Cr.ภาพจากโครงการ Golden Town สุขสวัสดิ์

ด้วยเพราะโจทย์ด้านทำเลและการเดินทางที่สะดวกนั้น มีความสำคัญทำให้เทรนด์การอยู่อาศัยของผู้บริโภคจะเปลี่ยนหันมาพักอาศัยในคอนโดมิเนียม ที่มีการขยายฐานกว้างขึ้นจากกลุ่มคนวัยทำงานสู่กลุ่มครอบครัวและวัยผู้ใหญ่มากขึ้น แต่จากราคาที่ดินที่ดันตัวสูงขึ้นและการปรับผังเมืองในบางพื้นที่ ได้ส่งผลให้ตลาดเกิดการเปลี่ยนแปลงที่อยู่อาศัยมาสู่แนวราบประเภท “ทาวเฮ้าส์” หรือ “ทาวน์โฮม” ที่พบว่าตลาดมีการขยายตัวขึ้นเรื่อยๆโดยในแต่ละปีมีมูลค่าตลาดโดยรวมอยู่ที่ 60,000-70,000 ล้านบาท (ลบ.)ขณะที่มูลค่าตลาดโดยรวมอสังหาฯในกรุงเทพฯและปริมณฑลอยู่กว่า 4 แสนล้านบาท

คาดตลาดทาวน์เฮ้าส์ปี 61 เติบโตกว่า15%

นายอธิป พีชานนท์ นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า ทาวน์เฮ้าส์จะเป็นสินค้าที่ทดแทนตลาดคอนโดฯ เนื่องจากว่าราคาขายคอนโดฯนั้นปรับเพิ่มสูงขึ้น คนที่มีเงินที่ซื้อคอนโดฯไม่ได้ก็จะหันไปซื้อทาวน์เฮ้าส์แทน ในขณะเดียวกันหากมองถึงความคุ้มค่าด้านพื้นที่ใช้สอย การอยู่อาศัยในทาวน์เฮ้าส์ก็จะคุ้มค่ามากกว่า หากเปรียบเทียบราคาเท่ากัน 3 ล้านบาท กล่าวคือ ถ้าซื้อคอนโดฯก็จะได้พื้นที่ใช้สอยอย่างมากก็ 30 ตารางเมตร(ตร.ม.) ในขณะที่ซื้อทาวน์เฮ้าส์ก็จะได้พื้นที่ใช้สอยไม่น้อยกว่า 90 ตร.ม.แม้ทำเลที่ซื้อจะอยู่พื้นที่รอบนอกกรุงเทพฯก็ถือว่าคุ้มค่า และเทรนด์การเติบโตของตลาดทาวน์เฮ้าส์เริ่มเห็นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา

 

“ผมว่าปีนี้ ตลาดทาวน์เฮ้าส์น่าจะเติบโตได้มากว่า 15 % (YoY) หรือมีมูลค่ารวมกว่า 8 หมื่นล้านบาท ซึ่งเปอร์เซ็นต์การเติบโตนี้มีสัดส่วนที่มากว่าตลาดรวมที่อยู่อาศัยทั้งระบบด้วย โดยตลาดทาวน์เฮ้าส์ระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทน่าจะเป็นตลาดที่ใหญ่สุด แต่ก็บางโครงการในบางทำเล ถ้ามีการดีไซน์พิเศษ เพิ่มเทคโนโลยี หรือ มีอินโนเวชั่นที่ตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยราคาอาจถึง 5 ล้านบาท”นายอธิป กล่าวให้ความเห้นพร้อมกับย้ำว่า ตลาดบ้านทาวน์เฮ้าส์ยังจะได้รับความนิยมต่อเนื่องไปจนถึง 1-2 ปีข้างหน้า

 

ด้วยเหตผลเรื่อง “ราคา” และความ “คุ้มค่า” ประกอบกับการขยายโครงข่ายระบบขนส่งมวลชนขนาดใหญ่ “โครงการรถไฟฟ้า”ได้ขยายสู่พื้นที่รอบนอกกรุงเทพฯมากขึ้นนั้น นั่นเท่ากับว่าเป็นการเปิดโอกาสให้ตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบได้รับผลบวก โดยทำเลใหม่ที่น่าสนใจคือ ราชพฤกษ์-รัตนาธิเบศร์,วงแหวนตะวันออก (พระราม 9-กรุงเทพกรีฑา) หากพิจารณาถึงแผนการพัฒนาที่อยู่อาศัยแนวราบประเภททาวน์เฮาส์ทั้งที่ได้เปิดตัวโครงการไปแล้ว และกำลังจะเปิดตัวในครึ่งหลังของปี2561 พื้นที่รอบนอกกรุงเทพฯจนถึงปริมณฑลจะเกิดการขยายตัวจากผู้เล่นรายใหญ่หลักๆดังนี้ คือ พฤกษา,โกลเด้นแลนด์, เอพี(ไทยแลนด์), แลนด์แอนด์เฮ้าส์ , ควอลิตี้เฮ้าส์ , เจ.เอส.พี.ฯ,ศุภาลัย , แสนสิริ, เอสซี แอสเสท และ พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค เป็นต้น

 

บิ๊กเนมเปิดศึกไล่ล่า Market Share

ทั่งนี้ หากมองทาวน์เฮ้าส์กลุ่ม Segment Mid-high ระดับราคา 3-5 ล้านบาทและ Mid-low ระดับ 2-3 ล้านบาทนั้นผู้ที่ครองแชมป์ผู้นำตลาดยังคงเป็น พฤกษา ที่ปี 2561 วางแผนเปิดตัวทาวน์เฮ้าส์ใหม่ทั้งหมด 44 โครงการ(จากทั้งหมด77โครงการ)โดยมีแบรนด์สินค้าหลักอยู่ 4 แบรนด์ ได้แก่ บ้านพฤกษา,พฤกษา วิลล์,เดอะ คอนเนค และพาทิโอ และในแต่ละปีพฤกษา มียอดขายจากกลุ่ม ทาวน์เฮ้าส์ไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท โดยในปี 2560 ที่ผ่านมามียอดขายจากสินค้ากลุ่มนี้ที่ 21,751 ล้านบาทลดลง 6.3%จากปีก่อนที่มียอดขายอยู่ 23,202 ล้านบาทหรือลดลง 1,452 ล้านบาท

 

แม้พฤกษาจะเป็นผู้นำตลาดในสินค้าทาวน์เฮ้าส์แต่ขณะเดียวกันก็พบว่ามีเพื่อนร่วมธุรกิจรายอื่นๆก็กระโดดลงมาเล่นตลาดนี้เพิ่มมากขึ้น เช่น แสนสิริ ที่ได้ประกาศ ลุยตลาดทาวน์เฮาส์ เป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญของการดำเนินธุรกิจโดยปี 2561 แสนสิริมีแผนลงทุนพัฒนาโครงการทาวน์เฮาส์ จำนวน 11 โครงการ มูลค่ารวม 9,600 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นโครงการแบรนด์ ” สิริเพลส” 8 โครงการ จำนวนกว่า 2,000 ยูนิต มูลค่ารวมกว่า 6,500 ล้านบาท ในทำเลกรุงเทพฯ และภูเก็ต ราคาเริ่มต้น 1.69 ล้านบาท

 

โดยในช่วงที่ผ่านมา แสนสิริเปิดตัวมากถึง 5 โครงการ 5 ทำเล ประกอบด้วย 1.โครงการ สิริเพลส รังสิต สร้างบนที่ดินรวม 38 ไร่ จำนวน 413 ยูนิต มูลค่าโครงการ 960 ล้านบาท ที่ดิน. 16-20 ตารางวา ราคาเริ่ม 1.99-4 ล้านบาท ,2. โครงการ สิริเพลส นวนคร บนที่ดิน 26 ไร่ 367 ยูนิต มูลค่าโครงการ 798 ล้านบาท ที่ดิน 16-31 ตารางวา เริ่มต้น 1.69-3 ล้านบาท, 3. โครงการ สิริเพลส สุขสวัสดิ์-พระราม 3 สร้างบนที่ดิน 18 ไร่ 199 ยูนิต มูลค่าโครงการ 688 ล้านบาท พื้นที่ใช้สอย 117-133 ตารางเมตร บนที่ดิน 18-20 ตารางวา ราคา 2.99-4.5 ล้านบาท,4. โครงการ สิริเพลส ราชพฤกษ์-รัตนาธิเบศร์ สร้างบนเนื้อที่ 9 ไร่ 93 ยูนิต มูลค่าโครงการ 297 ล้านบาท ที่ดิน 20-42 ตารางวา ราคาเริ่ม 3.19-3.9 ล้านบาท และ 5. โครงการ สิริเพลส กัลปพฤกษ์-สาทร สร้างบนที่ดิน 13 ไร่ 133 ยูนิต มูลค่าโครงการ 524 ล้านบาท บนที่ดิน 18-52 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 117 ตารางเมตร ราคา 2.99-4.5 ล้านบาท ทั้งนี้ ทั้ง 5 โครงการนั้นแบ่งการพัฒนาเป็นเฟสๆ

 

พร้อมกันนี้แสนสิริยังได้จับมือ 4 พันธมิตรธนาคารชั้นนำได้แก่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน), ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน), ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ในการให้สินเชื่อผ่อนต่ำนาน 2 ปี และสำหรับลูกค้าโครงการ “สิริ เพลส” อีก 3 โครงการได้แก่ สิริ เพลส จรัญ-ปิ่นเกล้า, สิริ เพลส ราชพฤกษ์ – 345 และ สิริ เพลส ภูเก็ต จะเปิดตัวในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ซึ่งได้ตั้งเป้ารายได้จากทาวน์เฮาส์ในปีนี้ 3,000 ล้านบาท

 

ในขณะที่ โกลเด้นแลนด์ ก็รุกตลาด จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นครั้งแรกในช่วงไตรมาส 2/2561 พร้อมกับมีแผนเปิดตัวโครงการในย่านโซนศรีนครินทร์-เทพารักษ์ รวมถึงอาจจะหันหัวรบลงมาเจาะตลาด Economy ระดับราคา 1-2 ล้านบาทด้วยเช่นกัน ซึ่งสินค้ากลุ่มนี้ พฤกษา เป็นผู้นำตลาด การโหมตลาดทาวน์เฮ้าส์ของโกลเด้นแลนด์ นั้นมีความน่าสนใจไม่น้อยทั้งทำเลที่ตั้งแม้จะไม่ติดถนนใหญ่ แต่ก็อยู่ในทำเลที่อยู่ใกล้กับทำเลคู่แข่งในระดับราคาที่เปิดตัวต่ำกว่าหรือใกล้เคียงกับคู่แข่ง การพัฒนาโปรดักส์ชูจุดขายบ้านสไตล์อังกฤษ,อิตาลีฟังก์ชั่นพิเศษแบบ EXTRA FUNCTION ให้ความรู้สึกเหมือนอยุ่บ้านเดี่ยว แม้จะเป็นทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้นแต่มีถึง 3-4 ห้องนอน โดยห้องนอนชั้นล่างที่ปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นการใช้งานได้

 

ปีนี้โกลเด้นแลนด์ จะเปิดเพิ่มอีก 18 โครงการผ่านทาวน์เฮ้าส์อยู่ 3 แบรนด์ คือ โกลเด้น ทาวน์ เป็นทาวน์โฮม 2 ชั้นระดับราคา 2-3 ล้านบาท, โกลเด้น ซิตี้ ทาวน์โฮม 2-3 ชั้น ระดับราคา 2-5 ล้านบาท และแบรนด์โกลเด้น อเวนิว จะเป็นการมีกซ์สินค้าทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์เฮ้าส์อยู่ในโครงการเดียวกันระดับราคา 2-5 ล้านบาท การวางกลยุทธ์ดังกล่าวของโกลเด้นแลนด์ นั้นบ่งชัดว่า หากผู้บริโภคเดินเข้ามาในโครงการจะต้องมีสักโปรดักส์ที่ถูกใจลูกค้า

 

ด้าน เอพี(ไทยแลนด์)นั้น ปี2561 ตั้งเป้าเปิดตัวทาวน์โฮม 17 โครงการ มูลค่า 15,300 ล้านบาท ระดับราคาที่ขายส่วนใหญ่เป็น Segment 3-5 ล้านบาทภายใต้แบรนด์ “บ้านกลางเมือง” และแบรนด์ พรีโน่” โดยทำเลนั้นอยู่ที่ ราชพฤกษ์-รัตนาธิเบศร์ ,รามอินทรา-วัชรพล ,พระราม 9-พัฒนาการ,พระราม 9-กรุงเทพกรีฑา ,รังสิตคลอง 4-วงแหวน,ปิ่นเกล้า-จรัญฯ

 

ทั้งหากพิจารณาถึงตลาดทาวน์เฮ้าส์ Segment 3-5 ล้านบาท นั้นเป็นตลาดที่ผู้ประกอบการรายใหญ่ให้ความสำคัญ ซึ่งนอกจาก เอพี(ไทยแลนด์)และแสนสิริที่เปิดตัวภายใต้แบรนด์ “สิริ เพลส” และแบรนด์ “โกลเด้น”ของโกลเด้นแลนด์ แล้ว ยังมี แบรนด์“ indy” ของ แลนด์แอนด์เฮ้าส์ ,แบรนด์ “คาซ่า ซิตี้” ของ ควอลิตี้เฮ้าส์ ที่เปิดตัว 4 โครงการทำเล ดอนเมือง-สรงประภา ,บางนา-กิ่งแก้ว ,รามคำแหง-มิสทีน และพระราม5-ปิ่นแกล้า ,แบรนด์ “SUPALAI ESSENCE” ซึ่งเป็นสนค้าแบรนด์ใหม่ของ ศุภาลัย ที่เปิดตัวย่านลาดพร้าว และโครงการ “The METRO” ของ พร็อพเพอร์ตี้เพอร์เฟค ที่ปีนี้เปิดตัวภายใต้แบรนด์ดังกล่าว 4 โครงการมูลค่า 4,317 ล้านบาทในทำเลปทุมธานี และเจ้งวัฒน ส่วนอีก2โครงการยังไม่ระบุทำเล โดยในปี2561นี้พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ตั้งเป้าเปิดตัวทาวน์เฮ้าส์ทั้งหมด 10 โครงการรวมมูลค่า 8,876 ล้านบาท

 

ส่วนตลาดทาวน์เฮ้าส์ Segment 2-3 ล้านบาทก็มีความร้อนแรงไม่แพ้กันมีผู้เล่นรายใหญ่ๆดังนี้ เช่น แบรนด์ “Villaggio” ของแลนด์แอนด์เฮ้าส์ ที่เปิดตัวโครงการที่ สันทราย เชียงใหม่ ,เกาะเรียน อยุธยา ,ทำเลเพชรเกษม สาย 4 และ บางนา ศรีนครินทร์ , แบรนด์ “กัสโต” ของ ควอลิตี้เฮ้าส์ ที่เปิดตัว1โครงการย่าน เพชรเกษม 69 ,แบรนด์ “ ศุภาลัย พรีโม่” ที่เปิดในทำเล ชัยพฤกษ์-บางบัวทอง, แบรนด์ “MODI Villa” ของพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค และแบรนด์“ เวิร์ฟ” ของเอสซี แอสเสท เป็นต้น

 

นั่นเป็นเพียงความเคลื่อนไหวเพียงส่วนหนึ่งของการเปิดเกมรุกตลาดที่อยุ่อาศัยประเภททาวน์เฮ้าส์ ซึ่งผู้ประกอบการในแต่ละรายต่างก็มุ่งเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด ( Market Share) ในตลาดนี้กันทุกราย และเป็นที่น่าจับตามองอย่างยิ่งว่าผู้ประกอบการรายไหนจะแย่งส่วนแบ่งการตลาดของเพื่อนร่วมธุรกิจไปครองต้องติดตา