อสังหาฯภูธรนอร์ธแลนด์ฯขยายธุรกิจรุกตลาดกทม.นำร่องคอนโดฯโลว์ไรส์ ย่านเทิดไท มูลค่ากว่า 800 ล้านบาท ไม่หวั่นการแข่งขันเดือด ชูจุดแข็งประสบการณ์สูง ราคาขายถูก ได้เปรียบต้นทุนก่อสร้าง ระบุหากดีมานด์ตอบรับดี 2 ปีแรกจ่อผุดแนวราบ-สูง ปีละ2 โครงการ ประกาศ 3 ปีเตรียมเข้าจดทะเบียนตลาดmai รายได้แตะ1,000 ล้านบาท

 

 

นายนพดล ธรรมวิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท นอร์ธแลนด์ ดีเวลลอปเม้นต์ จำกัด ผู้พัฒนาโครงการอสังหาฯแนวราบในจ.สระบุรี มากว่า 20 ปี และเมื่อต้นปีที่ผ่านมาได้ร่วมกับกลุ่มนายเลิศมงคล วราเวณุชย์ พัฒนาโครงการ D8 “Luxury Vertical House” ย่านเอกมัย-รามอินทรา เปิดเผยว่า จากประสบการณ์ในการพัฒนาโครงการทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ ในจ.สระบุรี และมองว่าตลาดดังกล่าวมีดีมานด์ที่จำกัด หากต้องการที่จะมีอัตราการเติบโต ก็ต้องมองหาตลาดที่ใหญ่สามารถพัฒนาโครงการได้มากขึ้น จึงมองว่าตลาดกทม.มีดีมานด์ที่มาก และด้วยประสบการณ์ในการพัฒนาโครงการมากกว่า 20 ปีประกอบการมีเครือข่ายที่มากพอสมควร จึงมั่นใจว่าจะสามารถแข่งขันในตลาดกทม.ได้อย่างแน่นอน

 

ดังนั้นในปลายปี 2561 นี้ตนจึงมีแผนที่จะพัฒนาคอนโดฯโลว์ไรส์ในย่านเทอดไท ใกล้สถานีบีทีเอสบางหว้า จำนวน 2 อาคาร ซึ่งมีที่ดินรองรับแล้ว พื้นที่ประมาณ 3 ไร่เศษ ขนาดตั้งแต่ 25-26 ตารางเมตร ราคาตั้งแต่ 1.5 ล้านบาทขึ้นไป หรือประมาณ 70,000บาท/ตารางเมตร จำนวน 400 ยูนิต มูลค่าโครงการกว่า 800 ล้านบาท  ซึ่งแม้จะเป็นผู้ประกอบการรายเล็กที่เพิ่งเข้ามาทำตลาดในกทม.แต่บริษัทฯได้สร้างจุดขายโครงการด้วยการเน้นเรื่องพื้นที่ส่วนกลางที่มากกว่าผู้ประกอบการรายอื่น มีแลนด์สเคปที่ให้ความรู้สึกเสมือนอยู่บ้าน และราคาขายที่ถูกกว่า เนื่องจากมีบริษัทรับเหมาก่อสร้างสของครอบครัว ทำให้ลดต้นทุนไปได้ประมาณ 5%

 

โดยสาเหตุที่เลือกทำเลดังกล่าวในการรุกตลาดกทม.ครั้งแรกนั้น เนื่องจากมองว่าทำเลเทอดไท เป็นต้นทางของสายสีเขียวอ่อน เส้นทางสนามกีฬา-บางหว้า จึงน่าจะมีดีมานด์ค่อนข้างมาก แม้ว่าจะมีซัพพลายมากแต่โครงการต่างๆที่เปิดขายพบว่ามียอดขายรวมมากถึง 80%ซึ่งดีมานด์ก็จะเพิ่มขึ้นตามโครงการที่เปิดตัวใหม่ ทั้งนี้หากเทียบกับโครงการอื่นๆในเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายช่วงบางซื่อ–ท่าพระ และ ช่วงหัวลำโพง–บางแค พบว่าจะมีค่าใช้จ่ายที่มากขึ้นในการเปลี่ยนบขวนรถไฟฟ้า ในขณะที่สายสีเขียวอ่อนนั้นไม่ต้องมีการเปลี่ยนขบวนแต่อย่างใด

 

“ถนนเทอดไทมีความหนาแน่นของดีมานด์ไม่น้อยกว่าทำเลในเมือง แต่ซัพพลายการแข่งขันจะน้อยกว่าทำเลสุขุมวิท ซึ่งเราได้ใช้ระยะเวลาในการศึกษาข้อมูลตลาดมาประมาณ 4 เดือน และซื้อที่ดินมาในราคา 1.5 แสนบาท/ตารางา  เชื่อว่าเมื่อรถไฟฟ้าก่อสร้างแล้วเสร็จราคาที่ดินจะปรับสูงขึ้นไปอีกประมาณ 5%”นายนพดล กล่าว

 

นายนพดล กล่าวเพิ่มเติมว่า หากโครงการคอนโดฯโลว์ไรส์ดังกล่าวประสบความสำเร็จก็จะมีการพัฒนาโครงการใหม่ๆออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 2 ปีแรกอาจจะพัฒนาโครงการแนวราบและแนวสูง เซกเมนต์ละ 1 โครงการ หลังจากนั้นจึงค่อยๆดูสภาวะเศรษฐกิจและแนวโน้มตลาดอีกครั้งหนึ่ง  สวนโครงการที่สระบุรีก็จะพัฒนาอย่างต่อเนื่องปีละ 1-2 โครงการ ทั้งนี้แล้วแต่ที่ดินที่นำมาพัฒนา

 

อีกทั้งบริษัทฯยังมีแผนที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์maiภายในระยะเวลา 3 ปีนับจากนี้ด้วย ซึ่ง ณ วันนั้นบริษัทฯจะต้องไม่ยอดรายได้ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท จากปัจจุบันมียอดขายที่ 500 ล้านบาท