บอร์ดศุภาลัยลงมติส่งบริษัทย่อยซื้อหุ้นมั่นคงเคหะการฯราคาหุ้นละ 4.10 บาท ส่งผล “ประทีป ตั้งมติธรรม” ถือหุ้นใหญ่สุด จำนวน 112 ล้านหุ้น คิดเป็นร้อยละ 11.29  เตรียมส่งหนังสือแจ้งผู้ถือหุ้นภายใน 21 วัน มั่นใจทรัพย์สินที่ลงทุนสามารถเพิ่มมูลค่า เสริมศักยภาพ ความแกร่งระยะยาว

 

 

เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2561 เวลาประมาณ 21.03 น.บริษัท ศุภาลัย จำกัด(มหาชน)หรือ SPALI ได้ส่งหนังสือแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)ว่า ในวันดังกล่าวที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่7/2561 ได้มีมติเป็นเอกฉันท์อนุมัติให้บริษัท ศุภาลัย พรอพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัด(SPM) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ SPALI ถือหุ้นร้อยละ 99.99 ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดในบริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด(มหาชน)หรือ MK โดยสมัครใจ (Voluntary Tender Offer ) ตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุนที่ ทจ.12/2554  เรื่องหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการในการเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการ (รวมทั้งที่ได้แก้ไขเพิ่มเติม) (ประกาศการเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการ) ในราคาหุ้นละ 4.10 บาท ภายใต้เงื่อนไขว่า SPM จะทำการยกเลิกคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมด หากเมื่อสิ้นสุดระยะเวลารับซื้อแล้วมีผู้เสนอขายหุ้นจำนวนน้อยกว่าร้อยละ 25.00 ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ MK

 

ทั้งนี้ SPM มีหน้าที่ต้องยื่นประกาศเจตนาในการเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการ (แบบ247-3) ภายใน 3 วันทำการ นับจากวันที่ประกาศต่อสาธารณชน และคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ (แบบ247-4) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงานก.ล.ต.)และทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดใน MK รวมทั้งดำเนินการต่างๆตามประกาศการเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการ

 

อนึ่ง การเข้าทำรายการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดใน MK ของ SPM ถือเป็นรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุนที่ ทจ. 20/2551 เรื่อง หลักเกณฑ์ในการทำรายการที่มีนัยสำคัญเข้าข่ายเป็นรายการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ และประกาศคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลและการปฏิบัติการของบริษัทจดทะเบียนในการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ พ.ศ.2547 (รวมทั้งที่ได้แก้ไขเพิ่มเติม) (ประกาศเรื่องรายการได้มาหรือจำหน่ายไป) ซึ่งขนาดรายการของการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดใน MK (คำนวณภายใต้สมมติฐานที่ผู้ถือหลักทรัพย์ของ MK ทุกรายตอบรับคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดในMK) ในครั้งนี้เท่ากับร้อยละ 22.29 ซึ่งถือเป็นรายการประเภทที่2 คือ รายการที่มีขนาดรายการมูลค่าเท่ากับร้อยละ 15 หรือสูงกว่า แต่ต่ำกว่าร้อยละ 50 โดยคำนวณขนาดของรายการตามเกณฑ์มูลค่าสินทรัพย์ที่มีตัวตนสุทธิ ซึ่งเป็นเกณฑ์ที่ได้ผลลัพธ์เป็นมูลค่าสูงสุด

 

ทั้งนี้บริษัทและSPM ไม่มีรายการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์รายการอื่นที่เกิดขึ้นในระหว่าง 6 เดือนก่อนวันที่มีการตกลงเข้าทำรายการในครั้งนี้ การทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดโดยสมัครใจดังกล่าว จึงถือเป็นรายการประเภทที่ 2 ตามประกาศเรื่องรายการได้มาหรือจำหน่ายไป ดังนั้นบริษัทจึงมีหน้าที่ต้องดำเนินการต่างๆดังนี้

 

1.เปิดเผยสารสนเทศและข้อมูลเกี่ยวกับรายการประเภทที่2 ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลาดหลักทรัพย์)ตามประกาศเรื่องรายการได้มาหรือจำหน่ายไป

2.จัดส่งหนังสือแจ้งผู้ถือหุ้นของบริษัทภายใน 21 วัน นับแต่วันที่เปิดเผยรายการต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ

 

ทั้งนี้ธุรกรรมมีรายละเอียดปรากฏตามสารสนเทศเกี่ยวกับการได้มาซึ่งสินทรัพย์ของ SPALI (บัญชี1)

 

โดยสินทรัพย์ที่ได้มาในการทำรายการครั้งนี้ คือ หุ้นสามัญของ MK จำนวน 992,010,177 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท คิดเป็นสัดส่วน 100.00 ของทุนจดทะเบียนและชำระแล้วของ MK โดยมีนายประทีป ตั้งมติธรรม เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่สุด จำนวน 112 ล้านหุ้น คิดเป็นร้อยละ 11.29

 

ทั้งนี้บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด(มหาชน)หรือ MK  ก่อตั้งเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2516 ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 992 ล้านบาท ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายมาแล้วกว่า 64 โครงการ ส่วนใหญ่เป็นอสังหาริมทรัพย์พื่อที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ภายใต้แบรนด์ “ชวนชื่น”และ “สิรีนเฮ้าส์” ในรูปแบบของบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม โดย MK จะพัฒนาอสังหาฯเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ต้องกาเข้าอยู่ทันที โดยระดับราคาบ้านของ MK เฉลี่ยประมาณ 2-5 ล้านบาท  โดยในปี 2560 MK มีโครงการประเภทที่อยู่อาศัยที่เปิดดำเนินการทั้งหมด 12  โครงการ

 

ส่วนธุรกิจอสังหาฯเพื่อให้เช่าและบริการ เป็นธุรกิจที่ MK มุ่งเน้นให้เกิดรายได้ค่าเช่า ค่าบริการในระยะยาวและต่อเนื่อง (Recurring Income) ซึ่งปัจจุบันMK มีอสังหาฯเพื่อให้เช่าและบริการหลายประเภท ได้แก่ ธุรกิจอาคารคลังสินค้าและอาคารโรงงานให้เช่า ขนาดพื้นที่ประมาณ 350 ไร่ ตั้งอยู่ในโครงการ Bangkok Free Trade Zone ซึ่งเป็นพื้นที่สัญญาเช่าช่วงที่ดินโดยบริษัทย่อยของ MK และในโครงการดังกล่าวยังมีพื้นที่อีกประมาณ 700 ไร่ ซึ่ง MK วางแผนจะพัฒนาเป็นพื้นที่สำหรับพัฒนาอสังหาฯเพื่อการพาณิชย์ในรูปแบบอาคารโรงงาน และคลังสินค้าให้เช่า นอกจากนี้ MK ยังมีอสังหาฯเพื่อให้เช่าประเภทอาคารสำนักงานในอาคามั่นคงเคหะการ สำหรับพื้นที่ในส่วนที่บริษัทไม่ได้ใช้ประโยชน์  โครงการอพาร์ตเมนต์เพื่อเช่า ภายใต้แบรนด์ “Park Court สุขุมวิท77” จำนวน 5 อาคารๆละ 7 ชั้น จำนวน 14 ยูนิต/อาคาร ขนาด 3 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอยประมาณ 260 ตารางเมตร

 

ในส่วนของธุรกิจบริการ MK มีธุรกิจสนามกอล์ฟ “ชวนชื่น กอล์ฟ คลับ” ซึ่งเป็นสนามกอล์ฟ ขนาด 18 หลุม พร้อมคลับเฮ้าส์และสนามไดร์ฟกอล์ฟ โดยมีพื้นที่ประมาณ 400 ไร่ ตั้งอยู่บนถนนกรุงเทพปทุมธานี อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี และ MK ยังมีธุรกิจบริหารอสังหาฯเกี่ยวกับการบริการจัดการอาคารอีกด้วย

 

อย่างไรก็ตามจากการเข้าซื้อสินทรัพย์ของ MK ในครั้งนี้ ทางSPALI คาดว่าจะมีโอกาสในการลงทุนในบริษัทซึ่งมีทรัพย์สินที่บริษัทสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้ เช่น ที่ดินเปล่า โครงการอสังหาฯระหว่างการพัฒนา เป็นต้น ,โอกาสในการสร้างมูลค่าเพิ่มจากการที่บริษัทและ MK มีจุดเด่นและความเชี่ยวชาญที่แตกต่างกัน โดยการผสานทรัพยากรด้านความรู้ ความเชี่ยวชาญ เทคโนโลยี รูปแบบสินค้า ตราสินค้า การก่อสร้าง การจัดซื้อ ความแข็งแกร่งทางการเงิน และบุคลากร อีกทั้งเพิ่มอำนาจต่อรองกับผู้รับเหมาในการจัดหาวัตถุดิบและการก่อสร้าง เนื่องจากมีขนาดการลงทุนและการก่อสร้างรวมที่มากขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันในระยะยาว และเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจด้านต่างๆ ,เพิ่มโอกาสในการเติบโตของบริษัท จากการขยายธุรกิจและการลงทุนไปยังธุรกิจพัฒนาอสังหาฯเพื่อให้เช่า-บริการ และขยายการลงทุนให้ครอบคลุมประเภทของสินทรัพย์ในกลุ่มธุรกิจอสังหาฯมากขึ้น โดยเฉพาะอสังหาฯเพื่อให้เช่า-บริการ และเพิ่มสัดส่วนรายได้จากรายได้ค่าเช่า-บริการ(Recurring Income) ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงด้านผลประกอบการ โดยการกระจายรายได้ให้มาจากหลากหลายประเภททรัพย์สิน