ปรีดา เรียลเอสเตทฯภาครัฐยังแก้ปัญหาปล่อยสินเชื่อแบงก์ไม่ได้ ดีมานด์ตลาดกลาง-ล่าง ยังไม่คืนตลาดแน่ แนะผู้ประกอบการพัฒนาโครงการต้องมีจุดขายที่ชัดเจน เปิดแผนระยะ3-5 ปี เน้นหาที่ดินแปลงใหม่ใกล้แนวรถไฟฟ้า ทั้งงัดแลนด์แบงก์ย่านชลบุรีผุดโครงการแนวราบ รับEECโต ด้านโครงการมิกซ์ยูส ย่านถนนประดิพัทธ์ คาดพร้อมเปิดตัวปี63

 

 

นายปิติพัฒน์ ปรีดานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปรีดา เรียลเอสเตท จำกัด ในเครือปรีดา โฮลดิ้ง จำกัด เปิดเผยว่าถึงแนวโน้มตลาดอสังหาฯในปี 2562ว่า หากภาครัฐยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาการปล่อยสินเชื่อของธนาคารได้ ดีมานด์ในตลาดระดับกลาง-ล่าง ก็ยังไม่กลับมา แต่ก็ยังมีผู้บริโภคที่มีคุณภาพดีอยู่ในระดับหนึ่ง ประกอบกับความชัดเจนด้านการก่อสร้างรถไฟฟ้าอีกหลายสาย จะทำให้ผู้ประกอบการสามารถกระจายตัวในการพัฒนาโครงการได้ แต่ก็ต้องหาจุดขายโครงการให้ชัดเจน เพื่อเป็นทางการสำหรับลูกค้า เชื่อว่าจะมีสินค้าที่มีคุณภาพมากขึ้น  ซึ่งจะส่งผลให้ดีมานด์ในตลาดระดับกลาง-ล่างกลับมาภายในระยะเวลา 3-4 ปีนี้อย่างแน่นอน

 

ในส่วนแนวทางการดำเนินงานของบริษัทฯนั้นยังคงเน้นการพัฒนาโครงการในทำเลที่มีความชำนาญ เน้นโครงการคุณภาพ ราคาที่ดีกว่าคู่แข่งขันในย่านเดียวกัน เนื่องจากมีความได้เปรียบในเรื่องต้นทุนการก่อสร้าง ที่มีบริษัทรับเหมาก่อสร้างของตนเอง คือ ห้างหุ้นส่วนจำกัดปรีดาก่อสร้าง ที่ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาได้หยุดรับงานก่อสร้างโครงการภายนอกและเน้นก่อสร้างโครงการของปรีดา เรียลเอสเตทฯเท่านั้น

 

โดยในระยะเวลา 3-5 ปี จะเน้นการหาที่ดินแปลงใหม่ๆใกล้แนวรถไฟฟ้า พัฒนาโครงการมากขึ้น รวมไปถึงการรุกอสังหาฯในพื้นที่ โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC) เนื่องจากทางครอบครัวยังมีที่ดินสะสมในย่านอ.พานทอง จ.ชลบุรี อยู่อีกประมาณ 500 ไร่ ที่ก่อนหน้านี้ได้พัฒนาโครงการบ้านเดี่ยว “บ้านศรีสุวรรณ ชลบุรี”ไปส่วนหนึ่ง และพื้นที่อีกส่วนหนึ่งยังเป็นที่ตั้งโรงงานผลิตอิฐมอญ

 

นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนการพัฒนาโครงการมิกซ์ยูส ย่านถนนประดิพัทธ์ พื้นที่ประมาณ 3 ไร่ครึ่ง ประกอบด้วยคอนโดฯ ราคาไม่ต่ำกว่า 100,000 บาท/ตารางเมตร และอาคารสำนักงาน ราคาเช่าประมาณ 90,000 บาท/ตารางเมตร ซึ่งบริษัทจะปล่อยเช่าเพียงสัดส่วน 50% และที่เหลืออีก 50% บริษัทจะเก็บไว้เป็นสำนักงาน และบางส่วนจะพัฒนาพื้นที่เป็นโค เวิร์คกิ้ง สเปซ (co-working space)   ขณะนี้อยู่ในระหว่างการออกแบบ คาดว่าจะสามารถเปิดขายได้ในปี 2563

 

อีกทั้งประมาณกลางปี 2562 บริษัทฯยังมีแผนที่จะนำโครงการ “บางแคซิตี้ คอนโด” มารีโนเวทใหม่อีกครั้ง ซึ่งตั้งอยู่บริเวณซอยเพชรเกษม47 ซึ่งเป็นคอนโดฯ สูง 8 ชั้น ขนาด 28-30 ตารางเมตร ที่เปิดการขายเมื่อประมาณปี 2545 ในราคาเริ่มต้นที่ 350,000 บาท/ยูนิต จำนวนทั้งหมด 900 ยูนิต แต่ในช่วงนั้นสภาวะเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวดีนัก จึงสามารถขายได้เพียง 400 ยูนิตเท่านั้น สำหรับห้องที่เหลือที่ผ่านมาได้ปล่อยเช่าในราคา 2,500-3,500 บาท/เดือน โดยมีอัตราการเช่าประมาณ 70%

 

โดยการรีโนเวทในครั้งนี้บริษัทจะทยอยนำห้องชุดที่ยังไม่มีผู้เช่ามาปรับปรุงใหม่เป็นอันดับแรก หลังจากนั้นจะทยอยยกเลิกสัญญาเช่าในส่วนห้องพักที่เหลือ เพื่อนำมาปรับปรุงใหม่ คาดว่าเมื่อมีการปรับปรุงแล้วเสร็จ ราคาขายจะปรับขึ้นมาที่ประมาณ 890,000-900,000 บาท/ยูนิต ซึ่งได้รับอานิสงส์จากโครงการรถไฟฟ้า สายสีน้ำเงิน ที่จะเปิดตัวในปีหน้าเช่นกัน คาดว่าจะใช้งบในการรีโนเวททั้งสิ้นประมาณ 100 ล้านบาท

สำหรับความคืบหน้าโครงการ “กรีเน่ ดอนเมือง-สรงประภา” ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ 17 ไร่ครึ่ง  แบ่งการพัฒนาเป็น 3 เฟส เป็นคอนโดฯ สูง 8 ชั้น จำนวน 7 อาคาร ขนาด 22-34 ตารางเมตร ราคา 1.29-1.9 ล้านบาท  จำนวน  555 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 2,500 ล้านบาท โดยเฟสแรก จำนวน 3 อาคาร 570 ยูนิต ขณะนี้มียอดขายแล้ว 90% และได้เปิดขายในเฟสที่2 อย่างต่อเนื่องเมื่อต้นเดือนกันยายน 2561 ที่ผ่านมา ส่วนเฟส3 คาดว่าจะเปิดการขายได้ภายในอีก 2 ปีข้างหน้า และจะสามารถปิดการขายทั้งโครงการได้ประมาณปี 2564