ออลล์ อินสไปร์ฯ เปิดตัวพันธมิตร “ฮูซิเออรส์ โฮลดิ้งส์”ยักษ์อสังหาฯ1ใน10 จากญี่ปุ่น เซ็นสัญญา 3 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 6,000 ล้านบาท นำร่อง“ดิ เอ็กเซล ไฮด์อะเวย์ สุขุมวิท 50” แย้มแผน61 จ่อร่วมทุนเพิ่ม 2-3 โครงการ มูลค่า 5,000-6,000 ล้านบาท เล็งผุดบ้านผู้สูงอายุมิกซ์ยูส  2 ทำเลหัวเมืองท่องเที่ยวหลัก ชลบุรี ภูเก็

 

วันนี้ (4กันยายน 2560)  บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) นายธนากร ธนวริทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ได้แถลงข่าวความร่วมมือกับบริษัท ฮูซิเออรส์ โฮลดิ้งส์ จำกัด(มหาชน) (Hoosiers Holdings) โดยนายสึโตมุ อิคุมะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงินบริษัท ฮูซิเออรส์ฯยักษ์ใหญ่ในวงการอสังหาฯ ติดอันดับ 1 ใน 10 ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ญี่ปุ่น ซึ่งประกอบกิจการด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัยมายาวนานกว่า 20 ปีอีกทั้งยังเป็นบริษัทที่ได้รับรางวัลการันตีอันดับ 1 ทางด้านงานโครงสร้าง และงานดีไซน์หลายรางวัล อีกหลายรางวัล ทั้งในเขตเมืองชิบะ และไซตามะ โดยทุกปีบริษัทจะมีการลงทุนเพื่อการก่อสร้างโครงการอสังหาริมทรัพย์มูลค่าราว 31,900 ล้านบาท พัฒนามาแล้ว 261โครงการ รวม 20,000 ยูนิต และในปีนี้ยอดขายรวมของบริษัทจะอยู่ที่ประมาณ 16,700 ล้านบาท  และลิสต์อยู่ใน 1st Section ของตลาดหลักทรัพย์โตเกียว

 

นายธนากร ธนวริทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออลล์ อินสไปร์ กล่าวว่า การร่วมมือกันครั้งนี้มีธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด(มหาชน)ที่ปัจจุบันถือหุ้นโดย มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (MUFG)แนะนำออลล์ อินสไปร์ฯให้กับกลุ่มฮูซิเออร์ฯได้มาเป็นพันธมิตรกัน ก็ถือว่าออลล์ อินสไปร์ฯมีความน่าเชื่อถือได้ เบื้องต้นได้ข้อตกลงภายใต้ความร่วมมือนั้น จะร่วมกัน 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 6,000 ล้านบาท โดยโครงการแรกที่ร่วมทุนก่อนได้แก่โครงการ  “ดิ เอ็กเซล ไฮด์อะเวย์ สุขุมวิท 50”(The Excel Hideaway Sukhumvit 50) มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท ด้วยการก่อตั้งบริษัท ออลล์ อินสไปร์-ฮูซิเออรส์ สุขุมวิท50 ขึ้นมาพัฒนาโครงการดังกล่าว ด้วยทุนจดทะเบียน 20  ล้านบาท โดยออลล์ อินสไปร์ฯถือหุ้น 51% และฮูซิเออรส์ ถือหุ้น 49% ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายใช้เม็ดเงินในการลงทุนเบื้องต้นฝ่ายละ 5 ล้านเหรียญสหรัฐ และให้สิทธิ์บริษัทออลล์ อินสไปร์ฯ ในการผู้บริหารงานและวางแผนกลยุทธ์ทั้งหมด ภายใต้แบรนด์ ดิ  เอ็กเซล  ทั้งนี้ได้รับการสนับสนุนทางด้านการเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยาฯ ที่จะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับทั้งสองฝ่าย ข้อตกลงสำคัญที่เกิดขึ้นนี้ จะได้รับประโยชน์ทั้งกับลูกค้าและนักลงทุน ในเรื่องของอัตราดอกเบี้ยพิเศษ

 

ทั้งนี้เดิมทางฮูซิเออรส์ฯ มีความต้องการพัฒนาโครงการที่มีขนาดใหญ่ มูลค่าประมาณ 5,000-6,000ล้านบาทขึ้นไป หรือประมาณ 2-3 โครงการต่อปี แต่มองว่าอยากทดสอบการร่วมทุนจากโครงการแรกก่อน(ทุกโครงการที่ร่วมทุนจะตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมาพัฒนาโครงการ) โดยเริ่มจากโครงการ “ดิ เอ็กเซล ไฮด์อะเวย์ สุขุมวิท 50” ที่มีมูลค่าสูงสุด 2,000 ล้านบาท จากแผนการเปิดตัวในครึ่งปีหลังทั้งหมด 7 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 9,700 ล้านบาท  โดยโครงการดังกล่าวบริษัทต้องเปิดการขายตามแผนที่วางไว้คือวันที่ 2 กันยายน 2560 ก่อนที่จะเซ็นสัญญาในวันที่ 4 กันยายน 2560 ซึ่งได้นำ 300 ยูนิตแรกไปเปิดขายก่อน จากทั้งโครงการที่ 772 ยูนิต ขนาดเริ่มต้นที่ 25-48 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้นที่ 1.4-1.9 ล้านบาทหรือ 65,000 บาท/ตารางเมตร และสามารถปิดการขายได้ทั้งหมด โดยยูนิตที่เหลือจะนำมาเปิดการขายใหม่อีกครั้งในต้นเดือนพฤศจิกายนนี้ ซึ่งจะปรับราคาขายขึ้นมากอีก 5%

สำหรับในปี 2561 บริษัทฯจะมีการเปิดตัวใหม่อีกอย่างน้อย 10 โครงการ โดยมีมูลค่าโครงการมากกว่าปี 2560 ประมาณ 10% ซึ่งจะมีการร่วมทุนกับกลุ่มฮูซิเออรส์ ประมาณ 2-3 โครงการ มูลค่าประมาณ 5,000-6,000 ล้านบาท ในจำนวนดังกล่าวจะมีการร่วมทุนพัฒนาบ้านผู้สูงอายุในรูปแบบมิกซ์ยูส ด้วย คือประกอบไปด้วยโครงการแนวสูง แนวราบ โรงเรียนนานาชาติ และส่วนของรีเทล ที่จะดึงพันธมิตรในธุรกิจดังกล่าวมาร่วมทุน โดยมอง 2 พื้นที่ที่มีศักยภาพในการพัฒนา คือ จ.ชลบุรี พื้นที่ 500 ขณะนี้อยู่ในระหว่างการเจรจาซื้อที่ดิน คาดว่าจะสามารถสรุปผลได้ในเร็วๆนี้ และอีกทำเลคือที่จ.ภูเก็ต ขณะนี้อยู่ในระหว่างการมองหาที่ดินแปลงใหม่ ซึ่งจะต้องมีพื้นที่ตั้งแต่ 15 ไร่ขึ้นไป ส่วนรายละเอียดต่างๆยังไม่สามารถเปิดเผยได้ในขณะนี้

อย่างไรก็ตามคาดว่าในปีนี้จะมีรายได้ 1,270 ล้านบาท จากการโอน 821 ยูนิต โดย 3 ปีที่ผ่านมา(2557-2560)ได้พัฒนามาแล้ว 15 โครงการ มูลค่า 14,000 ล้านบาท มีรายได้รวม 1,827 ล้านบาท จากการโอน 1,118 ยูนิต

 

นายสึโตมุ อิคุมะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท ฮูซิเออรส์ โฮลดิ้งส์ จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ในปี 2559ที่ผ่านมาได้เปิดบริษัทสาขาที่ประเทศสิงคโปร์ เพื่อลงทุนในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งที่ผ่านมาได้เข้าไปลงทุนซื้อหุ้นในบริษัทที่พัฒนาคอนโดฯในประเทศเวียดนาม สัดส่วน 49% และลงทุนซื้อหุ้นบริษัทที่พัฒนาทาวน์เฮาส์ในประเทศกัมพูชา สัดส่วน 20% และประเทศไทยถือเป็นประเทศที่ 3 ที่เข้ามาลงทุนในแถบนี้ แต่เป็นประเทศแรกที่เข้ามาร่วมพัฒนาด้วย

“ที่ผ่านมาเรามองหาพันธมิตรที่เป็นผู้ประกอบการไทยมาโดยตลอด แต่ไม่สามารถหาได้ จนกระทั่งธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด(มหาชน) ได้แนะนำออลล์ อินสไปร์ฯ ให้ได้พบปะเจรจาธุรกิจกันแล้วพบว่าเป็นบริษัทที่มีความน่าเชื่อถือ มีอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดดภายในระยะเวลา 4 ปีสามารถเสนอเงื่อนไขที่ดีได้ จึงทำให้อยากร่วมงานด้วย และอยากร่วมพัฒนาโครงการกันอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าปัจจุบันภาพรวมตลาดอสังหาฯในประเทศไทยยังไม่ค่อยดีเท่าที่ควร แต่ออลล์ อินสไปร์สามารถทำยอดขายได้สวนกระแส ทุกโครงการสามารถทำยอดขายได้ดี”นายอิคุมะ กล่าว