แมกโนเลียฯเผยเทรนด์ที่อยู่อาศัยเปลี่ยน ราคาที่ดินปรับตัวสูง เศรษฐีไม่ปล่อยขาย อนาคตรัฐอาจร่วมเอกชนพัฒนาโครงการ ล่าสุดเกิดไอเดียดึงแลนด์ลอร์ดที่ดินกลางเมืองร่วมทุนผุดโครงการ ปี61 จ่อผุดแนวราบ-แนวสูงแบรนด์วิสซ์ดอม 5-6 โครงการ ประเดิมครึ่งปีแรก 2 ทำเล ย่านหัวลำโพง-อโศก รวมมูลค่า 12,000 ล้านบาท ตั้งเป้าปีหน้ายอดขายโตก้าวกระโดด 20,000 ล้านบาท

 

นายอัษฎา แก้วเขียว ประธานผู้อำนวยการ-วิสซ์ดอม บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC)เปิดเผยว่าในอนาคตเทรนด์ของที่อยู่อาศัยจะเปลี่ยนไป ราคาที่ดินมีการปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง 10-20% ในขณะที่รายได้ประชากรนั้นปรับขึ้นเพียง 5-10% ซึ่งไม่สมดุลกัน ทำให้กลไกทางการตลาดเปลี่ยนไปตามราคาที่ดินที่สูงขึ้น  ซึ่งต่อไปรัฐบาลและเอกชนอาจจะร่วมมือกันนำที่ดินแปลงที่มีศักยภาพมาพัฒนาโครงการให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด ผู้ประกอบการเองก็ต้องพิจารณาว่าที่ดินแต่ละแปลงที่จะนำมาพัฒนานั้นสามารถสร้างมูลค่าอย่างไรได้บ้าง อาทิ การพัฒนาในรูปแบบของมิกซ์ยูส หรือปรับพื้นที่เป็น Coworking Space ซึ่งจะต้องพัฒนาโครงการให้เหมาะสมและตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย โดยมองว่าตลาดระดับกลาง-บน ยังไปได้ดี

 

ปัจจุบันที่ดินที่อยู่ในทำเลดีมักหาพัฒนาได้ยากและมีราคาสูง เนื่องจากส่วนใหญ่ครอบครองโดยผู้มีฐานะทางการเงิน ซึ่งไม่มีความจำเป็นในการระบายที่ดินออกขาย ดังนั้นบริษัทฯจึงได้คิดโมเดลธุรกิจในการที่จะเข้าไปเจรจากับแลนด์ลอร์ดที่ดินที่มีศักยภาพด้วยการนำที่ดินมาร่วมทุนพัฒนาโครงการ ซึ่งมีความเป็นไปได้ในหลายแนวทาง ขณะนี้อยู่ในระหว่างการศึกษาข้อมูล คาดว่าจะเริ่มเห็นทิศทางการร่วมทุนดังกล่าวได้ในปี 2561

 

สำหรับแผนการดำเนินงานของบริษัทฯยังคงเน้นการพัฒนาโครงการระดับกลาง-บนในย่านกลางเมืองเป็นหลัก และสามารถนำที่ดินที่พัฒนามาใช้ประโยชน์ได้อย่างสูงสุด  โดยในปี2561 มีนโยบายจะเปิดโครงการภายใต้แบรนด์ “วิสซ์ดอม”จำนวน 5-6 โครงการ ขณะนี้มีที่ดินรองรับหมดแล้ว ซึ่งจะมีทั้งโครงการแนวสูงและแนวราบ ส่วนจะแยกเป็นเซกเมนต์ละกี่โครงการนั้นยังไม่สามารถตอบได้ โดยอยู่ในระหว่างการศึกษาข้อมูล

 

แต่ในครึ่งปีแรก2561 จะเปิดตัวอย่างน้อย 2 โครงการ รวมมูลค่าประมาณ 12,000 ล้านบาท  คือ “วิสซ์ดอม ไชน่าทาวน์” ตั้งอยู่บนพื้นที่ประมาณ 2 ไร่ ใกล้MRT หัวลำโพง  พัฒนาเป็นอาคารสูง 30 ชั้น ราคาขายอยู่ที่ประมาณ 220,000-230,000 บาท/ตารางเมตร และ “วิสซ์ดอม อโศก” ตั้งอยู่บนพื้นที่ 4 ไร่ ติดกับอาคารเลครัชดา พัฒนาเป็นอาคารสูงกว่า 30 ชั้น ราคาขายอยู่ที่ประมาณตารางเมตรละ 200,000 บาทปลายๆ

 

ส่วนโครงการแนวราบจะเป็นการพัฒนาทาวน์เฮาส์ บนพื้นที่ไม่เกิน 15 ไร่ ระดับราคาไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท มุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่อายุตั้งแต่ 20-40 ปี ซึ่งเล็งที่ดินในการพัฒนาในทำเลโซนเหนือและตะวันออกของกทม. โดยยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ในขณะนี้

 

ส่วนความคืบหน้าโครงการ “วิสซ์ดอม อเวนิว รัชดา-ลาดพร้าว”ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ 3 ไร่เศษ เป็นคอนโดฯ 1 อาคาร สูง 27 ชั้น ขนาด 27-120 ตารางเมตร ราคา 4-20 ล้านบาท จำนวน 497 ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,700 ล้านบาท ขณะนี้มียอดขายแล้ว 90% คาดว่าจะปิดการขายทั้งหมดได้ภายในปีนี้

 

“ทุกโครงการภายใต้แบรนด์วิสซ์ดอม เรารับประกันโครงสร้างอาคาร-การใช้งาน การรั่วซึมของน้ำฝน บานวงกบ ประตู หน้าต่าง และงานระบบ(น้ำ-ไฟ้ฟ้า) นานถึง 30 ปี และลูกค้าที่ซื้อโครงการในช่วงนี้จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2560 จะได้รับส่วนลดสูงสุด 500,000 บาท”นายอัษฎา กล่าว

 

ในปี2560 ได้ตั้งเป้ายอดขายแบรนด์วิสซ์ดอม ไว้ที่ 5,000 ล้านบาท เท่ากับปี2559 ที่ผ่านมา เนื่องจากไม่มีการเปิดตัวโครงการใหม่ มีเพียงการระบายสต๊อกเก่าที่รอรับรู้รายได้ในปีนี้ทั้งหมด จาก 3 โครงการ  และในปี 2561 ยอดขายจะโตแบบก้าวกระโดดไปอยู่ที่ 20,000 ล้านบาท เนื่องจากมีการเปิดตัวใหม่หลายโครงการ คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 50% จากยอดขายรวมทั้งหมดของ MQDC