MQDC นำระบบ Home Intelligent System นำร่องติดตั้งโครงการ “วิสซ์ดอม สเตชั่น รัชดา-ท่าพระ” ตามด้วย “วิสซ์ดอม วัน-โอ-วัน” หวังสเสริมสุขภาพลูกค้าดีขึ้น พร้อมรับประกันระบบยาว 3 ปี

 

จากนโยบายของMQDC ที่ได้ทุ่มงบประมาณกว่า 6,000 ล้านบาท ในการพัฒนานวัตกรรมใหม่ในที่อยู่อาศัย ใหม่ในอนาคตระยะยาว 10 ปี(ปี 2560-2570) โดยส่งเสริมงานของศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน(RISC)ของMQDC ที่จะร่วมกับสตาร์ทอัพที่เป็นผู้นำเทคโนโลยีใหม่ๆนำมาใช้ในโครงการที่อยู่อาศัยของMQDC โดยเริ่มจากการร่วมมือกับบริษัท โอโบตรอนส์ จำกัด เปิดตัวระบบการปฏิบัติการ FULLY- INTEGRATED HOME INTELLIGENT SYSTEM FOR WELL-BEING นวัตกรรมบ้านอัจฉริยะที่จะช่วยส่งเสริมสุขภาพและคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ ความสะดวกสบายของผู้อยู่อาศัยให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน เพื่อตอบโจทย์แบรนด์ดีเอ็นเอหรือแก่นแท้ของแบรนด์ที่ว่าด้วยเรื่อง ‘Sustainnovation’ อย่างเต็มรูปแบบ พร้อมเปิดตัวนวัตกรรม การบูรณาการ การวัดค่าคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ หรือ Co2 และ ERV หรือ Energy Recovery Ventilation ซึ่งเป็นระบบปรับคุณภาพอากาศในอาคารเป็นรายแรกของไทยเสริมระบบบ้านอัจริยะ (Home Intelligent System) ให้สมบูรณ์แบบในทุกมิติ

นายทรงพล พลรัฐ ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานเทคโนโลยีสารสนเทศ บริษัท ดีทีจีโอคอร์ปอเรชั่น จำกัด (DTGO) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ MQDC เปิดเผยว่า นำระบบ Home Intelligent System ที่ไปติดตั้งใช้ในโครงการวิสซ์ดอม สเตชั่น รัชดา-ท่าพระ เป็นโครงการแรกจะรับประกันเป็นระยะเวลา 3 ปี หลังจากนั้นหากลูกค้าจะใช้ระบบดังกล่าวต่อไปต้องมาเจรจาในเรื่องเงื่อนไขกันอีกครั้งหนึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณารายละเอียดด้านราคา ปัจจุบันโครงการวิสซ์ดอม สเตชั่น รัชดา-ท่าพระ ปิดการขายแล้ว 100 % และอยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะสามารถทยอยโอนกรรมสิทธิ์ให้ลูกค้าได้ภายในไตรมาส3/2561

 

ในปีนี้บริษัทจะทำการติดตั้งระบบดังกล่าวในโครงการ“วิสซ์ดอม วัน-โอ-วัน” (Whizdom 101)สุขุมวิท101 ในส่วนของอาคารเอสเซนต์ เป็นลำดับถัดไปด้วย

 

ด้านดร.จิตพัต ฉอเรืองวิวัฒน์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน บริษัท MQDC กล่าว่า จากงานวิจัยของหน่วยงานพบว่าการอยู่ในห้องปรับอากาศ เป็นเวลานานจะส่งผลเสียต่อสุขภาพทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เนื่องจากในห้องปรับอากาศนั้นจะมีปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่มาจากการหายใจออก การเผาผลาญของร่างกาย ของผู้อยู่อาศัยในห้องเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลต่อร่างกาย โดยส่งผลให้มีอาการเพลีย ง่วงนอน ปวดศรีษะ และเหนื่อยง่าย รวมถึงมีผลต่อการตัดสินใจ

 

ระบบ ERV (Energy Recovery Ventilation) เป็นเทคโนโลยีที่เป็นไฮไลท์สำคัญของ Home Intelligent System โดยระบบ ERV จะทำงานสัมพันธ์กับระบบอื่นๆ ของระบบเทคโนโลยีบ้านอัจฉริยะ (Home Intelligent System) จะช่วยถ่ายเทให้ห้องที่เราอยู่มีอากาศที่มีคุณภาพที่ดีขึ้นและมีผลดีต่อสุขภาพ โดยระบบนี้จะตรวจวัดคุณภาพอากาศ (คาร์บอนไดอ๊อกไซด์ หรือ CO2) ภายในห้องนอนและห้องนั่งเล่นตลอดเวลา หากพบว่ามีปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือ CO2 มากกว่าที่กำหนดไว้ ระบบจะทำการเชื่อมโยงอัตโนมัติไปยังเครื่อง ERV เพื่อเติมอากาศจากด้านนอกเข้ามาภายในห้อง และนำอากาศในห้องออกสู่ภายนอกบ้าน/อาคาร จนสภาพอากาศมีปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ลดน้อยลงจนเหมาะกับการพักผ่อนที่มีคุณภาพ โดยใช้ระยะเวลาประมาณ 15 นาที

 

หากใครที่ไม่มีระบบERV ก็สามารถเติมอ๊อกซิเจนเข้ามาในห้องนอนได้ ด้วยการแง้มประตู กระจก หรือเปิดเครื่องดูดอากาศในห้องนอนให้อากาศจากด้านนอกมีโอกาสไหลเวียนเข้ามาในห้องนอนเพื่อลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลดลงทั้งนี้ระดับค่าคาร์บอนไดออกไซด์ที่เป็นระดับมาตรฐานที่จะมีผลกระทบน้อยต่อสุขภาพคือที่ระดับต่ำกว่า 1000 ppm (1 PPM =1 part per million หรือ 1 1 000 000 ส่วน)

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*