จากการที่ “คมสัน วุฒิพงศ์”  มีโอกาสไปศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษ และมีความชื่นชอบด้านสถาปัตยกรรมและการลงทุนด้านอสังหาฯ ครั้นกลับมาประเทศไทยก็มาเริ่มต้นธุรกิจด้านการออกแบบและก่อสร้าง หลังจากนั้นก็เริ่มลงทุนในกองทุนรวมอสังหาฯ ทำให้ได้พบปะกับผู้ประกอบการอสังหาฯ เป็นจำนวนมาก  จึงมีโอกาสได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และเป็นจุดเริ่มต้นของการก้าวเข้ามาลงทุนในธุรกิจอสังหาฯอย่างเต็มตัว ด้วยการร่วมทุนกับกลุ่มเพื่อนที่ดำเนินธุรกิจมินิแฟคทอรี่ ย่านลำลูกกา ก่อตั้งบริษัท ทรูลิงค์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ขึ้นมา โดยตนถือหุ้น 60% และพันธมิตรถือหุ้น 40% และเริ่มมองหาซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการ  แม้จะเป็นผู้ประกอบการน้องใหม่ แต่ “คมสัน”ก็พยายามสร้างความต่างด้วยการเลือกที่ดินที่เป็นเขตพื้นที่กรุงเทพฯชั้นกลาง  ที่เชื่อมระหว่างกรุงเทพฯชั้นในและชั้นนอก ซึ่งก็คือทำเลย่านรัชดาภิเษก และเริ่มพัฒนาโครงการ “เดอะ ควอเทียร์ รัชดา32”  (The Quartier Ratchada 32) ที่มุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายเป็นนิชมาร์เก็ต

 

 

ปักหมุดเปิดตัว”เดอะ ควอเทียร์ รัชดา32”
 
นายคมสัน วุฒิพงศ์  กรรมการ
ผู้จัดการ บริษัท ทรูลิงค์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดอสังหาฯในปี2561 ว่า แม้ว่าจะมีการก่อสร้างรถไฟฟ้ามากกว่า 10 สายแล้ว แต่ดีมานด์ก็ยังไม่กระจายตามซัพพลายที่มีการก่อสร้างเป็นจำนวนมาก แต่เชื่อว่าเมื่อทำเลนั้นๆถูกเปิดแล้ว ซัพพลายที่มีอยู่ก็จะหมดไปในที่สุด  สำหรับทำเลรัชดาภิเษก ถือเป็นเขตกรุงเทพฯชั้นกลางที่ไม่เป็นพื้นที่ย่านใจกลางเมืองจนเกินไป ราคาที่ดินในซอยย่อยมีการปรับตัวสูงขึ้นทุกปี  ปัจจุบันปรับขึ้นมาที่ 20% หรือ 170,000 บาท/ตารางวา จากเมื่อปี 2560 ราคาที่ดินอยู่ที่ 120,000-130,000 บาท/ตารางวา  หากเป็นที่ดินริมถนนซอยจะอยู่ที่ประมาณ 200,000 บาท/ตารางวาขึ้นไป  ดังนั้นการที่พัฒนาโครงการ“เดอะ ควอเทียร์ รัชดา32”  ขึ้นมา จะสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าถึงมูลค่าที่จะเพิ่มขึ้นทุกปี

 

ซึ่งโครงการดังกล่าวตั้งอยู่บนพื้นที่ประมาณ 1 ไร่ รูปแบบการพัฒนาโครงการจะมีความแตกต่างจากโครงการอื่นๆโดยเป็นโฮมออฟฟิศดีไซน์ใหม่ ที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้เป็นอย่างดี สามารถอยู่อาศัยได้ 3 เจเนอเรชั่น  เป็นอาคารแฝดจำนวน 4 กลุ่ม รวม 8 ยูนิต สูง 5 ชั้น ขนาด 570 ตารางเมตร ราคา 28-60 ล้านบาท หรือประมาณ 60,000 บาท/ต่อตารางเมตร  มูลค่าโครงการ 250 ล้านบาท โดยได้ทดสอบทำการตลาดไปแล้ว ขณะนี้มียอดจองแล้ว 2 ยูนิต หากบ้านตัวอย่างก่อสร้างแล้วเสร็จในเดือนตุลาคม 2561 นี้ ก็จะพร้อมเปิดพรีเซลอย่างเป็นทางการ คาดว่าจะสามารถปิดการขายได้ภายในปีนี้

 

“อสังหาฯถือว่าเป็นธุรกิจใหม่ของเรา จึงกึ่งทดสอบและกึ่งนำเสนอด้วยการทำขายจริง สิ่งที่ดิดอาจไม่ตอบสนองก็ได้ แต่เมื่อมีการสื่อสารออกไปแล้ว ปรากฏว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ซึ่งเสน่ห์ของธุรกิจอสังหาฯคือหากผู้ประกอบการรักษาวินัยทางการเงินได้ดี พัฒนาโครงการที่มีคุณภาพ ก็จะมีผลกำไรที่ดีและประสบความสำเร็จ สามารถส่งมอบความเติมเต็มให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี ซึ่งอยากให้ผู้บริโภคพิจารณาผู้ประกอบการรายเล็ก รายใหม่บ้าง เพราะหลายรายก็มีสายป่านด้านการเงินที่ยาวเช่นกัน”นายคมสัน กล่าว

 

เล็งผุดแนวราบแบรนด์ใหม่ย่านชานเมือง

อย่างไรก็ตามนับจากนี้ไปบริษัทฯมีแผนที่จะพัฒนาโครงการแบรนด์ดังกล่าว อย่างต่อเนื่องปีละประมาณ 2 โครงการ  โดยภายในระยะเวลา 2-3 ปีนี้ จะเน้นไปยังทำเลที่เป็นจุดเชื่อมกับย่านใจกลางเมือง ขนาดที่ดินประมาณ 1-2 ไร่  ซึ่งขณะนี้มีที่ดินรองรับแล้ว 1 แปลง คือย่านพระราม3

 

นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะพัฒนาโครงการบ้านจัดสรร แบรนด์ใหม่ ตามหัวเมืองที่เป็นชุมชนรอบนอกกทม.ที่ยังมีกำลังซื้อมาก แต่ยังไม่ค่อยมีโครงการที่มีคุณภาพเปิดขายมากนัก เช่น รังสิต โดยที่ดินที่พัฒนาจะใช้พื้นที่ประมาณ 4-5 ไร่ ประมาณ 30-40 ยูนิต ราคาขายจะอยู่ที่ประมาณ 10 ล้านบาท/ยูนิต  มูลค่าโครงการประมาณ 400 ล้านบาท  ส่วนรายละเอียดต่างๆยังไม่สามารถเปิดเผยได้ในขณะนี้