แสนสิริฯเผยภาพรวมอสังหาฯปี62แม้มีปัจจัยลบกระทบรอบด้าน แต่มั่นใจเรียลดีมานด์มีต่อเนื่อง ล่าสุดจับมือธนาคารออมสิน เปิดตัว “HomeForLife” นวัตกรรมสินเชื่อที่อยู่อาศัยของปี ครั้งแรกในไทยที่ผสานจุดเด่น กู้ง่าย-ผ่อนสบาย-มีรายได้หลังเกษียณได้บ้านพร้อมการวางแผนการเงินในแพคเกจเดียว ตอบโจทย์ลูกค้า Smart Consumer มั่นใจไตรมาสแรกยอดขายโต 50% ก่อนมาตรการLTVบังคับใช้

 

 

นายวันจักร์ บุรณศิริ ประธานผู้บริหารสายงานการเงินและสนับสนุนธุรกิจ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยถึง ภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 2562 ว่ามีปัจจัยที่ส่งผลกระทบรอบด้าน อย่างไรก็ตามที่อยู่อาศัยยังคงเป็นปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญและยังคงมีความต้องการอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง ซึ่งต้องการที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพทั้งด้านการออกแบบที่สวยงาม ฟังก์ชั่นที่อำนวยความสะดวกต่อการใช้งานจริง และบริการที่ช่วยสนับสนุนการอยู่อาศัยซึ่งตอบโจทย์การใช้ชีวิตอย่างลงตัว ซึ่งตรงกับแบรนด์ที่แข็งแกร่ง และแนวทางการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยของแสนสิริฯ ทำให้มีความเชื่อมั่นว่าในปีนี้จะเป็นอีกปีที่ดีในการเติบโตของบริษัทฯอย่างยั่งยืน

 

ล่าสุดบริษัทได้มองเห็นเทรนด์ที่น่าสนใจในเรื่องของการวางแผนทางการเงินเพื่อความมั่นคงในระยะยาว จากการประเมินของมูลนิธิสถานบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุที่ระบุว่ากลุ่มคนอายุ 25-55 ปี ให้ความสำคัญกับการวางแผนทางการเงินให้เพียงพอสำหรับการเกษียณอายุในอนาคตถึง 55% ซึ่งแสดงให้เห็นว่าคนไทยในยุคปัจจุบันโดยเฉพาะในกลุ่มSmart Consumer หันมาวางแผนการเงินระยาวอย่างชาญฉลาดกันมากขึ้นเพื่อบรรลุเป้าหมายในการมีอิสระทางการเงินได้เร็วยิ่งขึ้น

ด้วยความเข้าใจถึงความต้องการของผู้บริโภคกลุ่ม Smart Consumer ที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ควบคู่กับการมีอิสระทางการเงินหลังเกษียณ ทำให้บริษัทได้ร่วมกับธนาคารออมสินในการพัฒนาผลิตภัณฑ์สินเชื่อ HomeForLife” ซึ่งนับเป็นนวัตกรรมทางการเงินรูปแบบใหม่ที่มีจุดเด่นจากการผสมผสานระหว่างสินเชื่อเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยในรูปแบบปกติ และ Reverse Mortgage ที่จะช่วยสร้างความมั่นคงทางการเงินในทุกช่วงชีวิตโดยภายหลังอายุ 60 ปีลูกค้าสามารถนำที่อยู่อาศัยที่มีกรรมสิทธิ์และปลอดภาระหนี้วางเป็นหลักประกันกับธนาคารออมสินเพื่อเปลี่ยนเป็นรายได้ โดยเลือกรับเป็นรายเดือน หรือก้อนใหญ่ โดยผู้กู้ยังคงมีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยนั้นตลอดช่วงชีวิต ซึ่งเป็นการวางแผนชีวิตเพื่ออนาคตระยะยาวและสร้างความมั่นคงทางการเงินได้อย่างลงตัว

 

“เราเชื่อมั่นว่าจุดเด่นของสินเชื่อ “HomeForLife” จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าเซกเมนต์ผู้ซื้อที่อยู่อาศัยในระดับราคาตั้งแต่ 1-20 ล้านบาท ทำให้ลูกค้าในทุกช่วงวัยสามารถตัดสินใจซื้อบ้านได้ง่ายขึ้น ด้วยภาระการผ่อนชำระที่สบายกว่าเดิม ทั้งยังสามารถใช้เป็นแหล่งสร้างรายได้ไปได้ตลอดชีวิต โดยตั้งเป้าลูกค้าแสนสิริใช้บริการสินเชื่อจากธนาคารออมสินมูลค่าเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 50% ภายในระยะเวลาหนึ่งปีจากการเปิดตัวสินเชื่อนี้ นอกจากนี้ยังเชื่อว่าจากปัจจัยสนับสนุนของการเปิดตัวสินเชื่อ “HomeForLife”ในช่วงนี้ จะช่วยสนับสนุนการขายในแคมเปญ “โปรหมดเปลือก” ซึ่งนำเสนอโครงการที่อยู่อาศัย ทั้งบ้านเดี่ยว คอนโดมิเนียมและทาวน์เฮาส์ พร้อมอยู่กว่า 30 โครงการทั่วประเทศ มอบข้อเสนอสุดพิเศษครอบคลุมโครงการที่อยู่อาศัยทุกเซกต์เมนต์ ตั้งแต่วันนี้จนถึง 15 มีนาคม 2562  โดยยังได้เตรียมจัดงานขายภายใต้แคมเปญ “โปรหมดเปลือก” สำหรับลูกค้าที่ต้องการที่อยู่อาศัยใหม่ ในวันที่ 8 -10 กุมภาพันธ์ 2562 นี้ที่แฟชั่นฮอลล์ ชั้น 1 สยามพารากอนอีกด้วย”นายวันจักร์ กล่าว

 

นายวันจักร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงไตรมาส 1 ของปีนี้คาดว่ายอดขายของบริษัทจะสูงกว่าไตรมาส 1/2561 ประมาณ 50% โดยในไตรมาส 1/2561 ที่มียอดขาย 6,784 ล้านบาท โดยจะมาจากมาตรการ Loan to Value (LTV) ที่ธนาคารออกมาเพื่อควบคุมการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ สำหรับสินเชื่อหลังที่ 2 เป็นต้นไปและบ้านราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคเร่งซื้อและโอนกรรมสิทธิ์ก่อนที่มาตรการดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 เมษายน 2562

 

 

“โดยปกติในช่วงไตรมาส 1 ของทุกปียอดขายจะน้อยกว่าทุกไตรมาส เนื่องจากผู้ซื้อเร่งซื้อและโอนไปในช่วงไตรมาตร 4 ไปแล้ว แต่สำหรับปีนี้บริษัทมั่นใจว่าจะมียอดขายโตกว่าไตรมาส1/2561 กว่า 50% เนื่องจากมีแรงหนุนจากมาตรการ LTV และแคมเปญโปรหมดเปลือก ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้ยอดขายในไตรมาส 1 ของบริษัทโตกว่า 50%” นายวันจักร์ กล่าว

 

อย่างไรก็ตามคาดว่าจนถึงสิ้นปี 2561 นี้บริษัทฯจะมียอดขายรอรับรู้รายได้ที่ 64,000 ล้านบาท รับรู้รายได้ในปีนี้ 11,000 ล้านบาท บริษัทยังมีสต๊อกสร้างเสร็จรอขายอีกประมาณ 1,500 ยูนิต มูลค่าประมาณ 10,000  ล้านบาท แบ่งเป็นสต๊อกของโครงการร่วมทุน 4,000 ล้านบาท และสต๊อกของแสนสิริ 6,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นบ้านเดี่ยว 3,200 ล้านบาท ทาวน์เฮาส์ 500 และคอนโดฯ 2,300 ล้านบาท

 

 

ด้านนายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการ ธนาคารออมสิน กล่าวว่า สินเชื่อ “HomeForLife” นับเป็นนวัตกรรมทางการเงินรูปแบบใหม่ที่เกิดขึ้นจากการร่วมมือกันครั้งแรกระหว่างผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และสถาบันการเงินที่เข้าใจความต้องการของผู้บริโภคที่ฉลาดวางแผนทางการเงิน ซึ่งโดยปกติเงื่อนไขของสินเชื่อแบบ Reverse Mortgage จะปล่อยกู้ให้กับผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ซึ่งจะนำที่อยู่อาศัยที่ตนมีกรรมสิทธิ์ และปลอดภาระหนี้มาเปลี่ยนเป็นรายได้ในการดำรงชีพทั้งแบบเงินก้อนและรายเดือนแต่สำหรับแพคเกจสินเชื่อ “HomeForLife” นับเป็นการสร้างจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญให้กับการตัดสินใจกู้เงิน  เพื่อซื้อที่พักอาศัยของคนไทยให้ล้ำหน้าขึ้นไปอีกขั้น ด้วยการนำ Reverse Mortgageมาผสมผสานสินเชื่อเพื่อการซื้อที่อยู่อาศัยในรูปแบบปกติ สำหรับการซื้อที่อยู่อาศัยในโครงการของแสนสิริทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียมด้วยอัตราการผ่อนชำระที่ต่ำกว่าปกติ เมื่อผู้กู้มีอายุครบ 60 ปี และที่อยู่อาศัยนั้นปลอดภาระหนี้แล้ว ธนาคารออมสินจะประเมินมูลค่าที่อยู่อาศัยจริง ณ ขณะนั้นเพื่อกำหนดวงเงินสินเชื่อแบบย้อนกลับ โดยผู้กู้สามารถเลือกรับเป็นเงินก้อนหรือเงินงวดรายเดือนและหากผู้กู้อายุครบ 60 แล้วแต่สถานะที่อยู่อาศัยยังไม่ปลอดภาระหนี้ยังสามารถขอเบิกเงินสินเชื่อแบบ Reverse Mortgage งวดแรกในอัตรา 10% เพื่อนำมาโปะปิดภาระหนี้ของที่อยู่อาศัยที่ยังเหลืออยู่ได้อีกด้วย

 

โดยสินเชื่อ “HomeForLife” เหมาะสำหรับลูกค้าทุกวัยด้วยระยะผ่อนชำระที่นาน ทำให้ผู้กู้สามารถรับรายได้จากเงินกู้นานสูงสุดจนถึงอายุ 85 ปี (โดยกำหนดระยะเวลาของการกู้เพื่อซื้อที่อยู่อาศัยตามปกติสูงสุดถึง 30 ปี และกำหนดระยะเวลาของการกู้แบบย้อนกลับแบบReverse Mortgage สูงสุดถึง 25 ปี) เมื่อครบกำหนดสัญญาแล้วหากผู้กู้ยังมีชีวิตอยู่ ธนาคารจะหยุดจ่ายเงินกู้ โดยผู้กู้ยังคงมีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยนั้นตลอดชีวิต หรือทำเรื่องกู้เพิ่มเติม หากผู้กู้เสียชีวิต ทายาทของผู้กู้สามารถไถ่ถอนที่อยู่อาศัยนั้นได้ ภายใต้เงื่อนไขการเจรจากับธนาคาร

 

“สำหรับประโยชน์ที่ชัดเจนสำหรับผู้กู้คือ สามารถเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยของตัวเองได้ง่ายขึ้น พร้อม ๆ ไปกับการสร้างความมั่นคงในทุกช่วงวัยของชีวิตอย่างสมบูรณ์แบบและไร้กังวล ด้วยอัตราการผ่อนชำระที่ต่ำกว่าปกติ ผ่อนสบายขึ้น ลดภาระในช่วงวัยทำงานและช่วงชีวิตที่กำลังสร้างครอบครัว ทำให้ผู้กู้สามารถมีวงเงินกู้ที่มากขึ้น สามารถเลือกขยายงบประมาณได้ตรงกับความต้องการในการซื้อที่อยู่อาศัยได้มากขึ้น อีกทั้งยังมีความยืดหยุ่นเปิดโอกาสให้ผู้กู้หรือทายาทไถ่ถอนที่อยู่อาศัยนั้นได้ในทุกๆช่วงสัญญา ขณะเดียวกันก็เป็นการเตรียมตัวสร้างความมั่นคงทางการเงินหลังเกษียณ ด้วยรายได้ที่จะช่วยเติมเต็มการใช้ชีวิตและเป็นค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจนถึงอายุ 85 ปี ซึ่งเป็นการเสริมสร้างหลักประกันให้ชีวิตแก่ประชาชน และบรรเทาภาระงบประมาณภาครัฐด้านสวัสดิการชราภาพ”นายชาติชาย กล่าว

 

ทั้งนี้ธนาคารออมสินคาดว่านวัตกรรมทางการเงินรูปแบบใหม่นี้จะกลายเป็นทางเลือกใหม่และเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ผู้บริโภควัยทำงานในยุคปัจจุบันวางแผนทางการเพื่ออนาคตในระยะยาวอย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะที่ธนาคารเองก็สามารถตัดสินใจปล่อยกู้ได้ง่ายขึ้นด้วยหลักประกันที่มั่นคง และสร้างโอกาสให้ธนาคารสามารถนำสินเชื่อแบบReverse Mortgage และสินเชื่อต่าง ๆ ของธนาคารเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่กว้างขึ้น