ศูนย์ข้อมูลฯลงนามร่วมกับ 14 สมาคมอสังหาฯจัดทำแอปพลิเคชั่น Self-Reporting เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลโครงการที่อยู่อาศัยผ่านระบบอินเทอร์เน็ต หวังเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการ-ลดสต็อก-ภาวะฟองสบู่ในตลาด   คาดเริ่มใช้ไตรมาส4/61 เล็งแยกศูนย์ข้อมูลฯเป็นนิติบุคคลในรัฐบาลคสช. เล็งนำทรัพย์รอการขายจากกรมบังคับคดี มูลค่า 2 แสนล้านบาท ประมูลขายผ่านระบบออนไลน์

 

 

 นายสุรชัย ดนัยตั้งตระกูล ประธานกรรมการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรือ ธอส. เปิดเผยว่า ศูนย์ข้อมูลฯได้จัดทำแอปพลิเคชั่น Self-Reporting เพื่อจัดเก็บรวบรวมข้อมูลโครงการที่อยู่อาศัยผ่านระบบอินเทอร์เน็ต และขอความร่วมมือผู้ประกอบการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยให้เป็นผู้กรอกข้อมูลที่เป็นปัจจุบันส่งกลับมายังศูนย์ข้อมูลฯ ซึ่งในช่วงระยะเวลาตั้งแต่เดือนมกราคม-พฤษภาคม 2561 ศูนย์ข้อมูลฯได้จัดประชุมชี้แจงวัตถุประสงค์ของการจัดทำแอปพลิเคชั่นและขอความร่วมมือดังกล่าวผ่านสมาคมด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัยมาครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพ-ปริมณฑล และ 9 สมาคมใน 4 ภูมิภาค ซึ่งการลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือจัดทำข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ในครั้งนี้

 

“นับได้ว่าเป็นสัญญาณของการเริ่มต้นที่แสดงถึงความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการพัฒนาและยกระดับคุณภาพของฐานข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ของประเทศ และเป็นครั้งแรกของประเทศไทยที่มีการรวบรวมข้อมูลและจัดทำฐานข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ของประเทศ ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้สามารถนำข้อมูลไปวิเคราะห์สถานการณ์ของตลาด เพื่อนำไปใช้ประกอบการตัดสินใจต่อการดำเนินธุรกิจของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และช่วยเพิ่มขีดความสารถของผู้ประกอบการในการแข่งขัน และสิ่งที่สำคัญคือจะช่วยลดจำนวนสต็อกในตลาดที่เหลืออยู่ไห้ลดลง และทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไม่เกิดภาวะฟองสบู่”นายสุรชัย กล่าว

 

ขณะเดียวกัน 14 สมาคมด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัยจะให้ความร่วมมือสนับสนุนและส่งเสริมให้ผู้ประกอบการที่เป็นสมาชิกสมาคมฯจะช่วยกันรายงานข้อมูลผ่าน Self-Reporting Application บนระบบอินเตอร์เน็ต ที่ศูนย์ฯข้อมูลฯได้พัฒนาขึ้น ระบบนี้จะมีการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลเป็นอย่างดี โดยจะไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดของแต่ละบริษัท ผู้ประกอบการที่ใหมความร่วมมือกรอกข้อมูลผ่านระบบจะได้รับข้อมูลรายงานภาพรวมของตลาดที่อยู่อาศัยเป็นรายไตรมาส

     

โดยที่การที่มีฐานข้อมูลจะช่วยให้ผู้ประกอาการลดค่าใช้จ่ายในการสำรวจข้อมูลการตลาด และศูนย์ข้อมูลฯสามารถติดตามสถานการณ์ความเปลี่ยนแปลงของตลาดที่อยู่อาศัยที่เป็นข้อมูลปัจจุบัน ซึ่งภายหลังจากการลงนามบันทึกความเข้าใจในครั้งนี้แล้วศูนย์ข้อมูลฯจะเดินทางไปแต่ละจังหวัดเพื่อประชุมกับสมาชิกของแต่ละสมาคมและแนะนำการใช้งานแอปพลิเคชั่น เพื่อรวบรวมข้อมูลได้อย่างเป็นรูปธรรมต่อไป และคาดว่าจะเริ่มนำข้อมูลไปใช้ได้จริงช่วงไตรมาส 4/2561

 

นอกจากนี้ธอส.อยู่ระหว่างการเตรียมแยกศูนย์ฯข้อมูลฯ ออกมาจัดตั้งเป็นนิติบุคคล จากปัจจุบันอยู่ภายใต้การบริหารงานของธอส. เพื่อให้ศูนย์ข้อมูลฯมีการบริหารจัดการที่เป็นอิสระ และเป็นการลดต้นทุนให้กับธอส. ที่มีการใช้เงินไปกับศูนย์ข้อมูลเฉลี่ย 50-70 ล้านบาท/ปี โดยที่การจัดตั้งศูนย์ข้อมูลฯเป็นนิติบุคคล ธอส.คาดหวังที่จะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในรัฐบาลชุดปัจจุบัน อีกทั้งยังมีแผนการเพิ่มการบริการใหม่ๆนอกเหนือจากการให้บริการด้านข้อมูลอสังหาริมทรัพย์เข้ามาเพื่อสร้างรายได้ใหม่ๆให้กับศูนย์ข้อมูลฯเช่น การเป็นนายทะเบียนเพื่อรับจดทะเบียนนายหน้าขายอสังหาริมทรัพย์ การขายบ้านมือสองผ่านช่องทางออนไลน์ โดยที่ศูนย์ข้อมูลฯจะนำทรัพย์รอการขายจากกรมบังคับคดี มูลค่า 2 แสนล้านบาท มาประมูลขายผ่านระบบออนไลน์ แต่ยังต้องรอกฏหมายผ่านกฤษฎีกา เพื่อให้กรมบังคับคดีขายทรัพย์ได้ ซึ่งกรมบังคับคดีจะเซ็น MOU กับธอส.เพื่อจะขายทรัพย์ให้ศูนย์ข้อมูลฯในช่วงเดือนกรกฎาคม 2561นี้ นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างรอการพิจารณาของบประมาณจากกองทุนพัฒนาสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หรือ กองทุนพัฒนา SFI ประมาณ 31 ล้านบาท เพื่อพัฒนาระบบขายออนไลน์