่โรงแรมศรีพันวา มีนักท่องเที่ยวจีนหายไปไม่เกิน 5% ซึ่งในปี 2562 ก็คงจะลดน้อยลงอีกอย่างต่อเนื่อง แต่บริษัทฯก็พยายามทำตลาดด้วยการหาลูกค้ากลุ่มใหม่เข้ามาเสริมอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันลูกค้าที่มาพักในศรีพันวา ส่วนใหญ่เป็นคนไทย สัดส่วน 30% จีน 25% สหรัฐฯกว่า 10% และสัดส่วนที่เหลือเป็นลูกค้าชาวยุโรป เป็นต้น”นายวรสิทธิ์ กล่าว

 

อย่างไรก็ตามในปัจจุบันยังได้พัฒนาพูลวิลล่าโซนใหม่ ดีไซน์ในสไตล์ทรอปิคอลคอนเทมโพรารี่ ออกแบบโดยบริษัท แฮบบิต้า จำกัด  ผู้ออกแบบโรงแรมศรีพันวา ภูเก็ต ประกอบด้วยพูลวิลล่า 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ จำนวน 4 หลัง พื้นที่ใช้สอย 150 ตารางเมตร และพื้นที่ส่วนกลางอีกกว่า 1,000 ตารางเมตร มีสระว่ายน้ำและพูลบาร์ มูลค่าโครงการรวม 200 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จในปลายปี 2562

นอกจากนี้ในปีปลาย 2561  บริษัทฯยังเตรียมที่จะนำโรงแรม บาบา บีช คลับ หัวหิน เข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์โรงแรมศรีพันวา หรือกองทรัสต์ SRIPANWAมูลค่าไม่เกิน 550 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอมติจากผู้ถือหน่วยลงทุน ที่จะมีการประชุมในวันที่ 14 ธันวาคม 2561 นี้ โดยหากผู้ถือหน่วยมีมติเห็นชอบการเข้าลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติมในครั้งนี้จะส่งผลให้ขนาดมูลค่าทรัพย์สินรวมของกองทรัสต์โตขึ้นจากเดิมที่ประมาณ 3,700 ล้านบาท เป็นมูลค่ากว่า 4,200 ล้านบาท และในปี 2562 จะขายสินทรัพย์เข้ากองอีก 800-1,000 ล้านบาท ซึ่งจะมีสินทรัพย์ของบริษัทและสินทรัพย์จากภายนอกที่บริษัทจัดหามาขายเข้ากอง เพื่อขยายขนาดกองทรัสต์ SRIPANWA ให้เพิ่มขึ้น